เดินหน้าเร่งแก้หนี้เกษตรกร

ธ.ก.ส.เร่งแก้หนี้เกษตรกร รุกลงพื้นที่เข้าไปพบลูกค้าเพื่อหารือแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างเหมาะสมกับสภาพปัญหาแต่ละราย หวังแบ่งเบาภาระเกษตรกรซึ่งจะมีการกำหนดเวลาชำระหนี้ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับรายได้

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าธ.ก.ส.ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าที่ประสบปัญหาด้านการผลิตและปัญหาอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อความสามารถชำระหนี้มาตามลำดับโดยธ.ก.ส.จะเข้าไปพบลูกค้าเพื่อหารือแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างเหมาะสมกับสภาพปัญหาแต่ละรายอาทิ ผ่อนเวลาชำระหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้ เป็นต้นเพื่อแบ่งเบาภาระเกษตรกรซึ่งจะมีการกำหนดเวลาชำระหนี้ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับรายได้

สำหรับเกษตรกรลูกค้าธ.ก.ส.ที่เป็นสมาชิกการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร(กฟก.) และเป็นผู้มีรายได้น้อยไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดรวมทั้งเป็นหนี้ที่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติให้ความช่วยเหลือไว้ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 โดยกำหนดหลักเกณฑ์ไว้คือต้องเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 มีหนี้ต่อรายไม่เกิน 2.5 ล้านบาทและเป็นหนี้ที่เกิดจากความสุจริตจำเป็นกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในวัตถุประสงค์การเกษตรเท่านั้น

ขณะที่การช่วยเหลือกฟก.จะชำระหนี้แทนสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ และรับโอนหนี้ดังกล่าวไปเป็นลูกหนี้ของกฟก. ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา กฟก. ได้ชำระหนี้แทนเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. ไปแล้วจำนวน 3,318 ราย จำนวนเงิน 825 ล้านบาท ซึ่งการช่วยเหลือตามแนวทางดังกล่าวที่ผ่านมา มีปัญหาอุปสรรค หลายประการ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการ กฟก.เฉพาะกิจ ขึ้นเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรรายที่จำเป็นเร่งด่วน ให้มีความคืบหน้า โดยมอบหมายให้ ธ.ก.ส.เร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรที่มีรายได้น้อยไม่สามารถชำระหนี้และอยู่ในหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 7 เมษายน 2553 จำนวน 1,150 ราย

ทั้งนี้หนี้ดังกล่าวธ.ก.ส. ได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเต็มจำนวนแล้ว การดำเนินการตามมติครม. จึงไม่ส่งผลต่อฐานะทางการเงินของธ.ก.ส. แต่อย่างใดสำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ธ.ก.ส.จะได้ประสานกฟก. ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่งแล้ว ดำเนินการชำระหนี้แทนเกษตรกรที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามหลักเกณฑ์งวดแรกจำนวน 716 ราย จำนวนเงินประมาณ 130 ล้านบาท

นายอภิรมย์ กล่าวว่า เกษตรกรที่มีปัญหาเร่งด่วนที่เหลือ จำนวน 434 ราย ที่อยู่ระหว่างดำเนินการคณะกรรมการ กฟก.เฉพาะกิจ จะได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือต่อไป ซึ่งอาจจะใช้แนวทาง ตามมติ ครม.วันที่ 7 เมษายน 2553 โดยรัฐจัดสรรงบประมาณ ให้ กฟก. มาชำระหนี้แทนเกษตรกร หรือ จะใช้มาตรการแนวทางที่ ธ.ก.ส. มีอยู่ในปัจจุบันก็จะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้เช่นกัน โดยจะเร่งรัดดำเนินการอย่างรวดเร็วต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น