ดันธุรกิจกาแฟ ยกมาตรฐาน ผู้นำอาเซียน

Coffee

ธุรกิจกาแฟยังฮอต เผยโอกาสทองเกษตรกร กรมวิชาการเกษตรหนุนทำยุทธศาสตร์ระยะยาว มุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรปรับปรุงสวนกาแฟและปรับเปลี่ยนสวนเก่าโดยใช้กาแฟสายพันธุ์ดีให้ผลผลิตสูง เพื่อลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลงใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามและอินโดนีเซีย พร้อมส่งเสริมการผลิตกาแฟสำหรับตลาดพิเศษ และพัฒนาสวนกาแฟให้ได้รับการรับรองมาตรฐานจีเอพี ยกระดับคุณภาพมาตรฐานสู่สากล ตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแปรรูปกาแฟ ดันให้เป็นผู้นำสินค้ากาแฟของอาเซียน
นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า เพื่อขยายผลต่อยอดการพัฒนาการผลิตกาแฟไทยตามยุทธศาสตร์กาแฟ ปี 2557-2560 จึงเตรียมขยายผลต่อระยะต่อไปโดยเน้นพัฒนาตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และสู่ปลายน้ำ มีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ โดยมุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรปรับปรุงสวนกาแฟเสื่อมโทรมด้วยการตัดฟื้นต้นและตัดแต่งกิ่ง หรือปรับเปลี่ยนสวนเก่าโดยใช้กาแฟสายพันธุ์ดีและให้ผลผลิตสูง ทั้งยังมุ่งลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลงใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามและอินโดนีเซีย หรือสูงกว่าไม่เกิน 10 % ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณผลผลิตต่อไร่ของกาแฟที่ปลูกเป็นพืชเดี่ยวมากกว่า 300 กิโลกรัม/ไร่ หรือมากกว่า 250 กิโลกรัม/ไร่ ในสวนที่ปลูกกาแฟเป็นพืชร่วม ขณะเดียวกันยังมุ่งส่งเสริมการผลิตกาแฟเฉพาะถิ่นเป็นสินค้าประจำจังหวัด รวมทั้งส่งเสริมการผลิตกาแฟสำหรับตลาดพิเศษ(Niche market) พร้อมพัฒนาสวนกาแฟให้ได้รับการรับรองมาตรฐานจีเอพี (GAP) เพิ่มมากขึ้น 50 % และยกระดับคุณภาพมาตรฐานสู่สากล ตลอดจนมุ่งส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแปรรูปกาแฟ เพื่อให้สามารถเป็นผู้นำสินค้ากาแฟของอาเซียนหรือตลาดเออีซี(AEC)ในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันเห็นได้ชัดเจนว่า ความนิยมบริโภคกาแฟยังสูงขึ้นต่อเนื่องและการตลาดก็เปิดกว้างมากขึ้นในกลุ่มสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลสมาคมกาแฟพิเศษไทยระบุว่า ภาพรวมธุรกิจกาแฟปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 15,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตได้อีกร้อยละ 15-20 โดยเฉพาะตลาดกาแฟพิเศษที่มีเอกลักษณ์เฉพาะและคุณภาพสูงที่ขยายตัวร้อยละ 3-5 ต่อปี สอดคล้องการความต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจร้านกาแฟ ที่ทำให้อุตสากรรมนี้คึกคักมากขึ้น
ขณะที่ นายสรพล บุญภากร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท พี.เอส.บี. จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายในไทย เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมการตลาดส่งเสริมการขาย ในทุกเซ็กเมนต์ พร้อมกันนี้ยังดึงศิลปินชื่อดัง อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ และแต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เพื่อเข้าถึงคอกาแฟได้ทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ทำการเปิดตัว “เอสเซนโซ่ ” กาแฟ ไมโครกราวด์ บุกตลาด 3 in 1 และ 2 in 1 เป็นกาแฟคั่วบดละเอียด (กาแฟสด) ในปี 2559 ที่ผ่านมาจนประสบความสำเร็จอย่างสูง ด้วยยอดขายกว่า 165 ล้านบาท ในปีแรก และเพื่อทำการตลาดให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ในปี 2560 บริษัท เอส ซี เอ็ม แอล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายกาแฟปรุงสำเร็จ “ซุปเปอร์กาแฟ” และ “เอสเซนโซ่” จากประเทศสิงคโปร์ ได้ใช้งบประมาณ 180 ล้านบาท สำหรับการออกสินค้าใหม่ “เอสเซนโซ่ ไมโครกราวด์ แบล็ค คอฟฟี่” เป็นกาแฟคั่วบดละเอียด (กาแฟสด) มาพร้อมกับเอกลักษณ์เฉพาะ 2 สัมผัสทั้งรสและกลิ่นในแบบกาแฟดำที่ปราศจากน้ำตาลหรือนม เพื่อเพิ่มจำนวนกลุ่มผู้บริโภคแตกไลน์ไปสู่กลุ่มที่ชื่นชอนดื่มกาแฟดำให้มีมากขึ้น
ทั้งนี้ธุรกิจด้านการบริโภคกาแฟยังไปได้อีกมากภายใต้กระแสความนิยมยุคนี้ ซึ่งสามารถเข้าถึงกาแฟคุณภาพได้มากขึ้น ทั้งกลุ่มที่ชอบแบบสำเร็จรูปหรือคอดริปกาแฟสด การเปิดตัวทางเลือกนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่มาตอบสนองความนิยมของคอกาแฟยุคนี้ทั้ง 3 in 1 , 2 in 1 ใครชอบแบบกลมกล่อมหรือเข้มข้นก็มีทางเลือกให้หลากหลายมาก ซึ่งถือว่าตลาดยังไปได้ไกลอีกมาก ซึ่งเป้าหมายปีแรกนี้หากเพิ่มยอดการตลาดได้ 5% ถือว่าเป็นไปตามเป้าแล้วซึ่งเชื่อว่าไม่ยาก อีกทั้งยังเป็นโอกาสดีของเกษตรกรที่ผลิตกาแฟด้วย เป็นการส่งเสริมอาชีพเกษตรกรแบบยั่งยืนอีกทางหนึ่ง นายสรพล กล่าวส่งท้าย

ร่วมแสดงความคิดเห็น