คืบหน้า! กรณีแฉเจ้าอาวาสวัดดังของเชียงใหม่ เป็นพม่าสวมบัตรคนตาย นานกว่า 20 ปี

คืบหน้า กรณีแฉเจ้าอาวาสวัดดังของเชียงใหม่ เป็นพม่าสวมบัตรคนตาย นานกว่า 20 ปี ล่าสุดสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ รับเรื่องร้องเรียนซ้ำ พร้อมดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงหากมีความผิดจริงเตรียมเอาผิด ขณะที่ล่าสุดเร่งดำเนินการติดต่อเจ้าอาวาสเพื่อให้มารับทราบ โดยยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

จากกรณีที่มีผู้ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่เพื่อขอให้ตรวจสอบพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ เนื่องจากมีข้อมูลหลักฐานว่าพระราชรัชมุนี มีการใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชนตรงกับเด็กชายชาวจังหวัดชัยภูมิที่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี พ.ศ.2538 ตลอดจนมีข้อมูลที่อ้างด้วยว่าพระผู้ใหญ่รายนี้อาจจะเป็นชาวพม่า และมีการสวมบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่เสียชีวิตไป

โดยจากเอกสารที่มีการยื่นให้กับทางศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัดเชียงใหม่ระบุว่า การเปลี่ยนชื่อของเจ้าอาวาสวัดสวนดอก รวมทั้งชื่อผู้ตายที่ถูกเอาไปสวมแทน โดยเริ่มนั้น เจ้าอาวาสวัดสวนดอก เดิมชื่อ นายนิมิต ยอดคำ เพศชาย เกิดเมื่อ 2 เมษายน 2508 สัญชาติพม่า พ่อชื่อ อิ่ง แม่ชื่อ นามแสง สัญชาติพม่า อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 14 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ต่อมาได้บวชเป็นพระชื่อ พระมหานิมิต ฉายา สิขรสุวณฺโณ นามสกุล วุฒิชัย โดยได้บวชที่วัดท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

ตอนนั้นอายุได้ 29 ปี พรรษา 9 ชาติภูมิ ได้ระบุในใบสุทธิ ชาติภูมิ เกิดวันที่ 14 เมษายน พ.ศ 2508 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีมะเส็ง ณ บ้านเลขที่ 3 ตำบลท่าตอน อ แม่อาย จ.เชียงใหม่ บรรพชา เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2525 ณ วัดท่าตอน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มีพระที่วัดท่าตอน เป็นพระอุปฌาชย์ ต่อมามีการขอทำบัตรใหม่ และเปลี่ยนเป็น “พระราชรัชมุนี (นิมิต ทิพย์ปัญญาเมธี)” โดยทำที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ขอทำบัตรในกรณีเป็นบุคคลซึ่งได้รับยกเว้น

ซึ่งการร้องเรียนนั้น ปรากฏว่าเลขประจำตัวบัตร ของพระราชรัชมุนี ไปตรงกับสามเณรที่มีการร้องเรียนนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการตรวจสอบเลขที่บัตรของพระราชรัชมุนี กับเลขบัตรของผู้ตายว่าตรงกันหรือไม่ ก็จะชัดเจนว่ามีการสวมบัตรคนตายหรือไม่อย่างไร ตามที่ปรากฎในข่าวที่นำเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้นั้น

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 09:30 น. วันที่ 9 ต.ค.60 ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ นายกิตติศักดิ์ แสนทวีสุข ชาวจังหวัดชัยภูมิ นำหลักฐานเป็นเอกสาร ภาพถ่าย พร้อมข้อร้องทุกข์กล่าวโทษ ยื่นต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ หลังได้นำเอกสารดังกล่าวยื่นต่อศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ และกองอำนายการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงใหม่แล้ว เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น

ซึ่งทางด้านนายอุบลพันธ์ ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ทราบเรื่องกรณีดังกล่าวแล้ว และได้สั่งการให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบหลักฐานเอกสารต่างๆ รวมทั้งข้อร้องเรียน และข้อเท็จจริงอย่างละเอียด เบื้องต้นจะมีการตรวจสอบเรื่องของข้อมูลทะเบียนราษฏร์ หากพบว่ามีการสวมสิทธิ์หรือสวมบัตรประชาชนเข้าข่ายความผิดทางอาญาเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสารทางราชการทันที ซึ่งผู้ที่ดำเนินการจะมีความผิด รวมทั้งหากเป็นคดีความต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน

สำหรับพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก นั้นทราบว่าหลังจากที่เกิดกรณีร้องเรียนให้ตรวจสอบ ยังคงเก็บตัวเงียบและไม่สามารถติดต่อได้ โดยจากการขอเข้าพบที่วัดทราบว่า พระราชรัชมุนี ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์ที่ดอยอ่างขาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงก่อนเข้าพรรษาแล้ว และจะไปจำพรรษาอยู่นานประมาณ 1 ปี เพื่อเขียนตำราภาษาบาลีที่จะนำไปใช้สำหรับการสอนหนังสือให้พระเณร โดยในช่วงที่ไปจำพรรษานั้น ได้มอบหมายงานให้รองเจ้าอาวาส และรองเจ้าคณะอำเภอ ดูแลรับผิดชอบแทน

ส่วนกรณีที่ถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบเกี่ยวกับการสวมบัตรนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดใดๆ ขณะเดียวกันรายงานข่าวแจ้งว่า พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และรองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีความสนิทกับพระราชรัชมุนี เตรียมแต่งตั้งทนายความให้ดำเนินการกรณีที่เกิดขึ้นนี้แล้ว

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบที่วัดสวนดอก พระอารามหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเข้าพบพระราชรัชมุนี ซึ่งถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตามพบว่ากุฏิเจ้าอาวาสถูกปิดเงียบ ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่าบริเวณกุฏิเจ้าอาวาสมีป้ายที่ติดรูปถ่ายและตำแหน่งต่างๆ ของพระผู้ใหญ่ในวัด อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่ารูปถ่ายและตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด กลับไม่มีการติดตั้งไว้แต่อย่างใด แต่ตำแหน่งตั้งแต่รองเจ้าอาวาสลงไปมีการติดไว้ครบหมด

ขณะที่จากการสอบถามที่สำนักงานวัดสวนดอก ที่ตั้งอยู่ติดกับสำนักงานเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ และสำนักงานรองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ (พระเทพมังคลาจารย์) พบ พระมหาธณัชพงศ์ สุพฺรหฺมปญฺโญ เลขานุการสำนักงานวัดสวนดอก ซึ่งให้ข้อมูลว่า พระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์ที่ดอยอ่างขาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงก่อนเข้าพรรษาแล้ว และจะไปจำพรรษาอยู่นานประมาณ 1 ปี เพื่อเขียนตำราภาษาบาลีที่จะนำไปใช้สำหรับการสอนหนังสือให้พระเณร โดยในช่วงที่ไปจำพรรษานั้น ได้มอบหมายงานให้รองเจ้าอาวาส และรองเจ้าคณะอำเภอ ดูแลรับผิดชอบแทน ส่วนกรณีที่ถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบเกี่ยวกับการสวมบัตรนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดใดๆ

ร่วมแสดงความคิดเห็น