หนุ่มใหญ่รถล้ม ทหารเข้าช่วย เจอยาบ้า-ไวอากร้า

หนุ่มใหญ่เมืองลำปางดวงซวย ขี่ จยย.จะเข้าไปเที่ยวในเมือง แต่เกิดประสบอุบัติเฉี่ยว จยย.ด้วยกันจนล้มได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ทหารผ่านมาเจอเหตุการณ์เข้าช่วยเหลือกลับเจอยาบ้าและเงินกว่า 2 หมื่นในตัว แจ้งตำรวจนำตัวไปสอบสวนดำเนินคดี

เมื่อเวลาประมาณ 15:40 น. วันที่ 1 พ.ย. 2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจตู้ยามตำบลพิชัย อ.เมือง จ.ลำปาง ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุทิพย์ช้าง สภ.เมืองลำปาง ว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับสองคัน บริเวณถนนพหลโยธิน ขาล่องใกล้กับยูเทินเขตบ้านต้นยาง ต.พิชัย มีคนเจ็บเป็นชาย 1 ราย เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าช่วยปฐมพยาบาล แต่ปรากฏว่าในตัวชายคนเจ็บมีสิ่งของผิดกฏหมายคือยาบ้าในตัว

จากนั้นทาง ด.ต.ชัยชาญ เมืองแมะ เจ้าหน้าทีตำรวจสายตรวจตำบลพิชัย จึงรีบไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปปส.ของ สภ.เมืองลำปาง และเจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.32 ค่ายสุรศักดิ์ มนตรี ในที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่ทหารของค่ายวชิรปราการ จังหวัดตาก และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยลำปาง กำลังปฐมพยาบาลชายซึ่งได้รับบาดเจ็บที่บริเวณนิ้วเท้าและข้อเท้าข้างขวาอยู่ ใกล้ตัว มียาบ้าจำนวน 4 เม็ด และยาไวอากร้าจำนวนหนึ่งวางอยู่ ต่อมาทราบว่าชายดังกล่าวชื่อนายวรวิทย์ ธรรมสิทธิ์ อายุ 52 ปี เป็นราษฎรบ้านทรายทอง หมู่ 10 ต.บ้านเสด็จ อ.เมืองลำปาง นอกเหนือจากนี้เจ้าหน้าที่จึงขอค้นในตัวพบมีเงินสดมีทั้งแบงก์พัน แบงก์ 500 และแบงก์ 100 รวมแล้ว สองหมื่นกว่าบาทในตัว

ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่าก่อนหน้านั้น ขณะที่นายเป็ง จักรเครือ อายุ 75 ปี ราษฎรบ้านต้นยาง ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าดรีมสีแดง ทะเบียน บ 5272 ลำปางโดยมีรถเข็นพ่วงท้ายบรรทุกข้าวสารซึ่งจะนำกลับเข้าบ้าน ขณะที่ก่อนจะถึงยูเทิร์นจู่ๆก็มีรถจักรยานยนต์ฮอนด้าดรีมสีน้ำเงิน ทะเบียน ขบม 451 ลำปาง ตามหลังกันมาและเกิดไปเฉี่ยวล้อเข็นของนายเป็ง จนล้มลงทำให้ได้รับบาดเจ็บ เวลาเดียวกันนั้นได้มีรถเมล์บรรทุกเจ้าหน้าที่ทหารจากค่ายวชิรปราการ จังหวัดตากซึ่งกลับจากการไปฝึกที่ ศูนย์ฝึกรบพิเศษ ค่ายประตูผา ผ่านมาพอดี จึงเข้าช่วยเหลือ ก่อนที่จะพบว่าผู้บาดเจ็บมียาบ้าในตัว และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบในครั้งนี้

และจากการสอบสวนนายวรวิทย์ ผู้บาดเจ็บไม่ได้ติดใจจากการประสบอุบัติเหตุครั้งนี้แต่อย่างใด โดยให้การรับว่ายาบ้าที่ตรวจพบนั้นเป็นของตนเอง ซึ่งได้ซื้อมาเพื่อเสพในราคาเม็ดละ 100 บาท และได้เดินทางมาจากบ้าน เพื่อจะเข้ามาเที่ยวในตัวเมือง ส่วนเงินที่พบในตัวกว่าสองหมื่นบาทนั้น นายวรวิทย์ ให้การว่าเป็นเงินที่ตนได้มาจากการค้าขายสับปะรด แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปักใจเชื่อคำกล่าวอ้างแต่อย่างใด จึงควบคุมตัวไปตรวจยังบ้านพักที่ตำบลบ้านเสด็จ ก่อนจะนำตัวมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

ร่วมแสดงความคิดเห็น