เจ้าอาวาสวัดผาลาด ร้องสำนักศิลปกรเชียงใหม่ เร่งตรวจสอบความเสียหายบริเวณจุดหอชมศิลป์

เจ้าอาวาสวัดผาลาด ร้องสำนักศิลปกรเชียงใหม่ เร่งตรวจสอบความเสียหายบริเวณจุดหอชมศิลป์ หรือหอพระหน้าผา ภายในวัดอายุเก่าแก่หลายร้อย หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ ดินอุ้มน้ำดันตัวอาคาร เกิดรอยแตกร้าวหลายจุด หวั่นตัวอาคารทรุดลงมาเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยว และสร้างความเสียหายกับพระพุทธรูปและโบราณวัตถุ ขณะทางด้านเจ้าหน้าที่จาก สำนักศิลปกรเชียงใหม่ ลงสำรวจเบื้องต้นเร่งส่งเรื่องรายงานเพื่อเตรียมดำเนินการบูรณะซ่อมแซมด่วน

เมื่อเวลา 10:00 น. วันที่ 19 ตุลาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดผาลาด (สกิทาคามี) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พระครูธีรสุตพจน์ (พระมหาสง่า ธีรสังวโร) เจ้าอาวาสวัด พร้อมด้วย นายอนิรุทธิ์ ไขโพธิ์ นายช่างศิลปกรรม สำนักศิลปกรที่ 7 เชียงใหม่ ได้เดินทางเข้าทำการตรวจยังบริเวณจุดหอชมศิลป์ หรือหอพระหน้าผา ภายในวัดผาลาด ซึ่งเป็นจุดที่มีโบราณสถาน และพระพุทธรูปเก่าแก่ ที่ขณะนี้กำลังได้รับความเสียหายจากการที่เกิดฝนที่ตกหนักในพื้นที่

ส่งผลทำให้ดินที่อยู่ด้านบน หลังตัวอาคารอมน้ำและดันลงมาจนทำให้ตัวกำแพงบริเวณด้านหลังองค์พระมีรอยแตกร้าว อีกทั้งมีเศษปูนตกลงมา ทำให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งทางวัดเกรงว่าหากมีการปล่อยทิ้งไว้ไม่ดำเนินการใดๆ อาจจะเกิดการทรุดถล่มลงมา และอาจจะทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมักจะมีนักท่องเที่ยว เข้ามากราบไหว้สักการะบูชาพระพุทธรูป และนั่งสมาธิ รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ สร้างความเสียหายกับโบราณวัตุถุที่อยู่บริเวณดังกล่าวได้

พระครูธีรสุตพจน์ (พระมหาสง่า ธีรสังวโร) เจ้าอาวาสวัดผาลาด ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากบริเวณตัวโบราณสถานที่บริเวณจุดหอชมศิลป์ หรือหอพระหน้าผา วัดผาลาด ได้เกิดมีรอยแตกและคราบปูนหลุดที่คาดว่าน่าจะเกิดจากการที่ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนัก ทำให้น้ำกับดินดันตัวอาคารเนื่องจากอาคารนั้นสร้างติดกับภูเขา เมื่อดินและน้ำดันตัวอาคารจึงเกิดรอยร้าว ซึ่งจะเห็นได้ว่าขณะนี้มีน้ำหยดที่ซึมลงมา นอกจากนี้ยังมีรอยแตกที่ด้านหลังพระพุทธรูปที่ก่อนหน้านี้เป็นรอยร้าวเล็กๆ แต่ตอนนี้ได้ขยายใหญ่ขึ้นมาก ทางวัดจึงเกิดความกังวลว่าหากปล่อยทิ้งไว้ตัวอาคารจะถูกดินและน้ำดันมากกว่านี้ ประกอบกับหากมีฝนตกลงมาหนักอีกเกรงว่าตัวอาคารจะได้รับอันตราย ทางวัดจึงได้ประสานไปยังกรมศิลปากร เพื่อให้เข้ามาทำการตรวจสอบและประเมินสถานการณ์ในการดำเนินการบูรณะมากน้อยเพียงใด

ขณะเดียวกันวัดผาลาดแห่งนี้ก็ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ที่มักมีแระชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือนจำนวนมาก และมักจะมากราบไหว้พระ รวมทั้งมานั่งสมาธิที่บริเวณจุดหอชมศิลป์ หรือหอพระหน้าผา ดังกล่าวบ่อยครั้ง และเมื่อเห็นว่าตัวอาคารกำลังชำรุดหนัก หากไม่รีบเร่งดำเนินการบูรณะซ่อมแซม ก็กลัวว่าหากมีประชาชนหรือนักท่องเที่ยวขึ้นมาไหว้พระหรือชมงานศิลปะ หากตัวอาคารเกิดล่มลงมากระทันหันก็จะเป็นอันตรายได้ นอกจากนี้สิ่งที่น่าเสียดายคือตัวอาคาร ตัวโบราณสถานที่มีความเก่าแก่ เฉพาะตัวอาคารถูกสร้างมาก็อายุน่าจะมากกว่า 100 กว่าปี และตัวองค์พระพุทธรูปอายุเกินกว่า 150 ปี

รวมทั้งตัวถ้ำที่อยู่ด้านในที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ยาวนานถึง 500 กว่าปี อีกด้วย เนื่องจากในบันทึกของบันทึกเทศาภิบาลของกรมพระยาดํารงราชานุภาพ ได้บันทึกว่าเดินทางขึ้นมาเชียงใหม่และได้ไปกราบไหว้พระธาตุดอยสุเทพ จากนั้นได้แวะที่หอชมศิลป์ ของวัดผาลาด ซึ่งเป็นจุดรับเสด็จ ทั้งนี้ หอชมศิลป์ หรือหอพระหน้าผา วัดผาลาด ได้ทำการขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรไว้ ดังนั้นการดำเนินการต่างๆ จึงต้องมีการแจ้งไปยังกรมศิลปากร แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจึงอยากให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเกรงว่าหากมีฝนตกลงมา และมีน้ำซึมเข้ามาในตัวอาคารอย่างต่อเนื่องอาจจะทำให้ตัวอาคารเกิดถล่มลงมาได้

ขณะทางด้าน นายอนิรุทธิ์ ไขโพธิ์ นายช่างศิลปกรรม สำนักศิลปกรที่ 7 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำหรับในการสำรวจเบื้องต้น และทางที่วัดแจ้งมานั้นพบว่าปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจากที่ในช่วงนี้เป็นฤดูฝน ประกอบกับดินที่อยู่ด้านบนหลังองค์พระที่ได้ทำการสำรวจนั้นเกิดชุ่มน้ำ จึงทำให้เกิดอาการดันผนังออกมาจึงทำให้มีรอยร้าวเกิดขึ้น เนื่องจากน้ำด้านบนค่อนข้างจะมีปริมาณมาก ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เมื่อมีน้ำอมกับดินแล้วดันตัวมา จึงเกิดความเสียหายขึ้นส่วนเรื่องการดำเนินการนั้นจะได้มีการรายงานกับทางผู้บังคับบัญชาไปก่อนว่ามีความเสียหายมากน้อยเพียงใด

จากนั้นจะได้ให้ทางวัดทำหนังสือถึงสำนักศิลปกรที่ 7 เชียงใหม่ เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยจะพยายามดำเนินการอย่างเร่งด่วนเนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ค่อนข้างจะมีความสำคัญกับจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนในความเสียหายจากการตรวจสอบคร่าวๆ ขณะนี้ยังเสียหายไม่เยอะมากแต่หากยังปล่อยทิ้งไว้อาคารอาจจะเกิดการพังลงมา หรือทรุดเสียหายได้ โดยการแก้ไขเบื้องต้นอาจจะต้องหาที่คั้มยัน หรือไปดันเอาไว้ก่อนเพื่อรอการดำเนินการอีกครั้ง และการดำเนินการในระยะยาวก็จะมีรูปแบบการบูรณะ ซึ่งจะดำเนินการตามแผนขั้นตอนต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น