ลุยตรวจรีสอร์ทหรู ลุกล้ำพื้นที่อุทยานฯ แฉเจ้าหน้าที่รัฐมีเอี่ยว

ชุดเฉพาะกิจพญาเสือ ชุดพยัคฆ์ไพร และอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เดินหน้าทวงคืนผืนป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดลงตรวจสอบรีสอร์ทหรู พื้นที่บ้านปง อ.หางดง ก่อสร้างลุกล้ำแนวเขตของอุทยานฯ พบว่ามีการขยับแนวเขตแถมมีการออกโฉนดแบบผิดข้อสังเกต เจาะเบื้องลึกพบเจ้าหน้าที่รัฐมีเอี่ยว เตรียมเร่งดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมส่งเรื่องให้กับเจ้าหน้าที่ที่ดิน ทำเรื่องขอเพิกถอนทั้งหมดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 ส.ค. 2560 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพรของ กรมป่าไม้ และ นายกริชสยาม คงสตรี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ เจ้าหน้าที่ทหาร ได้สนธิกำลังเพื่อเข้าทำการตรวจสอบการชี้ระวางแนวเขต หลักหมุด และยืนยันแนวเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยตาม พระราชกฤษฎีกา หลังพบว่าได้มีเจ้าหน้าที่ ประพฤติโดยมีชอบ ในการชี้หลักหมุดเป็นเท็จเพื่อทำการออกฉโนดที่ดินให้กับชาวบ้าน จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อแผ่นดิน
โดยในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณพื้นที่บ้านแม่ฮะ ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบได้พบว่าในพื้นที่ดังกล่าวได้มีการออกฉโนดที่ดิน รวมไปถึ่งสิ่งก่อสร้างมีลักษณะเป็นบ้านพักจำนวน 3 หลังซึ่งจากการสำรวจที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่พบว่าพื้นที่ดังกล่าวได้มีการออกโฉนดที่ดินจำนวน 2 ไร่ 1 งาน 80 ตารางวา แต่พบว่ามีพื้นที่ประมาณ 1 ไร่เศษๆ เป็นพื้นที่ที่มีการรุกล้ำเขตพื้นที่อุทธยานดอยสุเทพ-ปุย โดยจากการตรวจสอบยังพบว่าได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้กระทำผิดโดยการจงใจขยับแนวเขตของอุทยานแห่งชาติ เพื่อออกฉโนดที่ดิน เอื้อประโยขน์ให้กับกลุ่มนายทุน ทางเจ้าหน้าที่จึงได้มีการรวบรวมหลักฐานเพื่อเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ทาง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบในวันนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อประมาณช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่จากชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจพญาเสือ ได้เข้าทำการตรวจสอบพื้นที่แห่งนี้ซึ่งพบว่าเป็นพื้นที่ถือครองตามคณะมติรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 แต่ต่อมาสืบทราบว่ามีการซื้อขายเปลี่ยนมือ ซึ่งขณะนั้นทางเจ้าหน้าที่คาดว่าจะเป็นการซื้อขายเปลี่ยนมือกันเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าบุคคลที่ยึดถือครอบครองที่ดินแห่งนี้ได้เอาหลักฐานเป็นโฉนดที่ดินที่มีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่กว่ามาแสดงให้เจ้าหน้าดู ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จึงเกิดความสงสัยว่าในพื้นเขตอุทยานฯ สามารถออกเอกสารได้อย่างไร เพราะพื้นที่อุทยานฯ นั้นตามกฎหมายไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ และจากการตรวจสอบกรณีดังกล่าวก็ทราบว่าเอกสารดังกล่าวมีบุคคล และเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปรับรองแนวเขต ซึ่งตั้งแต่เริ่มต้นถึงท้าย ตลอดแนวมีการขยับทั้งหมดห่างออกไปประมาณ 200-300 เมตรเข้าไปในเขตป่า แต่บริเวรแนวเขตที่มีการรับรองนั้นได้ซ้อนทับกับแนวเขตอุทยานฯ โดยเฉพาะพื้นที่จุดที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการสำรวจในวันนี้
นอกจากนี้จากการตรวจสอบในเชิงลึกยังพบเอกสารที่มีเจ้าหน้าที่รังวัด ไปรับรองแนวเขต จึงทำให้เกิดความชัดเจนว่าแนวเขตอุทยานฯ หรือป่าสงวนนั้นถูกขยับตลอดทั้งแนว โดยมีการลงลายมือชื่อของช่างรังวัดกำกับไว้ ดังนั้นจากการตรวจสอบจึงพบว่ามีการขยับแนวเขต ดังนั้นเจ้าหน้าที่บุคคลใดที่ทุจริตต่อหน้าที่ประพฤติมิชอบ หรือแสวงหาผลประโยชน์ ทางตนจึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ กอ.รมน. ภาค 4 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจึงได้เข้าดำเนินการให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น โดยในส่วนของการดำเนินการขั้นตอนต่อไปนั้นจะต้องทำการตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ทางด้าน นายกริชสยาม คงสตรี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อประมาณช่วงต้นปีที่ผ่านมาพบว่า มีอาคารสิ่งปลูกสร้างจึงได้เข้าทำการตรวจสอบ ปรากฎว่าทางเจ้าของได้นำเอกสารสิทธิ์ซึ่งเป็นโฉนดที่ดินมาแสดงให้ทางเจ้าหน้าที่ดู แต่ทางเจ้าหน้าที่เกิดความสงสัยว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวมีการออกเอกสารสิทธิ์ได้อย่างไร และได้ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์นั้น ก็ปรากฎว่าเอกสารสิทธิ์ฉบับดังกล่าวได้ออกตามมาตรา 58 ทวิ ซึ่งเป็นการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน โดยความจริงแล้วแนวทางการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินนั้นไม่สามารถที่จะดำเนินการในเขตป่าได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้มีการตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้งหนึ่งว่าสามารถดำเนินการได้อย่างไร จึงได้เข้าทำการตรวจสอบโดยข้ความร่วมมือกับทางสำนักงานที่ดินหางดงเพื่อขอดุข้อมูล ซึ่งปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่ตำแหน่งนายช่างรังวัดได้ทำการขีดเขตในภาพระวางที่ดิน โดยเป็นการจูงใจให้ออกจากแนวเดิม เข้าไปในเขตป่าของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โดยตามมาตราส่วนของภาพระวางที่ดินน่าจะประมาณไม่ต่ำกว่า 200 เมตร รวมถึงจากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ภาพระวางของสำนักงานที่ดินปรากฎว่านอกจากโฉนดแปลงดังกล่าวแล้วยังมีอีกหลายแปลงที่ทางตนจะต้องทำหนังสือขอความร่วมมือจากทางที่ดินให้นำเอกสารที่เกิดจากการเดินสำรวจออกโฉนดมาตรวจสอบว่ามีการออกโฉนดในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จำนวนเท่าไหร่ เพื่อประกอบการดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว
ส่วนทางด้าน นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพรของ กรมป่าไม้ กล่าวว่า 16 และฝ่ายปกครองอำเภอ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประสานความร่วมมือกันในคดีที่มีความยุ่งยาก ซับซ้อน จากการตรวจสอบพบว่ามีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขยับแนวเขตแดนประมาณ 200 เมตร เป็นแนวยาว ทำให้พื้นที่ป่าหายไปเป็นจำนวนมาก และก่อให้เกิดความเสียหายเกิด จากเอกสารที่ปลอมแปลงขึ้นมา มีการเปลี่นนมือไป จากการตรวจสอบผ่านโปรแกรมในแอพพลีเคชั่นของกรมป่าไม้พบว่า พื้นที่นี้อยู่ในเขตป่าสงวนชัดเจน นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งว่า มีอีกหนึ่งแปลงที่ข้ามลำคลองไปก็มีลักษณะเดียวกัน แต่ทางเจ้าหน้าที่ที่ดินแจ้งว่ายังมีอีกจำนวนมากอาจจะมีประมาณสิบถึงร้อยแปลง โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะแจ้งความดำเนนคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับการออกเอกสารเอกสารสิทธิ์ืั้ที่ขยับแนวเขตนี้ และจะส่งเรื่องให้กับเจ้าหน้าที่ที่ดิน ทำเรื่องขอเพิกถอนทั้งหมด ก่อนที่จะมีความเสียหายมากไปกว่านี้…วีรศักดิ์ ปัญญาโชติ..รายงาน

ร่วมแสดงความคิดเห็น