บุกปั๊มน้ำมันปตท. จำหน่ายสินค้าเกษตร

2 ยักษ์ใหม่จับมือ เดินหน้าจัดพื้นที่ในสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าเกษตร หวังช่วยเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าและผลผลิตให้เกษตรกร ช่วยระบายผลผลิตตามฤดูกาล สร้างโอกาสให้ผู้ผลิตได้จ้าหน่ายสินค้าสู่ผู้บริโภคโดยตรง อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ผลักดันการพัฒนาชนบทด้วยระบบเศรษฐกิจที่เข้มแข็งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน
โดย นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือ “ปตท. – ธ.ก.ส. รวมพลัง ร่วมใจช่วยเกษตรกร” ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดในการดำเนินงานร่วมกันเพื่อช่วยเกษตรกรนับตั้งแต่พ.ศ. 2555 ที่ ธ.ก.ส. ดำเนินงานร่วมกับ ปตท. โดยให้เกษตรกรลูกค้าเติมน้ำมันผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกรที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ลดการใช้เงินสดสร้างความสะดวกและปลอดภัยให้เกษตรกรลูกค้าเป็นอย่างดี โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะเติมเต็ม Value chain ของผลิตผลทางการเกษตรครบวงจร คือ การผลิตซึ่งเป็นต้นน้ำ การแปรรูป ซึ่งเป็นกลางน้ำ จนถึงช่องทางการจำหน่ายหรือการตลาดซึ่งเป็นปลายน้ำ เพื่อพัฒนาชนบทด้วยระบบเศรษฐกิจที่เข้มแข็งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ธ.ก.ส. เชื่อมั่นในศักยภาพของ ปตท. เนื่องจากสถานีบริการน้ำมันของ ปตท. ซึ่งตั้งครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ หากเปิดให้เกษตรกรมีช่องทางในการจำหน่ายผลิตผลของตนเองจะสามารถระบายผลผลิตทางการเกษตรตามฤดูกาล ผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีคุณภาพได้มาตรฐานจากเกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่างๆจำหน่ายโดยตรงจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
นอกจากนี้ธ.ก.ส. จะพัฒนาช่องทางในการชำระค่าสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ซื้อและผู้ขาย ผ่านแอพพลิเคชั่น ธ.ก.ส. A – Mobile และระบบ QR Code ซึ่งผู้ขายมี QR Code ของตนเอง ผู้ซื้อเพียงแต่มีเงินฝากในบัญชี เมื่อจ่ายชำระค่าสินค้าเพียงใช้โทรศัพท์มือถือ (Smart Phone ) สแกน QR Code ของผู้ขาย
เท่านั้น ไม่ต้องพกพาเงินสดตอบรับสังคมยุคใหม่ (Cashless Society) ซึ่งความร่วมมือนี้จะส่งผลให้เกษตรกรและชุมชนในภาคชนบทมีช่องทางการตลาด สร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากและพัฒนาวงการเกษตรไทย นายสมศักดิ์ กล่าวส่งท้าย

ร่วมแสดงความคิดเห็น