ตั้งเป้าดึงต่างชาติ ร่วมลงทุน สตาร์ทอัพไทย


‘พาณิชย์’ ดัน เดินหน้าหนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ ตั้งเป้า ลดอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ ดึงดูดนักลงทุน พร้อมสร้างแรงจูงใจการทำงานแก่พนักงาน มั่นใจอนาคตสตาร์ไทยทำงานคล่องตัวกว่าเดิม ส่งผลดีนักลงทุนต่างชาติแห่เข้ามาร่วมลงทุนในไทย

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่..) พ.ศ…. เพื่อธุรกิจสตาร์ทอัพ (กฎหมายสตาร์ทอัพ) ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้นำร่าง พ.ร.บ.แก้ไขฯ ฉบับดังกล่าวรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และผู้ประกอบการกลุ่มสตาร์ทอัพ จำนวน 4 ครั้ง รวมทั้ง การรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) โดยหลังจากที่ได้รับฟังความคิดเห็นแล้ว กรมฯ ได้นำความเห็น/ข้อเสนอแนะทั้งหมดมาทำการวิเคราะห์ถึงผลกระทบการอาจเกิดขึ้นจากกฎหมายฯ ฉบับนี้ และได้ทำการปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายฯ ตามที่ได้รับฟังความคิดเห็น และได้นำเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม. ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว

โดยขั้นตอนต่อไป สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะส่งร่างกฎหมายฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ซึ่งหากผ่านการพิจารณาฯ แล้ว ก็จะดำเนินการส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา 3 วาระ…ก่อนตราเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวเพิ่มเติมว่า หัวใจหลักของการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายฯ คือ ช่วยลดอุปสรรคในการประกอบธุรกิจของธุรกิจสตาร์ทอัพ และเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ โดยสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.แก้ไขฯ ฉบับนี้ แบ่งออกตามวัตถุประสงค์ 2 ประเด็น ดังนี้ ประเด็นที่ 1 เพื่อดึงดูดนักลงทุนและสร้างแรงจูงใจในการเข้ามาร่วมลงทุน สาระที่ปรับแก้ : 1) นักลงทุนหรือเจ้าหนี้สามารถเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทได้ โดยการซื้อหุ้นจากการเสนอขายโดยเฉพาะเจาะจง หรือการแปลงหนี้เป็นทุนแล้วแต่กรณี และ 2) หุ้นบุริมสิทธิที่ออกให้แก่นักลงทุนหรือเจ้าหนี้สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสิทธิจากที่กำหนดไว้เดิมได้ และสามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนหรือเจ้าหนี้มีส่วนในการตัดสินใจในการร่วมลงทุนกับบริษัทมากขึ้น

ประเด็นที่ 2 เพื่อสร้างแรงจูงใจการทำงานให้แก่พนักงานและผู้บริหาร สาระที่ปรับแก้ : 1) ทยอยให้หุ้นแก่พนักงาน (Vesting) เพื่อเป็นการตอบแทนการทำงาน ซึ่งจะทำให้พนักงานรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นเจ้าของกิจการ และ 2) ซื้อหุ้นได้ในราคาที่กำหนด หรือ ESOP : Employee Stock Option Plan แม้ว่าราคาตลาดในช่วงนั้นจะปรับขึ้นไปอยู่ในระดับใดก็ตาม โดย ESOP เป็นรูปแบบหนึ่งของสวัสดิการที่บริษัทให้แก่กรรมการและพนักงาน เป็นเครื่องมือในการกระจายกรรมสิทธิ์ในทุนของบริษัทให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัท

“การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่..) พ.ศ…. เพื่อธุรกิจสตาร์ทอัพ เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการกลุ่มสตาร์ทอัพสามารถจัดตั้งบริษัท/ดำเนินกิจการได้คล่องตัวมากขึ้นและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนที่กำลังเข้ามาร่วมลงทุน และดึงดูดให้นักลงทุนทั้งชาวไทย/ชาวต่างชาติตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนกับธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้ศักยภาพในการแข่งขันของประเทศมีระดับที่สูงขึ้นตามไปด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสมาคม Thai Tech Startup พบว่า ในช่วงระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา (2559 – 2560) กลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพในประเทศไทยมีอัตราการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด ถึงร้อยละ 80 โดยมีจำนวนรวมกว่า 1,500 ราย โดยคาดว่าในอนาคตจะมีผู้ประกอบการสตาร์ทอัพเพิ่มสูงขึ้นถึง 3,000 – 5,000 ราย

โดยในปี 2560 นี้ สตาร์ทอัพในประเทศไทยมีมูลค่าทรัพย์สินในตลาดรวมกว่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 53,000 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลล่าห์สหรัฐ : 33 บาท) และคาดว่าภายในปี 2562 จะมีมูลค่าทรัพย์สินในตลาดรวมไม่ต่ำกว่า 2 – 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 66,000 – 99,000 ล้านบาท

ร่วมแสดงความคิดเห็น