พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ชี้ยืนยันมุ่งเน้นส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค

สสจ.เชียงใหม่ ชี้แจงกรณี”แก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ยืนยันมุ่งเน้นส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และเตรียมพร้อม มาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อที่เข้มแข็งของประเทศ ”


นพ.จตุชัย มณีรัตน์ รองนายแพทย์ สสจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545  ซึ่งใช้บังคับมานานแล้ว พบปัญหาข้อขัดข้องที่เป็นอุปสรรคต่อความคล่องตัว ในการบริหารจัดการในการให้บริการของหน่วยบริการ ส่งผลกระทบต่อการให้บริการทางการแพทย์ และสาธารณสุขแก่ประชาชนและผู้รับบริการ โดยรวม จึงมีการปรับปรุง แก้ไขเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงาน และการสนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุข ของหน่วยบริการมากขึ้น ส่งผลต่อการบริการสาธารณสุข โดยเฉพาะการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค  และยกตัวอย่าง เช่น

1. มาตรา 3 ความหมายของคำว่า “บริการสาธารณสุข” เดิมหมายถึง บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่ให้โดยตรงแก่บุคคล เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การตรวจวินิจฉัย การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสมรรถภาพ ที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต………แก้ไขเพิ่มเติม โดย ตัดคำว่า “โดยตรง”ออก และเพิ่มข้อความ “ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงการสนับสนุน และส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขด้วย” ประโยชน์ของการแก้ไข เพื่อให้หน่วยบริการสามารถนำเงินไปใช้จ่ายทั้งแก่บุคคล และเพื่อสนับสนุน ส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขด้วย

2.มาตรา 3 ความหมายของคำว่า “สถานบริการ” พ.ร.บ.ใหม่ เพิ่มหน่วยงานอื่นของรัฐที่สนับสนุนและส่งเสริมการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ตามที่คณะกรรมการกำหนดด้วย ประโยชน์ของการแก้ไข ทำให้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถสนับสนุนเงินแก่สำนักงาน สสจ.และสำนักงาน สสอ.ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่สำคัญในการสนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ รวมทั้งมีส่วนให้บริการด้วย

3.มาตรา 4 เพิ่มคำนิยามของ “เงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ”คือ เงินที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข และเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ และกำหนดรายการ “ค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุข” ให้มีความชัดเจน (ซึ่ง พ.ร.บ.เดิม ไม่มี) ประโยชน์ของการแก้ไข เพื่อให้มีความชัดเจนและความเข้าใจที่ตรงกันกับหน่วยตรวจสอบภาครัฐ ทำให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการและการให้บริการสาธารณสุขมากขึ้น

4. มาตรา 45 เพิ่มหน้าที่หน่วยบริการ ในข้อ 5 เดิม การจัดทำระบบข้อมูลการให้บริการสาธารณสุข เพื่อสะดวกต่อการตรวจสอบคุณภาพและบริการ รวมทั้งการขอรับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข โดยเพิ่ม “และค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุข” และเพิ่มหน้าที่หน่วยบริการ ข้อ 6 จัดให้มีบริการสาธารณสุขในระดับบุคคล โดยอาจดำเนินการ ด้วยตนเอง หรือให้องค์กรชุมชน องค์กรเอกชนและภาคเอกชนที่ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อดำเนินการแสวงหาผลกำไร เป็นผู้ดำเนินการแทนก็ได้ ประโยชน์ของการแก้ไข เพื่อให้ทุกภาคส่วน สามารถมีส่วนร่วมในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแก่ประชาชน

5. เพิ่มมาตรา 47/1  องค์กรชุมชน องค์กรเอกชนและภาคเอกชนที่ไม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อดำเนินการแสวงหาผลกำไร ให้รับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข จากหน่วยบริการหรือจากกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น  ประโยชน์ของการแก้ไข เพื่อเป็นการกระจายอำนาจให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาสุขภาพ และบริการสาธารณสุขที่เน้นการมีส่วนร่วมในระดับท้องถิ่น ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาชน โดยเฉพาะการบริการสาธารณสุขเชิงรุก (การส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค) นพ.จตุชัย มณีรัตน์ กล่าวเพิ่มเติม ถึงกรณีที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เตรียมความพร้อม เฝ้าระวัง ป้องกัน การควบคุมโรคติดต่อเพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจต่อมาตรการป้องกัน และการควบคุมโรคติดต่อที่เข้มแข็งของประเทศ เน้นไข้หวัดใหญ่ และเปลี่ยนการฉีดวัคซีนไข้เหลือง เข็มเดียวมีภูมิตลอดชีวิต เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2560

ที่กระทรวงสาธารณสุข ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณา (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรการการ ป้องกันควบคุมโรคไข้เหลือง โดยมีการพิจารณาเปลี่ยนแปลงข้อกำหนด การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง  ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยกำหนดว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง 1 เข็ม สามารถกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันป้องกันโรคได้นานตลอดชีวิต ไม่จำเป็นต้องฉีดเข็มกระตุ้นซ้ำ จากเดิม 1 เข็ม ป้องกันได้ 10 ปี  คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ได้มีมติเห็นชอบในหลักการดังกล่าว จึงได้ประกาศให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำหลักการนี้ไปดำเนินการ เพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ และนำไปปรับมาตรการ หลักเกณฑ์การตรวจลงตราแก่คนต่างด้าว ที่เดินทางมาจากประเทศที่เป็นเขตติดโรคไข้เหลืองต่อไป

สำหรับข้อนำเสนอแนวปฏิบัติในการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza มอบหมายให้โรงพยาบาลในพื้นที่ ทำการเฝ้าระวัง การดูแลรักษาและพร้อมให้คำแนะนำอย่างถูกต้อง เมื่อตรวจพบผู้ป่วย การให้วัคซีนในกลุ่มเสี่ยงและสนับสนุนเวชภัณฑ์ที่จำเป็น เช่น ยาต้านไวรัส  หน้ากากอนามัย ให้เพียงพอกับสถานพยาบาลใน จ.เชียง ใหม่ นอกจากนั้นยังมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ดำเนินการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ในชุมชน รวมทั้งให้คำแนะนำประชาชนในการส่งเสริมสุขภาพอนามัย สื่อสารความเสี่ยง ให้กับประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง  โดยกลุ่มเป้าหมายที่ สปสช. กำหนด ได้แก่ 1) หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป  2) เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี  3) ผู้มีโรคเรื้อรัง ทุกกลุ่มอายุ คือ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน  4) บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป

โดยสามารถรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ฟรี ที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน สำหรับสถานการณ์ โรคไข้หวัดใหญ่ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่ 1 ม.ค.– 25 มิ.ย. 2560 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ จำนวน 3,214 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 191.46 ต่อแสนประชากร ยังไม่พบเสียชีวิต  กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ 5 – 9 อำเภอที่มีอัตราป่วยต่อแสนประชากรสูงสุด คือ สันทราย ดอยสะเก็ด สันกำแพง โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ สำนักงาน สสจ. เชียงใหม่ โทร.053-211 048-50 ต่อ 110-112

ร่วมแสดงความคิดเห็น