ตร.ภาค 5 เปิดแถลงใหญ่ หลายคดีทั้งยาเสพติด ชิงทรัพย์ และแก๊ง Call Center

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3 ก.ค.60 ที่บริเวณหน้าห้องประชุมอาคารสโมสรคุ้มแก้วขวัญดาว ตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิทยา ศิริรักษ์ , พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ , พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด ซึ่งเป็นคดีสำคัญ จำนวน 3 คดี ซึ่งประกอบด้วย คดีแก๊ง Call Center อ้างเป็นตำรวจหลอกให้โอนเงิน , .คดีชิงทรัพย์ร้านเซเวนอีเลฟเว่น ที่ จ.ลำปาง และ คดียาเสพติด ที่สช สภ.สบปราบ จับกุมผู้ต้องหา 2 คนพร้อมของกลางยาบ้า 199,400 เม็ด
โดยคดีแรกได้ร่วมกันทำการสืบสวนติดตามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผู้ต้องหา 4 คน คือ นายชิษณุพงษ์หรือเดี่ยว ทองทวี อายุ 35 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 96/2 หมู่ 3 ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี , นายสุริยะหรือบ่าว นิระโส อายุ 38 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 27/1 หมู่ 9 ต.ควนขนุน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง , นายศตวรรษหรือวุฒิ สันติปาตี อายุ 47 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 313 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 75 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กทม. และ นายอนุรักษ์หรือแอน เทพประเมิน อายุ 32 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 162/5 หมู่ 2 ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราด พร้อมด้วยของกลาง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง , รายชื่อและหมายเลขบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย , ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถืออีกหลายรายการ และของกลางรายอื่นๆ อีกหลายรายการ ในข้อหา กระทำความผิดฐาน “สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเป็นซ่องโจรเพื่อร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นฯ(ผู้ต้องหาอีก1คนหลบหนี)”
ซึ่งสืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนหลายหน่วยงานจนสืบทราบว่า คนร้ายกลุ่มแก็งค์ Call Center ซึ่งเป้นผุ้ต้องหาทั้ง 4 คน มีพฤติการณ์โทรศัพท์หลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน ได้เข้ามาก่อเหตุหลอกลวงประชาชนและเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มีการสืบสวนติดตามและทราบภายหลังว่า ทั้งหมดได้เช่าบ้านอยู่ที่ บ้านเลขที่ 286/75 หมู่ 6 ต.สันผักหวาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ จึงได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้มาโดยตลอด

จนกระทั่งในวันที่ 30 มิ.ย.60 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว และพบผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่ภายในบ้านและกำลังใช้โทรศัพท์มือถือของกลางโทรศัพท์ไปหลอกผู้เสียหาย จึงเข้าควบคุมตัวพร้อมของกลางโดยทันที จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 4 รับสารภาพว่า ได้รวมกลุ่มกันจำนวน 5 คน เพื่อทำการโทรศัพท์ไปหลอกลวงผู้เสียหายเพื่อให้โอนเงินมาให้ โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำงาน มีกระบวนการทำงานคือ โทรศัพท์สายแรก ดำเนินการเบื้องต้นจะทำหน้าที่หาข้อมูลโดยหาข้อมูลอินเตอร์เน็ต จากนั้น จึงได้ใช้โทรศัพท์โทรไปยังหมายเลขดังกล่าว เพื่อหลอกลวงโดยอ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ แจ้งกับผู้เสียหายว่าบัญชีธนาคารของผู้เสียหายน่าจะถูกปลอมแปลงทำบัญชีซ้อนขึ้นมา จะต้องไปตรวจสอบที่ตู้เอทีเอ็ม และเมื่อผู้เสียหายหลังเชื่อก็จะให้สายที่สอง โดยรับบทบาทเป็นผู้กองเพื่อชักจูงให้ผู้เสียหายไปตรวจสอบบัญชีที่ตู้เอทีเอ็ม จะเข้าลักษณะวิธีการคือ ขู่ให้กลัว
ต่อจากนั้นสายที่สองก็จะทำการ ส่งงานให้สมาชิกในแก็ง Call Center อีกคนซึ่งอยู่ที่จังหวัดกรุงเทพฯ เป็นคนรับบทเป็นสารวัตร ให้การช่วยเหลือตรวจสอบบัตรเอทีเอ็ม โดยทำการกดรหัสตามที่ผู้ต้องหาบอก ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นวิธีการหลอกให้โอนเงินไปที่บัญชีที่ผู้ต้องหาได้จัดเตรียมไว้ เมื่อโอนเงินสำเร็จ ผู้ต้องหา จะแจ้งให้สมาชิกที่มีหน้าที่กดเงิน กดเงินออกจากบัญชีที่เตรียมไว้เพื่อนำมาแจกจ่ายให้กับสมาชิกแต่ละคนในแก็ง call Center ต่อไป นอกจากนี้ จากการขยายผลโดยการตรวจโทรศัพท์ของกลาง พบว่า มีผู้เสียหายถูกกลุ่ม Call Center โทรศัพท์โทรไปหลอกลวงให้โอนเงิน มีมูลค่าความเสียหาย ประมาณ 29,000 บาท และได้ส่งรายงานสืบสวนให้กับ พงส. จนสามารถขออนุมติหมายจับต่อศาลในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น เป็นอีก 1 คดี ส่วนสิ่งของทั้งหมดได้ยึดไว้เป็นของกลางเพื่อประกอบหลักฐานในการดำเนินคดีและได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหานำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.หางดง จว.เชียงใหม่ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ส่วนคดีที่สอง เป็นคดีคนร้ายชิงทรัพย์ที่ร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น สาขาโรงเรียนลำปางพาณิชยการ และสาขาป่าแลว อ.เมือง จ.ลำปาง ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสมปาน หรือคม กาศสมบูรณ์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 227 ม.7 ต.เด่นชัย อ.เด่นชัย จ.แพร่ พร้อมด้วยของกลาง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นกาแลกซี่ เอส ดูอัส จำนวน 1 เครื่อง , รองเท้าผ้าใบแบบหุ้มข้อ สีดำ ยี่ห้อไนกี้ สีดำ จำนวน 1 คู่ , อาวุธปืนลูกซองสั้น (แบบไทยประดิษฐ์) จำนวน 1 กระบอก , กระเป๋าสะพายแบบผ้าไนลอน จำนวน 1 ใบ , รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า สีแดง – ดำ หมายเลขทะเบียน จธฉ 175 เชียงใหม่ จำนวน 1 คัน และของกลางรายอื่นๆ อีกหลายรายการ ในข้อหา “ชิงทรัพย์ (เงินสดและโทรศัพท์มือถือ ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาโรงเรียนลำปางพาณิชยการ และสาขาป่าแลว) ในเวลากลางคืน โดยแปลงตัว หรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น หรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยมีหรือใช้อาวุธปืน และใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และมีอาวุธปืน (ลูกซองสั้นแบบไทยประดิษฐ์) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุอันควร”
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 12 พ.ค.60 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 01.30 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งเหตุค้นร้ายชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน บริเวณร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาโรงเรียนลำปางพาณิชยการ ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง โดยได้ทรัพย์สินเป็นเงินสด(เงินเหรียญ) ประมาณ 2,000 บาท และ ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พ.ค.60 เวลาประมาณ 02.40 น. ได้เกิดเหตุคนร้ายได้ก่อเหตุชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน บริเวณร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาป่าแลว ม.13 ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง โดยได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ ซัมซุง รุ่นกาแลกซี่ เอส ดูอัส ซึ่งจากการสืบสวน เชื่อว่าคนร้ายเป็นบุคคลคนเดียวที่ก่อเหตุทั้งสองคดี และพบผู้ต้องสงสัยคือ นายสมปาน หรือคม กาศสมบูรณ์ ที่สืบทราบมาว่า ได้ทำงานอยู่บริเวณ บ่อดินลูกรังบริษัทเคแดง บ้านม่อนแสนศรี ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปตรวจสอบซึ่งพบตัวผู้ต้องหาอยู่จริงพร้อมทั้งได้แสดงตัวเข้าสอบสวน โดยทาง นายสมปาน หรือคม กาศสมบูรณ์ ก็ได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายก่อเหตุจริง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

และคดีที่สาม เป็นการจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 2 คน คือ นายนัฐสิต วงษาฝั้น อายุ 51 ปี ที่อยู่ 41/1 หมู่ที่ 3 ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ และ นายธนพงศ์ วงค์อินทร์ อายุ 23 ปี ที่อยู่ 153 หมู่ที่ 9 ต.น้ำดิบ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้ารวมจำนวน 199,400 เม็ด ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,เฮโรอีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
โดยสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 2 ก.ค.60 ที่ผ่านมา เวลา 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านสบปราบ สภ.สบปราบ ได้ตรวจค้นรถยนต์โดยสารบริษัทสมบัติทัวร์ กรุงเทพ-เชียงใหม่ ทะเบียน 15-0387 โดยระหว่างทำการตรวจค้นนั้นพบกระเป๋าเป้สะพายสีดำล็อกกุญแจ และ กระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลดำ ล็อกกุญแจ จึงได้ขึ้นไปตรวจสอบบนรถพบ นายนัฐสิต ที่นั่ง 5 C และนายธนพงศ์ ที่นั่ง 5 D ทั้งสองคนใช้ผ้าห่มคลุ่มตัวไว้ซึ่งหมายเลขที่นั่งตรงกับกระเป๋าสัมภาระ จึงได้สอบถามว่าเป็นกระเป๋าสัมภาระเลข 5 C และ 5 D เป็นของตัวเองหรือไม่ทั้งสองปฏิเสธ ไม่ใช่ของตัวเอง จึงได้เชิญตัวลงจากรถตรวจค้นตัวนายนัฐสิต พบลูกกุญแจในกระเป๋ากางเกงด้านขวาจึงได้นำมาเปิดกระเป๋าสัมภาระสีน้ำตาล หมายเลข 5 C พบยาบ้าจำนวนประมาณ 118,000 เม็ด และตรวจค้นตัวนายธนพงศ์ พบลูกกุญแจในกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ จึงได้นำมาเปิดกระเป๋าเป้สีดำ หมายเลข 5 D พบยาบ้าจำนวน 81,400 เม็ด รวมยาบ้าจำนวนประมาณ 199,400 เม็ด ทางเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน และตรวจยึดของกลางทั้งหมด
ต่อมา จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันรับจ้างลักลอบขนยาเสพติดในครั้งนี้จากนายโย่ง ( ไม่ทราบชื่อ นามสกุลจริง ) เป็นชาวเข้าเผ่ามูเซอ ผู้ว่าจ้างจากขนส่งอาเขต จังหวัดเชียงใหม่ ส่งพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อถึงกรุงเทพจะมีคนมารับยาบ้าอีกครั้งหนึ่ง ค่าจ้างจำนวน 140,000 บาท โดยให้นำไป แล้วจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารภายหลัง เบื้องต้นยังไม่ได้รับค่าจ้าง นอกจากนี้จากการตรวจปัสสาวะทั้งสอบผลเป็นบวกรับสารภาพได้เสพยาบ้ามา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการส่งตัวดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น