ดันโอทอป ขึ้นห้างทั่วไทย ดันยอดขาย

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คัดเหลือ 2,000 ราย ดันโอทอป 3-5 ดาวทั่วประเทศขึ้นห้าง จากยอดโอทอปที่พาณิชย์จังหวัดส่งประกวดกว่า 14,800 ราย ก้าวต่อไปพร้อมหนุนส่งออก
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า วันที่ 12 มิ.ย. กรมได้เชิญตัวแทนจากห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าส่ง-ค้าปลีก ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดผลิตภัณฑ์ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกว่า 30 ราย มาเป็นคณะกรรมการคัดสรรสินค้าโอทอปคุณภาพ 3-5 ดาว จากทั่วประเทศ ที่พาณิชย์จังหวัดคัดเลือกจากผลิตภัณฑ์ที่สมัครเข้าร่วมโครงการ 14,800 รายการ เหลือเพียง 2,000 รายการ เพื่อยกระดับให้เป็นโอทอป ซีเล็กซ์ และใน 2,000 รายการดังกล่าว ทางคณะกรรมการจะคัดสรรให้เหลือ 308 รายการ หรือเหลือจังหวัดละ 4 รายการ เป็นสุดยอดโอทอป 77 จังหวัด หรือ Best OTOP 77 Experience
ทั้งนี้ สินค้าโอทอปที่ถูกคัดเลือกเป็น Best OTOP 77 Experience จะเป็นสินค้าโอทอปที่มีการนำเอกลักษณ์เฉพาะตัวและประสบการณ์ของแต่ละชุมชนมาช่วยเสริมเสน่ห์ สร้างคุณค่า และความประทับใจให้แก่ผลิตภัณฑ์ ก่อให้เกิดเรื่องราวที่น่าสนใจชวนติดตาม ทำให้สามารถยกระดับและเพิ่มมูลค่าสินค้าโอทอปไทยสู่การเป็นสินค้าโอทอปพรีเมี่ยม ที่โดดเด่นประจำแต่ละจังหวัด ซึ่งหลังจากที่ได้ทั้ง 308 รายการแล้ว กรมจะส่งเสริมด้วยการร่วมมือกับผู้ประกอบการห้างค้าปลีกผลักดันให้วางจำหน่ายภายในสาขาของห้างชั้นนำ และจะผลักดันให้ออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ ด้วยการร่วมมือกับคิง พาวเวอร์ นำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายในพื้นที่ดิวตี้ ฟรี ของท่าอากาศยานต่อไป
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาสินค้าโอทอปดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่กรมดำเนินการ ยังมีอีกหลายโครงการที่กรมได้ผลักดัน โดยเฉพาะการร่วมกันให้คำแนะนำแนวทางการสนับสนุนพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการ หรือสามารถกระตุ้นความสนใจของตลาด โดยคาดว่าจะผลักดันมูลค่าตลาดโอทอปรวมทั้งประเทศที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายในปีนี้ให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 1 แสนล้านบาทได้อย่างแน่นอน
สำหรับ ข้อมูลการลงทะเบียนของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ระหว่างปี 2557 ถึงเดือนมี.ค. 2560 พบว่ามีผู้ผลิต ผู้ประกอบการโอทอป ลงทะเบียนจำนวนทั้งสิ้น 4.95 หมื่นราย ผลิตภัณฑ์จำนวน 9.84 หมื่นรายการ แบ่งออกเป็น กลุ่มของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก สัดส่วน 30.90% รองลงมา คือ กลุ่มอาหาร สัดส่วน 30.50% กลุ่มผ้าและเครื่องแต่งกาย สัดส่วน 22.02% กลุ่มสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร สัดส่วน 12.46% และกลุ่มเครื่องดื่ม สัดส่วน 4.12%

ร่วมแสดงความคิดเห็น