แอ่วดอยปุย..ชมพิพิธภัณฑ์ชนเผ่าม้ง

วิถีชีวิตของคนในเมืองมีความเคยชินกับการที่ได้เสียบบัตรกดปุ่มและการรับเอาเทคโนโลยอันทันสมัยจากต่างประเทศมาใช้ ขณะที่คนบนดอยสูงยังคงตั้งหน้าทำงานไปตามวิถีที่พวกเขาเคยกระทำ จนกลายเป็นข้อแตกต่างระหว่างชนชั้นที่เลื่อมล้ำในสังคม

จะว่าไปการใช้ชีวิตของคนในเมืองดำเนินไปภายใต้กฏเกณฑ์และการแข่งขันที่ไม่มีวันสิ้นสุด ความสะดวกสบายและปัจจัยในการยังชีพต่าง ๆ ถาโถมเข้ามาสู่วิถีชีวิตของคนพื้นราบ แม้กระทั่งผู้คนที่อาศัยอยู่ตามภูเขาสูง ก็รับเอาวัตถุนิยมและปัจจัยเหล่านั้นมาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตไปด้วย

แม้ว่าเมืองเชียงใหม่จะเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสแห่งสังคม แต่วัฒนธรรมพื้นบ้านอันเป็นรากเหง้าดั่งเดิมของคนเชียงใหม่ บางส่วนยังได้รับการอนุรักษ์รักษาไว้ เพื่อเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตของคนรุ่นหลัง

พื้นที่ของเชียงใหม่นอกจากที่ราบลุ่มแม่น้ำปิงแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นสภาพภูเขาสูง มีป่าไม้ที่เป็นต้นกำเนิดสายน้ำสายต่าง ๆ ที่สำคัญมากมาย เช่น แม่น้ำปิง แม่น้ำฝาง แม่น้ำแตงและแม่น้ำแจ่ม เป็นต้น แม่น้ำเหล่านี้มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของผู้คนในเมืองเชียงใหม่มานานหลายชั่วอายุคน โดยเฉพาะแม่น้ำปิงนั้นเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนในเชียงใหม่ก็ว่าได้

ด้วยภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน จึงทำให้เชียงใหม่มีประชากรชาวเขาอาศัยอยู่มากมายหลายเผ่าพันธุ์ แม้แต่ภูเขาที่อยู่ใกล้เมืองเชียงใหม่มากที่สุดอย่างดอยสุเทพ ก็มีชาวเขาเผ่าม้งอาศัยอยู่ และที่หมู่บ้านม้งนี่เองได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางขึ้นไปชมความสวยงามของธรรมชาติและสัมผัสวิถีชีวิตของคนภูเขาจนหมู่บ้านม้งแห่งดอยปุยได้พัฒนามาเป็นหมู่บ้านแห่งการท่องเที่ยวไปแล้ว

ใครที่มีโอกาสขึ้นไปนมัสการพระบรมธาตุดอยสุเทพ หากขับรถเลยขึ้นไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตรผ่านพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ จนถึงบ้านม้งดอยปุยก็จะพบกับความงามที่ซ่อนเร้นอยู่หลังเขา ที่สำคัญหมู่บ้านแห่งนี้พึ่งสร้างชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวให้กับเชียงใหม่เราในฐานะเป็นสถานที่จัดการแข่งขันล้อเลื่อนภูเขาเมื่อปลายปีที่แล้ว

ฉะนั้น เมื่อมาเยือนบ้านม้งดอยปุยในช่วงเวลาฤดูหนาว ผมจึงไม่แปลกใจเลยที่เห็นรถจำนวนมากจอดเรียงราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถที่พานักท่องเที่ยวมาชมวิถีชีวิตของชาวบ้านแห่งนี้

หลังจากที่บ้านม้งดอยปุยมีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากขึ้นก็ได้มีการละทิ้งอาชีพดั่งเดิมคือการทำไร่ทำนากันหมด ปัจจุบันแทบทุกหลังคาเรือนในหมู่บ้านนี้แปรสภาพมาเป็นร้านค้าจำหน่ายสินค้าที่ระลึกจากชาวเขา ประเภท เสื้อผ้าเครื่องประดับชาวเขา นอกจากนี้ที่ทันสมัยหน่อยก็มีร้านอาหารฝรั่งเกิดขึ้นที่นี่ด้วย ผมเดินผ่านร้านค้าซึ่งมีอยู่มากมายริมสองฝั่งทางเดินเพื่อไปทะลุออกยังลานดอกไม้ซึ่งจัดแต่งได้อย่างสวยงาม ต้องขอชมเชยคนดูแลที่เอาใจใส่ต่อสวนดอกไม้เป็นอย่างดี ที่สวนดอกไม้นี้มีดอกไม้เมืองหนาวหลายชนิด บางชนิดหาดูได้ยากก็มีให้พบเห็น

ไม่ไกลจากสวนดอกไม้นัก เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ชาวเขา ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของชาวเขาหลายเผ่า เช่น แม้ว ม้ง มูเซอ อีก้อ ลีซอ เป็นต้น นอกจากนั้นภายในยังจำลองบ้านตัวอย่างของชาวม้งไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชม โดยมีการจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้อย่างสมบูรณ์ในแบบฉบับของชาวม้ง จึงนับได้ว่าพิพิธภัณฑ์ม้งบนดอยปุยแห่งนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาที่ได้จัดแสดงวิถีความเป็นอยู่ของชาวม้งได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์เมื่อเทียบกับอัตราค่าเข้าชมคนละ 10 บาทด้วยแล้ว ถือว่าคุ้มเกินคุ้ม

ระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ขึ้นมาประมาณ 15 กิโลเมตรผ่านเส้นทางคดเคี้ยวมาถึงหมู่บ้านม้งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะได้พบกับความสวยงามที่แตกต่าง ที่หมู่บ้านม้งนอกจากจะเป็นท่องเที่ยวบนดอยที่อยู่ใกล้เมืองเชียงใหม่มากที่สุดแล้ว สินค้าประเภทพลอย ทับทิมและเครื่องประดับเงินก็เป็นสินค้าที่บรรดานักท่องเที่ยวนิยมซื้อขายกันมากที่สุดด้วยเช่นกัน ทุกปีหมู่บ้านม้งแห่งนี้จึงสามารถดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยือนได้เป็นจำนวนมาก ทำให้มีรายได้หมุนเวียนกว่าปีละหลายล้านบาท

หากคิดจะลองเปลี่ยนบรรยากาศของการท่องเที่ยวที่ให้ทั้งสาระและการพักผ่อน ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง น่าจะลองแวะเข้ามาเที่ยวที่หมู่บ้านม้งดอยปุยดูบ้าง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาจำกัดแบบไปเช้าเย็นกลับ อีกทั้งเส้นทางท่องเที่ยวนี้ยังสามารถแวะนมัสการพระธาตุดอยสุเทพได้อีกด้วย.หากคิดจะลองเปลี่ยนบรรยากาศของการท่องเที่ยวที่ให้ทั้งสาระและการพักผ่อน ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง น่าจะลองแวะเข้ามาเที่ยวที่หมู่บ้านม้งดอยปุยดูบ้าง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาจำกัดแบบไปเช้าเย็นกลับ อีกทั้งเส้นทางท่องเที่ยวนี้ยังสามารถแวะนมัสการพระธาตุดอยสุเทพได้อีกด้วย.

จักรพงษ์  คำบุญเรือง [email protected]. 3/8/60

ร่วมแสดงความคิดเห็น