เหยื่อแชร์ลูกโซ่ แห่ให้ปากคำ DSI หลังถูกหลอกสูญเงิน 2,000 ล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ก.ย.60 ที่ศาลากลาง จ.เชียงใหม่ จนท.ดีเอสไอ ได้เปิดศูนย์สอบสวนผู้เสียหายจากธุรกิจแชร์ลูกโซ่ของ บริษัท เดอะซิสเตม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด (TSPP) โดยทางกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำ จนท.มารับเรื่องร้องทุกข์และรับข้อมูลจากผู้เสียหายในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีผู้เสียหายนำหลักฐานต่างๆ เดินทางมาร้องทุกข์และให้ปากคำเป็นจำนวนมาก ทางด้าน นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รอง ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ (DSI) เปิดเผยว่า

จากกรณีเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายที่ได้ลงทุนกับบริษัท เดอะซิสเตม ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ จำกัด เข้าร้องทุกข์กับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หลังถูกหลอกให้ร่วมลงทุนซื้อแพคเกจคอร์สสัมมนา เพื่อการเรียนรู้และการลงทุน ซึ่งมีผู้เสียหายรวม 40,000 คนทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท ต่อมาทาง จนท.ก็ได้ดำเนินการจับกุมตัว นายภูดิศ กิตติธราดิลก ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจไว้ได้ ส่วนพฤติกรรมนั้นคือ จะเป็นผู้ชักชวนประชาชนให้ลงทุนโดยสัญญาว่าจะจ่ายเงินค่าตอบแทน ในอัตราร้อยละ 30 ต่อเดือน

โดยแผนการตลาดจะให้ประชาชน สมัครเป็นสมาชิกบริษัทในรูปแบบแพคเกจต่างๆ 5 แพคเกจ ประกอบด้วย แพคเกจวีไอพี ราคา 108,000 บาท แพคเกจพรีเมียมราคา 36,000 บาท แพคเกจแสตนดาร์ค 18,000 บาท แพคเกจมินิ 9,000 บาท แพคเกจไมโครราคา 4,500 บาท แต่ไม่มีสินค้าและแหล่งที่มาของเงิน ซึ่งหลังจ่ายเงินซื้อแพคเกจครบ 30 วัน จะเริ่มจ่ายเงินปันผลให้ตามสัญญาเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจะจ่ายทุกสัปดาห์ ในอัตราร้อยละ 7นอกจากนี้แล้วยังโฆษณาว่า หากชักชวนคนอื่นมาร่วมซื้อแพคเกจด้วย จะได้รับค่าแนะนำร้อยละ 5 และจะได้รับค่าแนะนำเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ตามอัตราที่ชักชวนมาได้มาก ทำให้ประชาชนหลงเชื่อจำนวนมาก เนื่องจากการลงทุนในระยะแรกมีสมาชิกได้รับผลกำไร ตามที่บริษัทโฆษณาจริง และยังหลอกให้สมาชิกซื้อคอร์สสัมมนา เพื่อมีสิทธิ์เป็นผู้ถือใบหุ้น โดยหลอกสร้างความมั่นใจเพิ่มเป็น 2 เท่า ด้วยการให้ซื้อแพคเกจเหมือนเดิม และจะจ่ายเงินปันผลทุก 7 วัน ตลอด 1 ปี โดยอ้างว่าเป็นการจ่ายเงินปันผลที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีผู้เสียหายรวม 40,000 คนทั่วประเทศ มูล ค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท จนเดือน ก.ค.2559 บริษัทประกาศหยุดจ่ายเงินปันผลให้แก่สมาชิก

สำหรับคดีที่เกิดขึ้นนั้นมีผู้เสียหายทั่วประเทศ ในวันนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้เดินทางมาเปิดรับเรื่องร้องทุกข์และสอบปากคำผู้เสียหาย พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งจะดำเนินการในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ในห้วงระหว่างวันที่ 5 – 9 ก.ย. จากนั้นก็จะเดินทางไปยังภาคเหนือตอนล่าง ในวันที่ 11 – 14 ก.ย.โดยจะเปิดศูนย์ฯ ที่ศาลากลาง จ.นครสวรรค์ ซึ่งในพื้นที่ภาคเหนือนั้นจะมีผู้เสียหายมากที่สุด จึงจำเป็นต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้กับผู้เสียหายเดินทางมาให้ปากคำให้มากที่สุดด้วย ซึ่งภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง คาดว่าจะมีผู้เสียหายรวมแล้วกว่า 2,000 ราย

ส่วนในเรื่องของการจับกุมเพิ่มเติมในฐานะตัวแทน หรือแม่ข่ายที่คอยชักจูงให้บุคคลอื่นไปร่วมลงทุนนั้น ในส่วนนี้ก็ต้องมีการสอบสวนปากคำว่า ใครเป็นคนชักชวนบ้าง และเข้าข่ายความผิดหรือไม่ เพราะแม่ข่ายก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องสอบสวนข้อมูลก่อน หากพบว่าเข้าข่ายในการหลอกลวงก็ต้องจับกุม และเชื่อมั่นว่าคดีนี้จะมีการจับกุมผู้กระทำความผิดไม่ต่ำกว่า 15 ราย และคาดว่าน่าจะดำเนินการออกหมายจับได้ภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้

ดังนั้นจึงอยากจะประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งผู้ที่ลงทะเบียนไว้ หรือผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียน เดินทางมาให้ปากคำกับ จนท.ด้วย เพื่อจะได้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะนอกจากจะดำเนินการกับผู้ที่กระทำความผิดแล้ว ตามข้อกฎหมาย ก็ต้องเร่งดำเนินการเกี่ยวกับการยึดทรัพย์สินด้วย เพราะถือเป็นการฟอกเงินแบบผิดกฎหมาย หรือการให้เงินค่าตอบแทนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดต่อไป…

วีรศักดิ์ ปัญญาโชติ/รายงาน

ร่วมแสดงความคิดเห็น