เปิดยุทธศาตร์ ค้าผลไม้ ครบวงจร


“พาณิชย์” ถกหอการค้าไทยทำยุทธศาสตร์การค้าผลไม้ครบวงจร นำร่อง “ทุเรียน มะพร้าวน้ำหอม และมังคุด” ก่อน เหตุตลาดมีความต้องการสูง เตรียมวางแผนการผลิต คุมคุณภาพ และหาตลาดรองรับ ก่อนลุยตัวต่อไป ทั้งลำไย สับปะรด กล้วย เงาะ ลองกอง ลิ้นจี่ และมะม่วง

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับหอการค้าไทยเพื่อเดินหน้าจัดทำยุทธศาสตร์การค้าผลไม้ครบวงจรว่า ที่ประชุมได้มีมติให้จัดทำยุทธศาสตร์ผลไม้นำร่อง 3 ชนิดก่อน ได้แก่ ทุเรียน มะพร้าวน้ำหอม และมังคุด เพราะเป็นผลไม้ที่ตลาดมีความต้องการสูงทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศให้การยอมรับผลไม้ทั้ง 3 ชนิดของไทยเป็นอย่างมาก และมีโอกาสในการทำตลาดส่งออกได้เพิ่มขึ้น ซึ่งได้มอบหมายให้คณะทำงานทั้ง 2 ฝ่าย คือ กรมการค้าภายใน และหอการค้าไทย ไปหารือกันในรายละเอียด เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ด้านการผลิต การควบคุมคุณภาพ และแผนด้านการตลาดร่วมกันต่อไป

ทั้งนี้ การเลือกผลไม้ 3 ชนิดขึ้นมาทำยุทธศาสตร์เร่งด่วนก่อน เพราะ 3 ตัวนี้เป็นผลไม้ที่ไทยเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออก เริ่มจากทุเรียน ไทยส่งออกแต่ละปีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะส่งไปตลาดจีนและฮ่องกง ถ้าไม่ทำยุทธศาสตร์ตั้งแต่การผลิตที่จะต้องควบคุมคุณภาพให้คงที่ และการวางแผนเรื่องตลาดเอาไว้ ต่อไปก็อาจจะมีปัญหาได้ เพราะขณะนี้เกษตรกรได้หันมาเพาะปลูกทุเรียนกันมากเนื่องจากเห็นว่าขายได้ราคาดี

สำหรับมะพร้าวน้ำหอม ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของโลก และส่งออกไปทั่วโลก เช่น จีน สหรัฐฯ แคนาดา โดยส่งออกเป็นมะพร้าวทั้งผล และยังมีการส่งออกมะพร้าวแปรรูปที่นำไปทำเป็นสินค้าต่างๆ อีกมาก หากไม่วางแผนด้านการผลิต การควบคุมคุณภาพ และการหาตลาดรองรับ ก็จะทำให้ไทยรักษาอันดับ 1 ในการส่งออกของโลกไม่ได้ เพราะขณะนี้ประเทศคู่แข่งได้หันมาให้ความสำคัญต่อการผลิตและส่งออกเพิ่มขึ้น

ส่วนมังคุด เป็นอีกหนึ่งรายการที่มีศักยภาพ ตลาดต่างประเทศมีความต้องการมาก โดยเฉพาะตลาดจีน แต่ที่ผ่านมาผลผลิตในช่วงต้นฤดูมีราคาดีมาก แต่พอกลางและปลายฤดูราคามักจะตกต่ำ ซึ่งจะต้องมีการวางแผนด้านการตลาดเพื่อรองรับผลผลิต

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผลไม้ตัวอื่น เช่น ลำไย สับปะรด กล้วย เงาะ ลองกอง ลิ้นจี่ และมะม่วง เป็นต้น จะมีการทำยุทธศาสตร์ในระยะต่อไป เพราะเป็นผลไม้ที่มีศักยภาพเช่นเดียวกัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น