เที่ยวบ้านในสอย…นั่งเรือไปชมวิถีชีวิตชาวปาดอง

เมื่อเอ่ยถึงกลุ่มชนที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง มีการนำห่วงทองเหลืองมาพันรอบคอหลายคนคงถึงนึกกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ชื่อ “ปาดอง”

ด้วยความที่มีการดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายซ้อนเร้นอยู่ในหุบเขา ทำให้การเดินทางเข้าไปยังถิ่นที่อยู่ของปาดองค่อนข้างยากลำบาก หลังจากที่มีการค้นพบชนกลุ่มนี้เมื่อหลายปีก่อนทำให้การท่องเที่ยวของแม่ฮ่องสอนคึกคักขึ้นถนัดตา ชื่อเสียงของชนกลุ่มนี้ก็พลอยได้รับความสนใจจากคนภายนอกไปด้วย

มีเรื่องเล่ากันมาแต่โบราณของบรรพบุรุษชาวปาดอง หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “กะเหรี่ยงคอยาว” ถึงสาเหตุที่ต้องสวมใส่ห่วงทองเหลืองไว้ที่คอว่า ในอดีตกาลภูตผีและวิญญาณสัตว์ร้ายเกิดความไม่พอใจพวกปาดอง จึงได้ส่งเสือร้ายมากัดกินผู้หญิง บรรพบุรุษของชาวปาดองเกรงว่าผู้หญิงจะตายไปจนสูญพันธุ์หมด จึงแก้ปัญหาด้วยการให้ผู้หญิงใส่เกราะทองเหลืองไว้ที่คอเพื่อป้องกันไม่ให้เสือมากัดกิน

การดำเนินชีวิตของชาวปาดองเป็นกลุ่มชนที่รักสงบและค่อนข้างทำงานหนัก ชีวิตความเป็นอยู่เมื่อเทียบกับกะเหรี่ยงในประเทศไทยแล้ว มีความคล้ายคลึงกันมาก งานหลักคือการปลูกข้าวในนาแบบขั้นบันได นอกจากนี้ชาวปาดองยังนิยมเลี้ยงหมู ไก่และวัว บ้านของชาวปาดองจะทำด้วยไม้สัก มุงหลังคาด้วยแฝกยกพื้นสูง บริเวณที่อยู่อาศัยในบ้านจะมีที่ตั้งเตาไฟเหมือนบ้านของกะเหรี่ยงสะกอ มีเสื่อสำหรับปูที่นอน ลักษณะของบ้านเมื่อมองจากภายนอกจะเหมือนกับบ้านของกะเหรี่ยงทั่วไป

การดำรงชีวิตทั่วไปก็จะคล้ายกันกลุ่มชนบนภูเขา จะแตกต่างกันเฉพาะประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการเกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาวเท่านั้น ซึ่งจะมีระเบียบแบบแผนและใช้เวลาพอสมควร ก็คือ ชายหนุ่มจะต้องได้รับความเห็นชอบจากพ่อแม่ของฝ่ายหญิงก่อนและจากนั้นต้องส่งแม่สื่อไปขอความเห็นชอบจากสมาชิกที่เหลือในครอบครัวฝ่ายหญิง

การแต่งกายของชาวปาดองดูจะเป็นเอกลักษณ์ที่สวยงาม ผู้ชายปาดองจะสวมกางเกงขายาว เสื้อตัวสั้นมีผ้าสำหรับโพกศรีษะ ส่วนผู้หญิงจะแต่งกายด้วยเสื้อสีขาวมีแขนในตัวยาวลงมาถึงสะโพก แล้วสวมเสื้อแขนยาวสีดำทับอีกที ส่วนกระโปรงเป็นสีดำจะพับทบกันด้านหน้ายาวถึงหัวเข่า ผมรวบเกล้ามวยปักปิ่นเงินหรือไม้ยาว ๆ หรือใช้หวีเงินอันใหญ่สับไว้แล้วรัดด้วยผ้าสี จุดเด่นที่สุดอยู่ที่การใส่ห่วงทองเหลือง

การใส่ห่วงทองเหลืองของปาดองจะเริ่มใส่ตั้งแต่อายุได้ 5 – 9 ปี โดยผู้ที่เป็นหมอผีประจำหมู่บ้านจะเป็นคนใส่ให้ ก่อนใส่จะต้องมีการเสี่ยงทายโดยการใช้กระดูกไก่ทำนายหาฤกษ์ยามที่ดีที่สุด แต่เดิมผู้ที่จะสวมห่วงทองเหลืองจะต้องเป็นผู้หญิงที่เกิดวันตรงกับวันเพ็ญเท่านั้น และต้องเป็นผู้หญิงที่ไม่มีเชื้อผสมจากเผ่าอื่น ถ้าไม่ยอมสวมห่วงคอก็จะถูกขับไล่ออกจากเผ่าทันที แต่ต่อมาไม่ว่าจะเกิดวันไหนก็จะนิยมใส่ห่วงคอกันหมด

ห่วงที่ใช้สวมคอ แต่เดิมทำมาจากทองคำแท้ แต่ปัจจุบันใช้ทองเหลืองที่นำมาจากเมืองเบลอง ประเทศพม่า ขายเป็นเส้นคิดราคาเป็นกรัม น้ำหนักเมื่อเริ่มสวมครั้งแรกประมาณ 2 กิโลกรัม ถ้าใส่กันเต็มที่จะตกคนละประมาณ 13 – 15 กิโลกรัม ถ้าคิดเป็นเงินแล้วตกประมาณ 6,000 บาทต่อคน

              ผู้หญิงปาดองจะถอดห่วงคอตามโอกาสต่าง ๆ ปีละครั้งทุกปี เพื่อเปลี่ยนขนาดโดยเพิ่มความยาวของขดทองเหลือง บางแห่งก็ว่าการถอดห่วงเพื่อเปลี่ยนขนาดจะทำทุก ๆ 4 ปี ในช่วงชีวิตของปาดองนั้นจะเปลี่ยนขนาดทั้งหมดกัน 9 ครั้ง เวลาถอดห่วงจะเริ่มอ้าตรงปลายแล้วค่อย ๆ ถ่างทองเหลืองให้คลายขดออกจนสามารถดึงเอาเส้นทองเหลืองออกจากคอได้ ส่วนวิธีการใส่จะนำเอาทองเหลืองไปอังไฟและชุบด้วยน้ำมะนาวให้อ่อนแล้วนำมาขดรอบคอทบขึ้นไปเป็นวงเหมือนขดลวดสปริง ห่วงที่เป็นขดจะมีอยู่ 2 ชุด ชุดแรกใส่เป็นฐานอยู่บนไหล่ 5 วง ต่อจากนั้นจะใส่เป็นขดรอบคอขึ้นไปอีก 20 วง ส่วนการดูแลรักษาก็คือ เวลาอาบน้ำจะเอาหญ้าแห้งมาขัดห่วงทองเหลืองท่สวมใส่เพื่อให้เกิดความเงางาม

ปัจจุบันมีปาดองอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านในสอย อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางเข้าไปเที่ยวหมู่บ้านแห่งนี้เป็นจำนวนมาก จึงทำให้หลายฝ่ายเริ่มกลัวว่า การดำเนินชีวิตและประเพณีอันเก่าแก่ของชาวปาดองจะเปลี่ยนไป จึงอยากของฝากถึงนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเดินทางเข้าไปยังถิ่นที่อยู่ของชาวปาดองว่าให้เข้าอย่างคนมีสำนึกเช่นผู้มาเยือน เพราะถ้าวิถีชีวิตของชาวปาดองเปลี่ยนไป ก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งแปลกปลอมที่เมื่อนักท่องเที่ยวดูแล้ว จึงไม่ต่างกับคนเมืองทั่วไปนักปัจจุบันมีปาดองอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านในสอย อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางเข้าไปเที่ยวหมู่บ้านแห่งนี้เป็นจำนวนมาก จึงทำให้หลายฝ่ายเริ่มกลัวว่า การดำเนินชีวิตและประเพณีอันเก่าแก่ของชาวปาดองจะเปลี่ยนไป จึงอยากของฝากถึงนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเดินทางเข้าไปยังถิ่นที่อยู่ของชาวปาดองว่าให้เข้าอย่างคนมีสำนึกเช่นผู้มาเยือน เพราะถ้าวิถีชีวิตของชาวปาดองเปลี่ยนไป ก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งแปลกปลอมที่เมื่อนักท่องเที่ยวดูแล้ว จึงไม่ต่างกับคนเมืองทั่วไปนัก

จักรพงษ์  คำบุญเรือง : [email protected] 

ร่วมแสดงความคิดเห็น