วัดสวนดอก ยังเงียบ หลังเจ้าอาวาสที่ล่องหนถูกแจ้งความดำเนินคดีสวมบัตรประชาชนคนตาย

วัดสวนดอก ยังเงียบ หลังเจ้าอาวาสที่ล่องหนถูกแจ้งความดำเนินคดีสวมบัตรประชาชนคนตาย ขณะที่ตำรวจเตรียมออกหมายเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาภายใน 2 วันนี้ ตามหลักฐานของฝ่ายปกครองที่พบเลขประจำตัวเดิมไม่ตรงกับชาวชัยภูมิที่เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนกรณีที่มีข่าวลือว่าหอบเงิน 70 ล้านหนีออกประเทศนั้น พระชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ท่านหนึ่ง ออกชี้ไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง

จากกรณีที่พระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ถูกร้องเรียนว่าสวมบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วและมีการตรวจสอบข้อมูลของฝ่ายปกครองจนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 ต.ค.60 นายอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ปลัดอำเภอแม่อาย นำหลักฐานเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรแม่อาย ให้ดำเนินคดีกับพระราชรัชมุนี ในความผิดดังกล่าว ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

สำหรับความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 11:00 น. วันที่ 13 ต.ค.60 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าทำการตรวจสอบที่วัดอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ อีกครั้งซึ่งพบว่าบรรยากาศภายในวัดยังคงเป็นปกติ แต่กุฏิเจ้าอาวาสยังคงถูกปิดเงียบ ขณะที่การติดต่อสอบถามกรณีดังกล่าวกับทางสำนักงานวัดสวนดอก ได้รับคำตอบแต่เพียงว่า ทางวัดยังไม่ได้รับหนังสือจากหน่วยงานใดๆ ที่แจ้งมาเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยทราบเรื่องจากการนำเสนอข่าวเท่านั้น

ขณะเดียวกันทางผู้สื่อข่าวทราบว่า พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตะไคร้ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ติดตามตรวจสอบคดีดังกล่าวนี้ที่สถานีตำรวจภูธรแม่อาย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยพนักงานสอบสวนรายงานว่าได้ทำการสอบปากคำปลัดอำเภอที่เป็นตัวแทนของฝ่ายปกครองเข้าแจ้งความไว้แล้ว และได้รับหลักฐานที่ระบุว่า พระราชรัชมุนี เข้าขอยื่นทำบัตรประจำตัวประชาชนเมื่อปี 2552 มีหลักฐานเป็นบัตรประจำตัวประชาชนที่มีเลขประจำตัว 13 หลัก พร้อมมีใบสุทธิเป็นหนังสือมาแสดงเป็นหลักฐานเพื่อขอทำบัตร

ซึ่งจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า เลข 13 หลักตรงกับเด็กชายดวงดี ชาวจังหวัดชัยภูมิ ที่เสียชีวิตไปแล้ว และพบว่าเลขบัตรประจำตัวประชาชนที่แท้จริงของนายนิมิต หรือ พระราชรัชมุนี เป็นอีกหมายเลขหนึ่ง ซึ่งเป็นเลขที่นายนิมิต หรือพระราชรัชมุนี ได้มาเมื่อครั้งขึ้นทะเบียนชาวพม่าพลัดถิ่น โดยเวลานี้ทางตำรวจกำลังรอหลักฐานเพิ่มเติมจากจังหวัดชัยภูมิ และภายใน 2 วันนี้น่าจะสามารถออกหมายเลขพระราชรัชมุนี มารับทราบข้อกล่าวหา

ส่วนทางด้านพระชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ท่านหนึ่ง แสดงความเห็นกรณีเจ้าอาวาสวัดสวนดอกสวมบัตรประชาชนคนไทยว่า ในวงการพระสงฆ์ต่างทราบกันดีว่าพระราชรัชมุนี เติบโตมาจากวัดท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ที่อยู่แนวชายแดน และเป็นเรื่องปกติที่จะมีพระสงฆ์สามเณรจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเดินทางข้ามไปมายังวัดดังกล่าวที่มีชื่อเสียงในการส่งเสริมด้านการศึกษาให้กับพระสงฆ์สามเณร ดังนั้นจึงไม่รู้สึกแปลกใจที่มีการร้องเรียนและตรวจสอบพบว่ามีการสวมบัตรประจำตัวประชาชนเกิดขึ้น รวมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีพระสงฆ์ระดับพระชั้นผู้ใหญ่รูปอื่นๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ที่สวมบัตรประชาชนอีก อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าทางวัดท่าตอน มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามขณะนี้กรณีกระแสข่าวลือที่ว่าพระราชรัชมุนี ได้นำเงินของวัดสวนดอก จำนวนประมาณ 70 ล้านบาท ไปด้วยหลักถูกแจ้งความดำเนินคดีสวมบัตรประชาชนนั้น พระชั้นผู้ใหญ่ท่านเดียวกันนี้ กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าเป็นความจริงและไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะจากการที่เคยรู้จักใกล้ชิดพบเป็นพระที่มุ่งเน้นทางด้านการศึกษา ไม่ได้สนใจเรื่องการที่ญาติโยมหรือศรัทธาจะต้องนำเงินมาบริจาคทำบุญมากมาย อย่างไรก็ตามยอมรับว่าอาจจะมีบ้างในเรื่องการถือสมณะศักดิ์ แล้วมักจะพูดจาด้วยถ้อยคำรุนแรงกับพระที่สมณะศักดิ์ต่ำกว่า

ร่วมแสดงความคิดเห็น