กลุ่มผู้เสียหายเช่าล็อค ถนนคนเดินนิมมานฯ เข้าร้องตำรวจ หลังผู้ดูแลโครงการโฆษณาชวนลงทุน แต่กลับไม่เป็นไปตามที่คาด

กลุ่มผู้เสียหายเช่าล็อค โครงการถนนคนเดินนิมมานฯ รวมตัวเข้าร้องตำรวจ ขอเป็นสักขีพยานหลังผู้ดูแลโครงการ โฆษณาชวนเชื่อให้ลงทุนเปิดร้าน เรียกเก็บเงินค่าเช่าก่อน โดยไม่ มีการทำสัญญา หลังเปิดโครงการขายของได้เพียง 2 สัปดาห์ ไม่มีคนเที่ยวและซื้อของ สุดท้ายเจ๊ง จึงรวมตัวกันขอค่าเช่าคืนครึ่งราคาแต่กลับเงียบ ขณะที่ทางผู้ดูแลโครงการรุดเข้าไกล่เกลี่ยในเวลาต่อมา พร้อมยอมรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายตามข้อตก ลงแล้ว

เมื่อเวลาประมาณ 10:00 น. วันที่ 20 ก.ย.60 กลุ่มผู้เสียหายจากการเช่าล็อคขายสินค้าในโครงการ ถนนคนเดินนิมมานฯ จำนวน 21 คน ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.เอนก ไชยวงค์ รอง ผกก.(สอบสวน) หน.งานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อให้ทาง จนท.ตำรวจ ดำเนินการตรวจสอบและเป็นสักขีพยาน ในการเข้าเจรจากับทางผู้รับผิดชอบโครงการถนนคนเดินนิมมานฯ หลังได้รับความเสียหาย ในการจองพื้นที่ค้าขายสินค้าภายในโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีการประชาสัมพันธ์ชวนเชื่อที่ผิดจากความเป็นจริง อีกทั้งยังให้ทางผู้เช่าทำการโอนเงินค่าที่ให้ก่อน โดยไม่ได้มีการทำสัญญาลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด หลังจากเปิดโครงการได้ประมาณ 2 สัปดาห์ กลับไม่มีคนเที่ยวคนซื้อ อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่เป็นไปตามแบบที่มีการประชาสัมพันธ์ไว้ ทางกลุ่มผู้เสียหายจึงได้เดินทางเข้าแจ้งเรื่องกับทาง จนท.ตำรวจ ซึ่งได้มีการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยกันในวันนี้ ทั้งนี้ทาง น.ส.กุสุมา ตั้งประชากุล อายุ 22 ปี หนึ่งในผู้เสียหายที่เช่าพื้นที่โครงการดังกล่าว เล่าว่าตนได้เห็นโฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวผ่านทางเฟสบุ๊คใช้ชื่อว่า “ถนนคนเดินนิมมาน” โดยมีการประกาศเช่าพื้นที่ขายสินค้า ซึ่งในโมเดลล็อคขายสินค้านั้น มีความน่าสนใจในการลงทุนและเห็นมีเบอร์โทร รวมทั้งไอดีไลน์ติดต่อ จึงได้ลองสอบ ถามโดยประสานกับทางคนชื่อ “ตูน” ซึ่งหลังคุยรายละเอียดแล้ว ทางผู้รับผิดชอบโครงการได้มีการเร่งรัดให้ทางผู้เช่าพื้นที่รีบโอนเงินให้ เพื่อที่จะจองล็อคขายสินค้า

โดยอ้างว่ามีบางคนที่คิวต่อกันถึง 5-6 คิวแล้ว เพื่อให้ทางผู้เช่าเร่งโอนเงินให้ โดยให้เปิดจอง ในราคา 4,500-5,200 บาท แต่เมื่อมาดูจริงๆ กลับพบว่าล็อคยังว่างอยู่จำนวนมาก ซึ่งกลับกลายเป็นว่าไม่มีความเป็นธรรม นอกจากนี้ทางผู้ดูแลโครงการดังกล่าว ก็ไม่มีการเข้ามาดูแลความเรียบร้อยแต่อย่างใด จนกระทั่งผ่านมากว่า 2 สัปดาห์ หลังการเปิดโครงการก็มีคนมาเดินชมโครงการไม่มาก และสินค้าก็ยังขายไม่ได้ เนื่องจากทางผู้ดูแลโครงการไม่มีการประชาสัม พันธ์โครงการแต่อย่างใด ดังนั้นทางกลุ่มผู้เช่า จึงมีการพูดคุยกันว่าจะยกเลิกการเช่าที่ โดยขอเงินที่ได้จ่ายไปแล้วคืนส่วนหนึ่ง และได้ทำการพูดคุยกับทางผู้ดูแลโครงการแล้ว และในตอนนั้นทางผู้ดูแลโครงการก็ได้ตกลงแล้ว พร้อมทั้งขอให้มีการทำเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ทางผู้ดูแลโครงการก็เงียบไป ดังนั้นทางกลุ่มผู้เช่าจึงได้พากันเข้ามาติดต่อกับทาง จนท.ตำรวจ

ส่วนทางด้าน น.ส.สาวิตรี โตวิวัฒน์ อายุ 32 ปี หนึ่งในผู้เสียหายเล่าว่า ตนก็ได้ทราบข่าวการประชาสัมพันธ์โครงการถนนคนเดินนิมมานฯ มาจากเฟสบุ๊คเช่นกัน และที่ตัดสินใจมาลงทุนก็เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าว น่าจะมีคนสนใจมาเดินชมและเลือกซื้อสินค้าจำนวนมาก ประกอบกับเห็นโมเดลพื้นที่ที่มีความน่าสนใจ เพราะพื้นที่นิมมานฯ ก็เป็นทำเลทอง มีนักท่องเที่ยวเยอะ จึงได้ทำการติดต่อพูดคุยกับทางผู้ดูแลโครงการ ซึ่งทราบว่าผู้ดูแลโครงการนั้นมี 3 คน โดยคนชื่อ “ตูน” จะเป็นคนติดต่อกับทางผู้เช่าล็อค เมื่อพูดคุยรายละเอียดแล้ว ทางคนชื่อ “ตูน” ก็จะให้โอนเงินค่าเช่าล็อคไปยังบัญชีของผู้ดูแลโครงการ ซึ่งเมื่อถามถึงสัญญาลายลักษณ์อักษร ทางผู้ดูแลโครงการก็อ้างว่าจะให้ไปเซ็นสัญญาในวันเปิดขาย แต่พอถึงวันดังกล่าวก็ไม่มีการเซ็นสัญญาตามที่ตกลงไว้แต่อย่างใด นอกจากนี้ตนก็เคยแจ้งให้ทางผู้ดูแลโครงการดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ แต่ก็ไม่มีการเข้ามาดูแลตามที่ได้ตกลงกันไว้ อีกทั้งหลังการเปิดขายของมาประมาณ 2 สัปดาห์ ก็ไม่มีลูกค้าและคนเดินในโครงการก็น้อยมาก ไม่เหมือนกับที่ทางผู้ดูแลโครงการได้โฆษณาไว้ อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาทางผู้ดูแลโครงการ พร้อมด้วยหุ้นส่วน ได้เดินทางเข้าพบกับทางกลุ่มผู้เสียหาย และทาง จนท.ตำรวจ โดยภายหลังการพูดคุย ทางกลุ่มผู้เสียหายได้เรียกร้องเงินที่จ่ายให้ไปแล้วก่อนหน้านี้ รวมกันจำนวน 25 คน 27 ล็อค คืนเป็นเงินทั้งสิ้น 67,550 บาท จากเงินทั้งหมด 126, 700 บาท แต่ทางผู้ดูแลโครงการ ได้พูดคุยไกล่เกลี่ยโดยยินยอมที่จะคืนเงินให้กับทางกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมด โดยจ่ายเป็นกลุ่มซึ่งแบ่งเป็น กลุ่มผู้ที่ชำระค่าจองเป็นจำนวน 4,500 บาท จะได้รับเงินคืนจำนวน 2,000 บาท และส่วนของกลุ่มผู้ที่ชำระค่าจองเป็นจำนวน 5,200 บาท จะได้รับเงินคืนจำนวน 2,300 บาท โดยรับปากว่าจะมีการคืนเงินให้กับกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดในวันที่ 15 ต.ค.60 ที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อให้ทาง จนท.ตำรวจ เป็นสักขีพยาน และทำการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานอีกครั้ง

ร่วมแสดงความคิดเห็น