คลังเดินหน้า แก้หนี้นอกระบบ


คลังเดินหน้าแก้หนี้นอกระบบ ชี้คนจนเป็นหนี้นอกระบบทะลุ 1 ล้านราย มูลค่าหนี้ 7 หมื่นล้าน ชี้ถ้าแก้ปมได้ส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวม พร้อมหาแนวทางขยายเงินกู้ช่วยเหลือเกษตรกรไทยเพราะที่ผ่านมาพบผู้มีรายได้น้อยเข้าหาแหล่งเงินทุนได้ยาก ทำให้ต้องหันไปเพิ่งเงินกู้นอกระบบจนเป็นปัญหาหมักหมมมาโดยตลอด

นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้ประชุมติดตามการทำงานของ สศค. และได้สั่งการให้ สศค.เร่งดำเนินการมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญหลายเรื่อง เช่น ให้ สศค.เร่งติดตามขับเคลื่อนการแก้ไขหนี้นอกระบบอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มาลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยและเป็นหนี้นอกระบบถึง 1.3 ล้านราย เป็นมูลหนี้ 7 หมื่นล้านบาท ให้มีการแก้ไขให้ไวขึ้น เพื่อที่จะทำให้เกิดการใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจขยายตัวได้เพิ่ม

“สศค.จะหารือกับธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. ว่าจะทำอย่างไรให้การแก้หนี้นอกระบบรวดเร็วขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของกระทรวงการคลังที่ต้องการให้หนี้นอกระบบไม่มีในประเทศภายในปีนี้ตามนโยบายของกระทรวงการคลัง” นายสุวิชญกล่าว

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ดำเนินโครงการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบ วงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท หรือธนาคารละ 5 พันล้านบาทไปแล้ว โดยในส่วนของ ธ.ก.ส. มีการปล่อยกู้เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถเข้าถึงเงินกู้ในระบบไปแล้ว 4.65 พันล้านบาท และเตรียมเสนอคณะกรรมการธนาคารเพื่อขยายวงเงินดำเนินการเพิ่มเติม

ขณะที่ธนาคารออมสิน พบว่า มีผู้มาลงทะเบียนกับธนาคารแล้วกว่า 1.51 แสนราย โดยได้พิจารณารายละเอียดแล้ว 8.4 หมื่นราย และได้รับการอนุมัติเงินกู้ 5 หมื่นราย คิดเป็นวงเงิน 2 พันล้านบาท โดยส่วนที่เหลือคาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในปีนี้ และคาดว่าจะอนุมัติเงินกู้ได้ 4.2 พันล้านบาท

นอกจากนี้ นายสมชัยยังได้สั่งการให้ สศค.ติดตามปัญหาน้ำท่วมที่จะส่งผลกระทบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่ง สศค.จะออกมาตรการเยียวยาผู้ประสบน้ำท่วม และเศรษฐกิจในทุกรูปแบบเหมือนที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ เช่น การให้สถาบันการเงินของรัฐปล่อยสินเชื่อสำหรับซ่อมแซมที่อยู่อาศัย หรือขยายกิจการเพิ่มเติม โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เป็นเอสเอ็มอี

อย่างไรก็ตาม จากการติดตามของ สศค. พบว่าน้ำท่วมปีนี้ยังอยู่ในวงจำกัด และปัญหาน้ำท่วมเป็นพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซากทุกปีอยู่แล้ว คาดว่าจะไม่เกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 ปัญหาน้ำท่วมจึงไม่กระทบกับการขยายตัวเศรษฐกิจในภาพรวม แต่กระทรวงการคลังก็จะดำเนินการช่วยเหลือบรรเทาผู้ที่ได้รับผลกระทบที่เกิดจากน้ำท่วมมากที่สุด

นายสุวิชญกล่าวอีกว่า ปลัดกระทรวงการคลังยังได้สั่งให้ สศค.เร่งทำฐานข้อมูลขนาดใหญ่ทางเศรษฐกิจ (บิ๊กดาต้า) โดยให้ประสานกับศูนย์คอมพิวเตอร์ของกระทรวงการคลัง ให้สามารถนำข้อมูลทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค มาใช้วิเคราะห์เพื่อออกนโยบายหรือมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับการปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 2560 ของ สศค.ในสัปดาห์หน้า คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณการไว้ 3.6% แต่จะเพิ่มมากขึ้นเท่าไรต้องมีการประชุมติดตามปัจจัยบวกและลบต่างๆ ก่อนมีการประกาศตัวเลขอีกครั้ง.

ร่วมแสดงความคิดเห็น