ชี้สภาพคล่อง แบงก์ยังตึงตัว


สภาพคล่องระบบแบงก์พาณิชย์ตึงตัว สาเหตุชะลอการระดมเงินฝาก บริหารต้นทุนประคองผลงาน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปภาพรวมสินเชื่อสุทธิเดือนกันยายน 2560 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อย 1.1 หมื่นล้านบาท เป็น 10.726 ล้านล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่ม0.1% ขณะที่อัตราเพิ่มจากระยะเดียวกันปีก่อนชะลอลงมาที่ 2.15% จากระดับ 2.78% ในเดือนสิงหาคมแต่เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนมาที่ 1.16%

เนื่องจากยังมีการชำระคืนสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อเอสเอ็มอียังชะลอตัว จึงกดดันให้สินเชื่อในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ลดลงสวนทางกับกลุ่มธนาคารขนาดเล็กที่มีอัตราการเติบโตดีตามทิศทางสินเชื่อรายย่อยที่ขยายตัวดีขึ้น ส่วนสินเชื่อในกลุ่มธนาคารขนาดกลางค่อนข้างทรงตัว

ขณะที่ภาพรวมเงินฝากเดือนกันยายน 2560 ลดลงจากเดือนก่อน 1.7 หมื่นล้านบาท หรือ 0.15% เป็น 11.70 ล้านล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 4.91% และ 3.01% การลดลงส่วนใหญ่กระจายไปทุกกลุ่มธนาคาร ยกเว้นบางธนาคารที่มีสภาพคล่องต่ำสอดคล้องกับการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษใหม่ในเดือนนี้ที่มีน้อยกว่าเงินฝากที่ครบกำหนด โดยมีประเด็นหลักในการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อผลการดำเนินงานของธนาคารในไตรมาสที่ 3 ท่ามกลางสถานการณ์ด้านภาระการกันสำรองหนี้เสีย (Credit Cost) ที่ยังทรงตัวจากระดับหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ที่มีทิศทางเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า

สำหรับภาพรวมสภาพคล่องของธนาคารตึงตัวขึ้นตามการลดลงของเงินฝากที่สวนทางกับสินเชื่อทำให้สัดส่วนเงินให้สินเชื่อรวมต่อเงินฝากรวมกับตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืม (LTD+Borrowing Ratio) เดือนกันยายน 2560 ปรับขึ้นมาที่ 91.23% จากระดับ 90.59% ในเดือน สิงหาคมสอดคล้องกับอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมที่ลดลงเป็นระดับ 21.52% จาก 21.63% ในเดือนก่อนหน้า

การเติบโตของสินเชื่อสุทธิ ณ ไตรมาสที่ 3/2560 เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนขยายตัว 1.16% ชะลอลงจากไตรมาสที่ 2/2560 ที่ขยายตัว1.56%ท่ามกลางการชำระคืนสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ และการชะลอตัวต่อเนื่องของสินเชื่อเอสเอ็มอี ถึงแม้ช่วงไตรมาสสุดท้ายจะมีสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นจากสินเชื่อโครงการของธุรกิจรายใหญ่ที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ และโอกาสการฟื้นตัวของสินเชื่อเอสเอ็มอี ประกอบกับความต้องการสินเชื่อรายย่อยที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล

อย่างไรก็ดียังต้องติดตามว่าการฟื้นตัวดังกล่าวจะเพียงพอชดเชยการชะลอตัวที่เกิดขึ้นในช่วง3ไตรมาสก่อนหน้าเพียงใดซึ่งจะบ่งชี้ว่าการขยายตัวของสินเชื่อจะปรับตัวดีขึ้นได้ตามคาด และสอดคล้องกับแนวโน้มจีดีพีที่ดีกว่าที่คาดไว้หรือไม่

ส่วนด้านเงินฝากไม่น่าจะสร้างแรงกดดันต่อสภาพคล่องของธนาคารแม้ว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะมีผลิตภัณฑ์การออมอื่นที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเข้ามาเป็นคู่แข่งก็ตามโดยคาดว่า ธนาคารพาณิชย์จะบริหารการเติบโตของเงินฝากให้อยู่ในระดับเพียงพอกับความต้องการสินเชื่อ แต่ไม่เป็นภาระต่อต้นทุนทางการเงิน เพื่อประคองภาพรวมผลการดำเนินงานที่ดี

ร่วมแสดงความคิดเห็น