เปิดเกมรุก ปลุกตลาด ข้าวอินทรีย์

ก.เกษตรฯเดินหน้าส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี 60 มุุ่งส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรผลิตข้าวอินทรีย์ตามมาตรฐานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมลุยผนขยายพื้นที่การผลิตข้าวอินทรีย์ให้ได้การรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ เป้าหมายพื้นที่ 300,000 ไร่ เกษตรกรกว่า 20,000 ราย สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมติดตามการดำเนินงานในเรื่องข้าวครบวงจร นาแปลงใหญ่ และเกษตรอินทรีย์ ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อรับทราบรายงานการปฏิบัติการผลิตข้าวครบวงจรและนาแปลงใหญ่ในพื้นที่รวมถึงแผนการดำเนินงาน ซึ่งการดำเนินการนาแปลงใหญ่จะทำให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็งและผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สามารถลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตได้

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตามกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ความสำคัญในการทำนาอินทรีย์ โดยมีโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ ปี 2560 เพื่อส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรผลิตข้าวอินทรีย์ตามมาตรฐานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเพื่อขยายพื้นที่การผลิตข้าวอินทรีย์ให้ได้การรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์ มีเป้าหมายในปี 2560 พื้นที่ 300,000 ไร่ เกษตรกร 20,000 ราย โดยได้มีการรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ ผ่าน Single Command แล้ว รวมทั้งหมด 1,242 กลุ่ม เกษตรกร 28,749 ราย พื้นที่ 308,103.98 ไร่ แบ่งเป็น กลุ่ม เตรียมความพร้อม จำนวน 1,178 กลุ่ม เกษตรกร 27,164 ราย พื้นที่ 290,177.62 ไร่ และกลุ่มตรวจรับรองเข้าสู่ระบบระยะปรับเปลี่ยน จำนวน 64 กลุ่ม เกษตรกร 1,585 ราย พื้นที่ 17,926.36 ไร่ นอกจากนี้ จะมีการอบรมเชิงปฏิบัติการการผลิตข้าวตามมาตรฐานข้าวอินทรีย์ (Organic Thailand) และระบบควบคุมภายใน (ICS) ให้แก่เกษตรกร ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมแผนการอบรม ภายในเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2560 ด้วย

นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดการประเมินเบื้องต้นตามข้อกำหนด 5 ข้อ ได้แก่ 1.พื้นที่ปลูก 2.แหล่งน้ำ 3.การจัดการดิน และปุ๋ย 4.การจัดการคุณภาพในกระบวนการผลิตก่อนการเก็บเกี่ยว และ 5.การบันทึกและจัดเก็บข้อมูล โดยคาดว่าจะสามารถตรวจประเมินเบื้องต้นได้ภายในเดือนสิงหาคม 2560 ทั้งนี้การผลิตข้าวอินทรีย์ ถือเป็นการรักษาระบบนิเวศในพื้นที่ให้มีความสมดุล รักษาสภาพแวดล้อมของชุมชน ประชากรในชุมชนมีสุขภาพดี นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างกลุ่มเกษตรกรที่มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน และเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับชุมชนอื่น ๆ และกลุ่มเกษตรกรมีความพร้อมสำหรับการผลิตข้าวอินทรีย์ตามมาตรฐานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย นางสาวชุติมา กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น