ปลายฝนต้นหนาว ด้วงกว่างเริ่มออกผสมพันธุ์ ชาวบ้านจับขายสร้างรายได้เสริม

      ปลายฝนต้นหนาว ด้วงกว่างเริ่มออกโชว์ตัว ชาวบ้านจับมาจำหน่ายให้ผู้ชื่นชอบการละเล่นชนกว่างซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งการละเล่นโบราณของทางภาคเหนือ และเป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับตัวเองและครอบครัวอีกช่องทางหนึ่ง ขณะที่ทางด้านพ่อค้าขายกว่างระบุอยากอนุรักษ์การละเล่นดังกล่าวไว้ให้คนรุ่นหลังได้รู้จัก
      วันที่ 25 ส.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณริมถนนรัตนโกสินทร์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้มีพ่อค้าในจ.เชียงใหม่ อาศัยช่วงฤดูปลายฝนต้นหนาวหาอาชีพเสริมด้วยการเก็บด้วงกว่างเพื่อนำมาจำหน่ายให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบในกีฬาชนกว่างได้เลือกซื้อ โดยการนำมาเกาะท่อนอ้อย แขวนจำหน่ายกันในราคาตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อย ซึ่งเป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวในช่วงนี้ โดยด้วงกว่างจะมีจุดเด่นอยู่ที่ความงามของลำตัว และเขาที่เป็นเอกลักษณ์ของแมลงปีกแข็งชนิดนี้

      การเลือกซื้อของกลุ่มผู้นิยมในด้วงกว่างจะดูที่ลักษณะของเขา ลักษณะลำตัว และสีลำตัวซึ่งหากตัวใดมีลักษณะลำตัวใหญ่ เขายาวก็จะมีราคาที่สูงขึ้น โดยการนำด้วงกว่ามาชนกันของชาวบ้านทั่วไปนั้น ถือว่าเป็นการละเล่นพื้นบ้านที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ยังมีการจัดประกวดความสวยงามโดยดูจากลักษณะโดยรวมของด้วงกว่าง และการแข่งขันชนกว่างที่มีชื่อเสียงเพื่อชิงเงินรางวัลพร้อมถ้วยรางวัล เช่นการประกวดและแข่งขันด้วงกว่างที่ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ที่มีเป็นประจำทุกปี อีกทั้งยังมีการจัดงานมหกรรมกว่างล้านนา จึงทำให้เหล่าผู้ชื่นชอบได้เฟ้นหาด้วงกว่างที่มีลักษณะเด่น แข็งแรง เพื่อเข้าไปประกวดเป็นจำนวนมาก

ทางด้าน นายเกรียงศักดิ์ มะลิวัน อายุ 38 ปี พ่อค้าขายด้วงกว่างมานานกว่า 20 ปี ในย่านดังกล่าว เปิดเผยว่า  จากการที่ตนมีความชื่นชอบในด้วงกว่าง ซึ่งพอถึงช่วงปลายฝนต้นหนาวของทุกปี ที่เป็นฤดูด้วงกว่างจะเจริญเติบโตเต็มวัยและโผล่ออกมาจากดิน เพื่อออกมาผสมพันธุ์กับตัวเมีย ตนกับภรรยาก็จะอาศัยช่วงนี้ ออกหาด้วงกว่างมาจำหน่ายเพื่อเป็นรายได้เสริมให้กับครอบครัว โดยแมลงปีกแข็งเหล่านี้จะมีอายุสั้น หรือประมาณ 90 วัน จึงทำให้ชาวบ้านและผู้ชื่นชอบการชนด้วงกว่างจำนวนมาก ออกหาด้วงกว่างตามพื้นที่ที่มีป่าดิบชื้น โดยแหล่งป่าดิบชื้นใน จ.เชียงใหม่ ซี่งเป็นที่นิยมจับด้วงกว่าง ได้แก่ พื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด อ.เชียงดาว และพื้นที่ป่าดิบชื้นบนดอยสุเทพ เป็นต้น

      อย่างไรก็ตามจากการที่เศรษฐกิจในปัจจุบันที่ฝืดเคืองประกอบกับตนถูกไล่ที่ซึ่งแต่เดิมเคยตั้งร้านจำหน่ายอยู่มาเกือบ 20 ปี ส่งผลให้รายได้ที่เคยขายได้แต่เดิมลดลงไปเป็นอย่างมากจนทำให้คนที่นำด้วงกว่างมาขายแบบตนต้องหันไปขายที่จุดอื่น และบางเจ้าถึงกับเลิกขายไป จนเหลือร้านตนเพียงร้านเดียวที่ยังขายอยู่บริเวณนี้และในปัจจุบันเด็กสมัยใหม่ ก็เริ่มไม่ค่อยรู้จักกับด้วงชนิดนี้ ตนจึงอยากอนุรักษ์การละเล่นชนิดนี้ไว้

      สำหรับการชนกว่าง เป็นอีกหนึ่งการอนุรักษ์กว่างของทางภาคเหนือเพื่อเป็นการอนุรักษ์และผ่อนคลายจากการที่ทำงานหนัก รวมถึงอนุรักษ์ให้ลูกหลานสืบต่อกันไปได้มีกว่างไว้เล่น รู้จักวิธีการเล่นและการเลี้ยงกว่างของทางภาคเหนือ ขณะที่ราคาที่ร้านตนขายก็เริ่มต้นที่หลักสิบจนถึงหลักร้อย แล้วแต่ราคาของต้นทุนที่มา ส่วนกลุ่มคนที่เล่นส่วนมากจะเป็นกลุ่มคนวัยทำงาน และเด็กมีน้อยเนื่องจากส่วนมากจะนิยมไปเล่นเกมส์มากกว่า 

ร่วมแสดงความคิดเห็น