กกล.รส.เชียงใหม่ สนธิกำลัง ร่วมตำรวจภาค 5 ขยายผลจับทันควันขบวนการลักลอบค้าอาวุธสงคราม

กกล.รส.เชียงใหม่ สนธิกำลัง ร่วมตำรวจภาค 5 ขยายผลจับทันควันขบวนการลักลอบค้าอาวุธสงคราม หลังช่วงเช้านำกำลังบุกเข้าทำการตรวจค้นบ้านผู้ต้องหาหนึ่งในบวนการ พบของกลางทั้งอาวุธปืน อุปกรณ์ และกระสุนปืนเพียบ ภายหลังขยายผล ทราบต่อว่าเป็นเพียงคนรับฝากของ ไม่รอช้าสอบจนได้ข้อมูลสาวถึงตัวรวบได้อีก 1 ราย แถมตามตรวจยึดของกลางได้เพิ่มอีกอื้อ ขณะที่จากการสอบสวนยังพบว่ามีตัวการใหญ่ยังลอยนวล ระบุเป็นชาวไทใหญ่ ซึ่งเป็นคนนำของกลางทั้งหมดเขามา ด้านเจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการรวบรวมหลักฐานติดตามตัวจับกุมมาดำเนินคดีต่อ

ปฏิบัติการบุกตรวจยึดของกลางอาวุธสงครามครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน 2560 โดยทาง ทหารจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดเชียงใหม่ โดยกองพันพัฒนาที่ 3 พร้อมเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร จากมณฑลทหารบกที่ 33 สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 นำกำลังบุกเข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 166/5 หมู่ 7 ตำบลชมภู อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งร่วมกันทำการจับกุมตัว นายอัครา ภัทรทวีกุล อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 1 ตำบลเวียง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาพัวพันกับคดีลักลอบค้าอาวุธสงคราม ที่หลังจาก เมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 น. ของวันเดียวกันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้ร่วมกับ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดลำพูน เข้าดำเนินการตรวจค้นบ้านเป้าหมายบ้านไม่มีเลขที่ บ้านจำขี้มด ตำศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน และดำเนินการจับกุมตัว นายประชัน จะวะนะ อยู่บ้านเลขที่ 12/3 ตำท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้รับเป็นเจ้าของบ้าน

จากนั้นได้ทำการนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาแถลงข่าว โดยสามารถตรวจยึดของกลางประกอบด้วย ปืนกลมือ ยี่ห้อชูตเตอร์ รุ่น X9 ขนาด 9 มม. พร้อมซองกระสุน จำนวน 2 ซอง และเครื่องกระสุน 9มม. จำนวน 23 นัด , กล่องใส่ปืนซุ่มยิง จำนวน 4 กล่อง , ลูกระเบิดขว้าง จำนวน 5 ลูก ประกอบด้วย แบบ K75 จำนวน 2 ลูก และ แบบ M26 A2 จำนวน 3 ลูก , เครื่องยิง กปรส.82 จำนวน 2 กระบอก พร้อมจรวดขนาด 82 จำนวน 4 นัด , ขาตั้งเครื่องยิง กปรส.จำนวน 2 ชุด , ขาหยั่งปืนกล จำนวน 1 ชุด , ขาหยั่งปืนไรเฟิล จำนวน 15 ชุด , เครื่องมือปืนควบปืนกล จำนวน 1 ชุด , เหล็กคัดปลอกกระสุนปืนกล ขนาด 7.62 จำนวน 1 ชิ้น , ซองกระสุน AK47 จำนวน 2 ซอง , ซองกระสุน M16 จำนวน 2 ซอง , กล่องใส่ลูกระเบิดมือ จำนวน 26 กล่อง , ดินขับ PG7 จำนวน 8 แท่ง , กล่องใส่ลูก RPG7 จำนวน 1 กล่อง , คันรั้งปืนกล จำนวน 1 ชุด , ไม้ประดู่แปรรูป ขนาดต่างๆ จำนวน 20 แผ่น ดำเนินคดีในข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย (อาวุธสงครามและวัตถุระเบิด) และมีไม้กระยาเลยแปรรูป (ไม้ประดู่) ไว้ในความครอบครองเกิน 0.20 ลบ.ม. โดยไม่ได้รับอนุญาต

ซึ่งต่อมา จากการจับกุมตัวผู้ต้องหาในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนขยายผลถึงที่มาของอาวุธสงครามและสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมดที่สามารถตรวจยึดได้จากทาง นายประชัน จะวะนะ จนกระทั่งทราบว่า ของกลางเหล่านี้ได้มี นายอัครา ภัทรทวีกุล โดยปัจจุบันทำงานที่ ปางช้างแม่วาง อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้นำมาฝากไว้เมื่อประมาณ 2 เดือน ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รู้จักกับ นายอัครา ภัทรทวีกุล มาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว และมีการติดต่อทำธุรกิจร่วมกัน กระทั่งต่อมา นายอัครา ภัทรทวีกุล ได้ติดต่อขอนำอาวุธมาฝากไว้ โดยขนอาวุธมาในรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีเทาดำ เพื่อเตรียม จะนำอาวุธไปส่งในพื้นที่ชายแดน อำเวียงแหง หรือ อำฝาง หรือ ในพื้นที่หนองอุก บ้านอรุโณทัย ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนปืนกลนั้นได้รับมาจากประเทศจากกัมพูชาเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา
เมื่อทราบดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือของ นายประชัน จะวะนะ และแอพพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งเป็นบทสนทนากับ นายอัครา ภัทรทวีกุล ก็พบว่าได้มีการพูดคุยและมีข้อความติดภาพอาวุธเพื่อต่อรองราคาซื้อขายกัน ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดพร้อมทั้งนำกำลังเข้าทำการจับกุมนายอัครา ภัทรทวีกุล ที่ปางช้างแม่วาง อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยแสดงหลักฐานให้กับทาง นายอัครา ภัทรทวีกุล ผู้ต้องหาได้รับทราบ และได้นำตัวกลับมาสอบสวนที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งทาง นายอัครา ภัทรทวีกุล ผู้ต้องหาที่ได้ขยายผลการจับกุมดังกล่าวได้ให้การว่า อาวุธสงครามที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดได้ก่อนหน้านี้นั้น เป็นของ “นายแสง” ซึ่งตนได้รับฝากไว้ โดยมีค่าจ้างในการรับฝาก อีกทั้งยังยอมรับว่าที่ผ่านมาได้เคยรับฝากกับทาง “นายแสง” มาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นายอัครา ภัทรทวีกุล ผู้ต้องหายังสารภาพอีกว่า ได้เก็บซ่อนลูกปืนอาก้าประมาณ 1 พันกว่านัด , พานท้าย M16 และอะไหล่ M16 อีกจำนวนหนึ่งไว้ที่บ้านเลขที่ 166/5 หมู่ 7 ตำบลชมภู อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อทราบดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังเข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวตามที่ทางผู้ต้องหาได้ให้ข้อมูลมา โดยผลการตรวจค้นก็พบของกลางตามที่ผู้ต้องหาได้ระบุไว้ข้างต้น นอกจากนี้ยังมีของกลางจำนวนมากกว่าที่ผู้ต้องหาได้รับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรวมรวมของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน และนำมากลับมาตรวจสอบที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อย่างไรก็ตามจากการขยายผลครั้งนี้ยังทราบว่า “นายแสง” ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้นั้น เป็นชาวไทใหญ่ อายุ 37 ปี สูงประมาณ 164 ซม. ขับรถกระบะโตโยต้าวีโก้ 4 ประตู ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการรวบรวมหลักฐานเพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามตัวและจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น