เที่ยว “วัดอนาลโย” … ชมสวนพุทธธรรมบนดอยบุษราคัม

จังหวัดพะเยาเมืองเล็กที่สงบเงียบริมฝั่งกว๊านกว้างใหญ่สุดหูสุดตา ก่อนหน้านี้ไม่นานผมมีโอกาสได้นั่งเรือชมความงามของกว๊านและเก็บเกี่ยวเรื่องราวของชาวประมงแห่งกว๊านพะเยา มาวันนี้ผมละทิ้งจากผืนน้ำกว้างเดินทางขึ้นสู่วัดอนาลโยทิพยารามบนยอดดอยบุษราคัม สถานที่ปฏิบัติธรรมที่ร่มรื่นและยังเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของจังหวัดพะเยา
ทันทีที่เดินทางไปถึงวัดอนาลโยบริเวณด้านล่างของวัดมีการจัดส่วนร้านค้าและลานจอดรถไว้ที่เชิงดอย แยกส่วนจากเขตอันร่มรื่นเงียบสงบของวัดที่ตั้งไว้บนดอยอย่างชัดเจน โดยมีบันไดคอนกรีตสลักลวดลายอันงดงามนำขึ้นไปสู่บริเวณวัด แมกไม้สองข้างทางยังเขียวขจีดำรงความเป็นธรรมชาติไว้อย่างสมบูรณ์

ที่ไหล่ดอยมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่นามพระพุทธเมตตานภาวิสุทธิมงคลตั้งตระหง่านอยู่กลางแจ้งไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้ ตามเส้นทางเดินอันร่มรื่นใต้ร่มใบของแมกไม้ป่าเต็งรัง จะพบหอพระแก้ว อันเป็นสถานที่ประดิษฐานพระแก้วและเป็นหอปฏิบัติธรรมอันเงียบสงบด้านหลังจะมีลานเปิดโล่งมองเห็นผืนป่าอันแน่นขนัดเขียวขจีและหุบดอยอันสลับซับซ้อน จากหอพระแก้วลึกเข้าไปจะเป็นเขตสังฆาวาสที่ไม่ใช่เขตหวงห้าม แต่เป็นเขตคามแห่งการปฏิบัติธรรมที่ใครก็เข้าไปได้ แต่ควรจะให้ความเคารพสถานที่ สำรวมระวังกิริยาอาการ เพราะสถานที่นี้ต้องการความเงียบสงบ ความวิเวกในท่ามกลางธรรมชาติเพื่อการปฏิบัติธรรมของพระภิกษุสงฆ์ บริเวณนี้จะมีศาลาริมดอยที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่ามากมายนับร้อยองค์ ที่ริมศาลาเราสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันกว้างไกลของดอยหนอกและที่ราบลุ่มเบื้องล่าง มองเห็นทุ่งนา และกว๊านพะเยาอยู่ไกลลิบ นอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นมุมมองอันงดงามในยามอรุณรุ่ง โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่มักเป็นเช้าแห่งการนัดพบกันของสายหมอกและแสงตะวันทำให้เกิดภาพฝันอันงดงาม

วัดอนาลโย สถานที่ปฏิบัติธรรมอันสงบงดงามท่ามกลางธรรมชาติแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและวัตรปฏิบัติของพระปัญญาพิศาลเถร (หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล)) พระสายวิปัสนาผู้มีลูกศิษย์ลูกหาให้ความศรัทธามากมาย จนสามารถสร้างวัดอันงดงามและเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอันเงียบสงบบนดอยบุษราคัมแห่งนี้
โบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของวัดอนาลโยที่เห็นเด่นชัดเมื่อเวลาเดินทางมาที่นี่ก็คือ ซุ้มประตูที่ทำด้วยหินทรายและปูนปั้นดินขาว มีลักษณะรูปทรงศิลปแบบล้านนาบริเวณทางเดินปูด้วยหินทรายประมาณ 200 ขั้น เมื่อเดินขึ้นไปถึงด้านบนจะพบกับซุ้มประตูอิฐ หอพระพุทธชินราช พระพุทธเมตตานภาวิสุทธิมงคล รัตนเจดีย์บริวาร 5 องค์ เมื่อเดินเข้าไปจะพบพระอุโบสถที่สวยงามด้วยปูนปั้นเป็นศิลปสมัยเชียงแสน ใกล้กันเป็นซุ้มประตูมังกรซึ่งแบ่งเขตระหว่างสงฆ์กับฆราวาส
ในบริเวณเขตสังฆาวาสจะมีหอประดิษฐานพระเก่า ซึ่งภายในจะมีพระแก้วมรกต พระบุษราคัม พระพุทธรูปทองประดับเพชร พระพุทธรูปทองคำหนัก 273 บาทและพระพุทธรูปที่มีค่ามากมายประดิษฐานอยู่ ผมใช้เวลาเดินชื่นชมความสวยงามของวัดผสมกับความร่มเงาของแมกไม้นานาชนิดในบริเวณนี้ แม้ว่าหนทางเดินจะลดเลี้ยวไปตามความชันของทิวดอย ทว่ากลับไม่ทำให้รู้สึกเหนื่อยแต่อย่างใด อาจเพราะได้ความร่มรื่นของมวลไม้มาบดบังไอร้อนจากแสงอาทิตย์ในเวลาบ่ายของวันก็เป็นได้
นอกจากนั้นในบริเวณวัดอนาลโยยังประดิษฐานเจดีย์พุทธคยา ที่ย่อส่วนมาจากของจริงที่ประเทศอินเดีย เจดีย์องค์นี้มีความสูง 25 เมตร มีต้นโพธิ์ตรัสรู้อยู่ด้านหลัง ประกอบกับเมืองพะเยามีแม่น้ำอิงซึ่งไหลขึ้นไปทางเหนือคล้ายดังกับแม่น้ำเนรัญชลาในอินเดีย สมกับสถานที่ตรัสรู้จริงในประเทศอินเดีย
ตะวันคล้อยบ่ายใกล้ค่ำหลังจากที่ชื่นชมความมหัศจรรย์ของสถานปฏิบัติธรรมอันศักดิ์สิทธิ์แห่งดอยบุษราคัม เราทั้งหมดมายืนสงบนิ่งอยู่ริมศาลา เหม่อมองฟ้าสีเทาที่ทาบทอเหนือทะเลสาบกว๊านพะเยาเลือนลางกับท้องทุ่งนาสีจางอ่อน เราจะยังคงจดจำเมืองเล็กอันเงียบสงบริมฝั่งกว๊านพะเยาแห่งนี้ไปอีกแสนนานและยังสัญญากับตัวเองไว้ว่า “หากมีโอกาสจะกลับมาเยือนอีกครั้ง..”

จักรพงษ์ คำบุญเรือง
[email protected]
24/9/60

ร่วมแสดงความคิดเห็น