100 ปี “วันพระราชทานธงชาติไทย” (Thai National Flag Day)

ในวันที่ 28 ก.ย.ของทุกปี ถือเป็นวันพระราชทานธงชาติไทย (Thai National Flag Day) และเริ่มในวันที่ 28 ก.ย.60 เป็นวันแรก โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ รวมทั้งกำหนดให้มีการชักและประดับธงชาติในวันดังกล่าวด้วย เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจของคนในชาติ และเป็นการน้อมรำลึกถึงการที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.6 ทรงพระราชทานธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย

‘ธงแดง’ ธงชาติแรกของไทย

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. พ.ศ. 2223 ในช่วงที่กรุงศรีอยุธยา มีความเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในภูมิภาค ซึ่งจากประ วัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่เลื่องลือในพระราโชบายทางคบค้ากับชาวต่างประเทศ และการเจริญสัมพันธไมตรีกับชาติมหาอำนาจในยุโรป ซึ่งนำมาสู่จุดกำเนิดของ ‘ธงแดง’ ธงชาติยุคแรกของสยาม

ประเทศฝรั่งเศส ในยุคสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้จัดส่งเรือรบมายังสยาม จากหนังสือจดหมายเหตุของประเทศฝรั่งเศสได้มีการบันทึกไว้ว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย.พ.ศ. 2223 เรือเลอโวตูร์ เรือรบของฝรั่งเศสมีนายเรือชื่อ มองซิเออร์ คอนูแอน ได้นำเรือรบลำนี้เข้ามาบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเจริญพระราชไมตรี และเพื่อการค้ากับอยุธยา

โดย มองซิเออร์ คอนูแอน ได้สอบถามไปทางฝ่ายอยุธยาว่าจะขอยิงสลุต (Salut) เมื่อเรือแล่นผ่านป้อมวิไชยเยนทร์ (ป้อมวิไชยประสิทธิ์ในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นไปตามประเพณีของชาวยุโรป สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงพระราชานุญาตพร้อมกับรับสั่งให้ออกพระศักดิ์สงคราม (เชอวาเลีย เดอ ฟอร์บัง) กำกับให้ทางป้อมยิงสลุตตอบรับด้วย แต่ตามประเพณีแล้ว การตอบรับจะต้องชักธงชาติเป็นสัญลักษณ์ตอบรับด้วย

ซึ่งสยาม ณ เวลานั้นยังไม่มีธงประจำชาติ ทางป้อมจึงตัดสินใจใช้ธงประเทศฮอลันดาแทน แต่ประเทศฝรั่งเศสไม่ยอมรับ ด้วยเหตุผลว่าไม่ใช่ธงประจำประเทศไทย จึงให้นำธงฮอลันดาลง ฝ่ายสยามออกพระศักดิ์สงคราม จึงแก้ปัญหาด้วยการนำเอาธงแดงที่มีอยู่ในขณะนั้นขึ้นแทนธงชาติ ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ยิงสลุตกันอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการแสดงการยอมรับดังกล่าว เหตุผลนี้ ธงแดงจึงเป็นธงประจำชาติผืนแรกของไทยอย่างไม่เป็นทางการ

การเปลี่ยนจากธงแดงสู่ ธงวงจักร และ ธงช้าง

วิวัฒนาการของธงไทยได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ร.1 ผู้ก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เพิ่มรูปวงจักรสีขาวอยู่ตรงกลาง เพื่อเป็นสัญ ลักษณ์ของเรือหลวง และเป็นการแยกระหว่าง ธงเรือหลวงกับเรือสินค้า เนื่องจากที่ผ่านมา เรือทั้ง 2 ชนิดใช้ธงสีแดงเหมือนกัน

ต่อมาในสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร.2 ได้ทรงมีพระราชดำริให้นำเอารูปช้างเผือกสีขาววางไว้ตรงกลางวงจักรสีขาว เนื่องจากช้างคือสัญลักษณ์แห่งแผ่นดินของกรุงรัตนโกสินทร์ และในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.4 ได้มีการใช้ธงสี่เหลี่ยมผืนสีแดง ตรงกลางมีรูปช้างเผือกเปล่าหันหน้าเข้าหาเสาธง โดยไม่มีวงจักรล้อมรอบตัวช้าง ซึ่งในช่วงนั้นมีการพื้นฟูความสัมพันธ์ และเริ่มต้นทำสนธิสัญญาต่างๆกับชาติมหาอำนาจตะวันตกมากขึ้น จึงทรงมีพระราชดำริว่า สยามจำเป็นต้องมีธงชาติ ใช้ตามธรรมเนียมของชาติตะวันตก

รูปช้างเผือกเปล่าหันหน้าเข้าหาเสาธง

ร.5 ในสมัย ร.ศ. 110 หรือหลังจากก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์มาได้ทั้งหมด 110 ปี ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2434 ได้มีการจัดทำ พ.ร.บ.ธง ฉบับที่ 1 เป็นแบบอย่างธงสยามที่รับรองเป็นกฎหมายเล่มแรก ว่าธงชาติสยามเป็นแบบไหน โดยใน พ.ร.บ.ธงฉบับที่ 1 ข้อที่ 13 ได้ระบุไว้ว่า“ข้อ 13 ธงชาติสยาม เป็นรูปช้างเผือกเปล่าพื้นแดง ใช้ในเรือกำปั่นและเรือทั้งหลายของพ่อค้าเรือกำปั่นและเรือต่างๆ ของไปรเวตทั่วไป ในชาวสยามประกาศมาตั้งแต่พระที่นั่งจักรกรีมหาปรา สาท ลงวันที่ 25 มี.ค. รัตนโกสินทร์ ศก 110”

เหตุเกิดที่อุทัยธานี การเปลี่ยนธงช้างสู่ธงแดงขาวห้าริ้ว
หลายคนอาจสงสัยว่า จากธงช้างที่ดูเหมือนจะสามารถเป็นสัญลักษณ์ของชาติไทยมาถึงปัจจุบันได้ ถูกเปลี่ยนกลายมาเป็นธงไตรรงค์ได้อย่างไร แต่แท้จริงแล้วการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น มีเหตุผลที่คาดไม่ถึง จากการที่ชาว จ.อุทัยธานี รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.6 ในปี พ.ศ.2459

การเปลี่ยนธงช้างสู่ธงแดงขาวห้าริ้ว

หลังจากที่มีการประกาศข่าวให้ประชาชนชาวเมืองทราบกันทั่วว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จเยี่ยมราษฎรประจำ จ.อุทัยธานี และจะหยุดประทับแรมถึงสองราตรี ราษฎรจึงได้จัดเตรียมเคหะสถานบ้านเรือนเป็นงานรับเสด็จเป็นการใหญ่ ส่งผลให้ตลอดข้างทางเสด็จในเมืองอุทัยธานี เต็มไปด้วยธงทิวผ้าเฟื่อง ซุ้มดอกไม้ และโต๊ะบูชา เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี

แต่ในระหว่างที่ ร.6 เสด็จพระราชดำเนินผ่านตัวเมืองอุทัยธานี ไปถึงแถบชุมชนที่ห่างจากบริเวณตัวเมือง ชาวบ้านในตัวชุมชนก็ได้พยายามติดธงช้าง เพื่อให้การต้อนรับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เช่นกัน แต่มีบ้านหลังหนึ่งที่ได้ธงมาอย่างกะทันหัน จึงได้เอาธงช้างไปติดไว้บนยอดหน้าจั่วหลังคา แต่เมื่อขบวนเสด็จพระราชดำเนินมาหยุดลง สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อล้นเกล้าล้นกระหม่อมทอดพระเนตรขึ้นไป เห็นธงช้างฝืนนั้น ก็มีอาการสะดุดพระเนตร

เนื่องจากธงช้างติดอยู่ในลักษณะช้างนอนหงายเอาเท้าชี้ฟ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่เป็นมงคล จากนั้นมา พระองค์จึงมีพระราชดำริว่า ธงชาติต้องมีรูปแบบที่สมมาตร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก จึงเป็นจุดกำเนิดของธงแดงขาวห้าริ้ว ซึ่งเป็นรูปแบบสมมาตร และไม่ว่าติดด้านไหนก็ไม่มีลักษณะกลับหัว โดยสีแดงนั้นมาจากสีเดิมของธง ส่วนสีขาวมาจากช้างเผือกนั้นเอง

กำเนิดธงไตรรงค์

กำเนิดธงไตรรงค์ จากคำแนะนำของ อะแควเรียส หรือ อะแควริส ผู้ใช้นามแฝงในหนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ เดลิเมล์ ฉบับวันที่ 15 ส.ค. พ.ศ. 2460

ก่อนที่สยามจะประกาศเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ประเทศของเรายังคงอยู่ในช่วงทดลองใช้ธงห้าริ้ว โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรับฟังความคิดเห็นทั่วไปเกี่ยวกับธงชาติสยาม แต่แล้ว ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพฯ เดลิเมล์ เมื่อวันที่ 15 ส.ค.พ.ศ. 2460 ปรากฏว่ามีผู้ใช้นามแฝงว่า อะแควเรียส หรือ อะแควริส ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับธงชาติว่า ควรเพิ่มสีน้ำเงิน เพื่อให้ธงชาติสยามมีสีน้ำเงิน แดง ขาว เหมือนกับชาติสัมพันธมิตร ในสง ครามโลกครั้งที่ 1 นั่นเอง

บันทึกจดหมายเหตุรายวันของพระองค์ระบุไว้ว่า
“เพื่อนของผู้เขียนได้แสดงความคิดเห็นว่า ไม่สู้พอใจต่อรูปแบบของธงสยามที่ทำขึ้นใหม่ เพราะเห็นว่าไม่สง่างามพอสำหรับประเทศ และได้ออกความคิดเห็นว่า ริ้วแดงกลางควรจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ดังนี้ริ้วขาวที่กระหนาบสองข้างประกอบกับริ้วสีน้ำเงินกลาง ก็จะรวมกันเป็นสีส่วนพระองค์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสีแดงกับขาวที่ริมประกอบกันก็จะเป็นสีสำหรับชาติ และด้วยประการนี้ กรุงสยามก็จะได้มีธงสีแดง ขาว กับน้ำเงิน เช่นเดียวกับ ธงสามสี (ฝรั่งเศส) ธงยูเนี่ยนแจ็ค (อังกฤษ) และ ธงดาวและริ้ว (อเมริกัน)”

ซึ่งพระองค์ทรงเห็นด้วย จึงได้เพิ่มสีน้ำเงิน สีทรงโปรดลงตรงกลาง ก่อนจะนำเรื่องเข้าประชุมลงมติเห็นชอบธงสามสีแบบที่คิดขึ้นใหม่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ ธงไตรรงค์ เป็นธงประจำชาติ และได้พระราชทานธงไตรรงค์ เป็นธงชาติสยาม เมื่อวันที่ 28 ก.ย.พ.ศ. 2460 ตาม พ.ร.บ.แก้ไข พ.ร.บ.ธง พ.ศ.2460

ธงใหม่ของสยามภายใต้การปรับปรุงครั้งนี้ ตรงกับช่วงเวลาการตัดสินใจเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ของสยามประ เทศเมื่อวันที่ 22 ก.ค.พ.ศ. 2461 ซึ่งหลังจากสงครามจบลง และสยามอยู่ฝ่ายเดียวกับผู้ชนะ ธงไตรรงค์ของสยามก็ได้เดินผ่านประตูชัยที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พร้อมกับคณะทหารอาสา ในการเฉลิมฉลองชัยชนะของฝ่ายพันธ มิตร เมื่อวันที่ 14 ก.ค.พ.ศ. 2462 ซึ่งนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชนะสงครามร่วมกับชาติมหาอำนาจในยุโรปแล้ว ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการที่ชาติมหาอำนาจในยุโรป ให้การยอมรับสยามในเวทีโลก

โดยสัญลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุดคือการที่สยามได้เข้าร่วม สันนิบาตชาติ (League of Nations) องค์การระหว่างประเทศที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2462 เพื่อป้องกันสงครามความขัดแย้งในอนาคต รวมถึงได้มีการแก้ไขสนธิสัญญาต่างๆ ซึ่งสยามมีอำนาจในการต่อรองกับชาติมหาอำนาจมากขึ้น

จากการตัดสินใจครั้งนั้น การเปลี่ยนแปลงของธงประจำชาติสยาม หรือไทยเราในปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่ามีการพิจารณาตามความเหมาะสมของยุคสมัย และเมื่อใดก็ตามที่เห็นถึงความสำคัญที่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน เพื่อให้ทันต่อยุคสมัยของโลก ไทยก็สามารถปรับตัวได้เสมอ กาลเวลาผ่านพ้นไปในแต่ละยุคสมัย ความหมายและบทบาทของธงไตรรงค์ได้เปลี่ยนแปลงไปตามบทบาทของแต่ละยุค จนมาถึงวันที่ 28 ก.ย. พ.ศ. 2560 ธงไตรรงค์จึงได้มีอายุครบ 100 ปี แล้ว

ร่วมแสดงความคิดเห็น