รพ.เทศบาลนครฯย้ายสิทธิผู้ป่วยบัตรทอง

นายณัฐฐชูเดช วิริยะดิลกธรรม รองนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่

 

ได้รับมติเห็นชอบ จาก สปสช. ย้ายผู้ป่วย 13,000 คน เขตตำบลศรีภูมิและเขตวัดเกต (บางส่วน) เปลี่ยนไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ และโรงพยาบาล 2 สาขาในเขตเมืองเชียงใหม่ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม นี้เป็นต้นไป

โรงพยาบาลเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวย้ายผู้ป่วยเปลี่ยนสถานที่รักษา มีข้อความดังนี้ เนื่องด้วยทาง สำนักงานกองทุนหลักประกันสุขภาพเขต 1 เชียงใหม่ ได้แก้ไขปรับปรุงย้ายผู้มีสิทธิประกันสุขภาพ ของโรงพยาบาลเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยตัดจำนวนผู้ใช้สิทธิลงจากจำนวน 23,000 คน เหลือ 10,000 คน โดยกำหนดให้ผู้ใช้สิทธิต้องอยู่ภายในตำบล ช้างม่อย หนองหอย ท่าศาลา และวัดเกตบางส่วน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป

ดังนั้นในการมารับบริการของท่านในครั้งแรกของผู้ป่วยหรือผู้มารับบริการที่รับทราบเรื่องการถูกย้ายสิทธิ เป็นโรงพยาบาลนครพิงค์ แต่ท่านเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคความดัน เบาหวาน ไขมันในเลือด ที่ต้องรับยาต่อเนื่องจะได้รับการรักษาโดยแพทย์ของรพ.เทศบาลจะจ่ายยาให้โดยท่านไม่ต้องชำระค่าบริการ

สำหรับผู้ป่วยทันตกรรมที่ยังอยู่ในกระบวนการรักษาต่อเนื่องทันตแพทย์จะให้ดูแลท่านจนจบการรักษาแต่ในครั้งต่อไปผู้รับบริการสามารถไปรับบริการได้ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยรับบริการได้ 3 แห่ง ดังนี้

1.นครพิงค์สาขาศรีดอนชัย

2.นครพิงค์สาขา สสจ.เชียงใหม่ ซึ่งทั้ง 2 สาขานี้เปิดให้บริการตามวันและเวลาราชการ

3.นครพิงค์ โรงพยาบาลหลัก ที่แม่ริมบริการตรวจรักษาตามเวลาปกติ อุบัติเหตุหรือฉุกเฉินบริการตลอด 24 ชั่วโมง
หากท่านได้ตรวจสิทธิพบ ณ สถานบริการสาธารณสุขใดๆ พบว่าท่านมีสิทธิในหน่วยบริการปฐมภูมิเป็นนครพิงค์หากแต่ท่านมีความประสงค์จะขึ้นทะเบียนบัตรทองกับโรงพยาบาลเทศบาลนครเชียงใหม่สามารถดำเนินการท่านเป็นผู้ชื่อในทะเบียนหรือมีหลักฐานว่าท่านเป็นผู้พักอาศัยอยู่ตำบลช้างม่อยหนองหอย และท่าศาลา โดยทะเบียนบ้านที่พักต้องตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ซึ่งมีหลักการสังเกตง่ายๆว่าทะเบียนบ้านนั้นเป็นเขตเทศบาล หรือไม่ ดังนี้

1.ตำบลหนองหอย และท่าศาลาต้องไม่ระบุหมู่ที่…(ตำบลช้างม่อยอยู่ในเขตเทศบาลฯทั้งหมด)

2.การติดต่อเกี่ยวกับงานทะเบียนราษฎรสามารถดำเนินการที่ทำการแขวงทั้งสี่แขวงและงานทะเบียนราษฎรของเทศบาลนครเชียงใหม่

หากต้องการสอบถามข้อมูลประการใดกรุณาโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 053-233215 ต่อ 111

ร่วมแสดงความคิดเห็น