สืบภาค 5 จับ2ชาวจีน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตระเวน กดเงิน! ทั่วเมือง เป็นแสน

ตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ประสานกับทางธนาคารพบว่ามีชายชาวจีนแก๊งคอลเซนเตอร์ ตระเวนกดเงินตามตู้เอทีเอ็ม ทั่วเมืองเชียงใหม่ทุกวันครั้งละเป็นแสนบาท จึงติดตามจับกุมตัวไว้ได้คาที่พักในโรงแรม ยึดของกลางได้เพียบ

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 5 กรกฎาคม 2560 พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 ได้รับรายงานจากพล.ต.ต.จารึก ลิ้มสุวรรณ ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.รัฐพล น้อยช่างคิด ผกก.กก.สส.1 บก.สส.ภ.5 พร้อมชุดสืบสวนภาค 5 ว่าได้ปฏิบัติปราบปรามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สามารถจับกุมได้ผู้ต้องหาสองคนคือนายWU CHENG-HSIEN และนายLI CHIH-KAI ทั้งสองเป็นชาวสัญชาติจีน พร้อมด้วยของกลางบัตรกดเงินอิเล็กทรอนิกส์ 14 ใบ สมุดบัญชีเงินฝากของบุคคลอื่นจำนวน 13 เล่ม ซิมการ์ดโทรศัพท์แบบเติมเงินจำนวน 12 เลขหมาย โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง นำตัวดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันใช้และมีไว้ใช้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายของผู้อื่นหรือประชาชน”

การจับกุมครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร ว่าพบมีคนจีน สองคนตระเวนเดินกดเงินตามตู้เอทีเอ็ม ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังตรวจสอบพฤติกรรมของสองคนจีนก็พบว่าพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งกลางเมืองเชียงใหม่ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยตอนเช้าทั้งสองจะเดินออกไปตามตู้เอทีเอ็มและกดเงินสด จึงแสดงตัวเข้าทำการตรวจค้นก็พบในกระเป๋าสะพาย มีบัญชีเงินฝากของคนไทยกว่า 13 บัญชี และมีเอทีเอ็มของคนไทยจำนวน 14 ใบ ซิมการ์ดโทรศัพท์จำนวนมากจึงยึดไว้เป็น กลาง และได้เชิญตัวมาสอบสวน จากการสอบสวนก็ทราบว่าทั้งสองคนถูกเจ้านาย ซึ่งเป็นชาวไต้หวัน ออกค่าใช้จ่ายให้เดินทางมาที่จังหวัดเชียงใหม่โดยมาได้ราวๆ 12 วัน และทุกวันก็จะทำการกดเงินจากบัตรเอทีเอ็มที่ได้มาสลับกันไปเฉลี่ยวันละ 1-2 แสนบาท จากนั้นก็ทำการโอนกลับไปให้เจ้านายที่ประเทศจีน โดยพวกตนจะได้เปอร์เซ็นจำนวน 1 เปอร์เซ็นของเงินที่กดได้ในแต่ละวัน

พ.ต.อ.รัฐพล น้อยช่างคิด ผกก.กก.สส.1 บก.สส.ภ.5 เปิดเผยว่าเครือข่ายที่เราจับกุมตัวได้นี้มีถิ่นฐานอยู่ที่ต่างประเทศ โดยจะจ้างคนไทยไปทำงานร่วมทีมเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยวิธีการจะทำการจ้างคนเปิดบัญชี และทำเอทีเอ็ม ก่อนที่จะทำการสุ่มโทรศัพท์โดยอ้างว่าโทรจากไปรษณีย์ไทย มีการส่งพัสดุตีกลับแล้วตรวจสอบพบเป็นสิ่งของผิดกฏหมาย ก่อนจะโยนให้คนที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจคุยว่าต้องอายัดเงินในบัญชีทั้งหมด จากนั้นก็มีคนที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อช่วยเหลือด้านบัญชีให้ไปที่ตู้เอทีเอ็ม เมื่อเหยื่อหลงกลก็จะถูกลวงให้กดโอนเงินเข้าบัญชีของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากนั้นก็จะมีคนกดเงินตามตู้ แล้วทำการโอนเงินกลับไปที่ต่างประเทศ ซึ่งคดีนี้เรามีผู้เสียหายหลายคนมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งเราจะได้สืบสวนขยายผลเครือข่ายที่ยังคงทำงานอยู่ในประเทศไทยเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น