ผบช.ภ.5 เปิดแถลงใหญ่ ผลการจับกุม 2 ผู้ต้องหา และอาวุธสงครามมูลค่ามหาศาล เผยยังมีขบวนการเบื้องหลังลอยนวล

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เปิดแถลงใหญ่ผลการจับกุมผู้ต้องหาพัวพันค้าอาวุธสงคราม พร้อมยึดของกลางมูลค่ามหาศาล ทั้งเครื่องยิงหัวจรวด ปืนกล ลูกระเบิด เครื่องกระสุน และอุปกรณ์ จำนวนมาก ขณะที่การสอบสวนผู้ต้องหาในคดีพบว่ายังมีตัวการใหญ่ยังลอยนวล ระบุเป็นชาวไทใหญ่ ซึ่งเป็นคนนำของกลางทั้งหมดเขามา

ด้านเจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการรวบรวมหลักฐานติดตามตัวจับกุมมาดำเนินคดีต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เปิดแถลงใหญ่ผลการจับกุมผู้ต้องหาพัวพันค้าอาวุธสงคราม พร้อมยึดของกลางมูลค่ามหาศาล ทั้งเครื่องยิงหัวจรวด ปืนกล ลูกระเบิด เครื่องกระสุน และอุปกรณ์ จำนวนมาก ขณะที่การสอบสวนผู้ต้องหาในคดีพบว่ายังมีตัวการใหญ่ยังลอยนวล ระบุเป็นชาวไทใหญ่ ซึ่งเป็นคนนำของกลางทั้งหมดเขามา ด้านเจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการรวบรวมหลักฐานติดตามตัวจับกุมมาดำเนินคดีต่อ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 19 พฤศจิกายน 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 พลตำรวจโทพูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย พลตำรวจตรีจารึก ลิ้มสุวรรณ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวผลการปฏิบัติการตรวจยึดอาวุธสงคราม ครั้งใหญ่และการจับกุมตัวผู้ต้องหาพัวพันในคดีจำนวน 2 คน คือ นายประชัน จะวะนะ อยู่บ้านเลขที่ 12/3 ตำท่าศาลา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และ นายอัครา ภัทรทวีกุล อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 1 ตำบลเวียง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยาฃ

หลังจากเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5  ได้ร่วมกับทาง ทหารจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน นำกำลังบุกตรวจค้นบ้านเป้าหมายเลขที่ 131 หมู่ 2 บ้านจำขี้มด ตำศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน และดำเนินการตรวจยึดของกลาง เป็นอาวุธปืน , เครื่องกระสุน , ระเบิดมือ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับอาวุธสงครามจำนวนมาก จากนั้นในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 18.00 น. ได้ทำการขยายผลการจับกุม โดยนำกำลังเข้าทำการตรวจค้นบ้านผู้ต้องหาอีก 1 ราย ที่บ้านเลขที่ 166/5 หมู่ 7  ตำบลชมภู อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางเพิ่มเติมเป็น ลูกปืนอาก้าประมาณ 1 พันกว่านัด , พานท้าย M16 และอะไหล่ M16 อีกจำนวนหนึ่ง โดยได้แจ้งข้อกล่าวหากับผุ้ต้องหาทั้ง 2 คน ในฐาน “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาติได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย”
โดยทาง พลตำรวจโทพูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า การดำเนินการจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบค้าอาวุธสงคราม และตรวจยึดของกลางในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ ซึ่งได้ดำเนินการตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินการกวาดล้างอาชญากรรมและสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ และต่อมาได้สืบทราบเบาะแสมาว่า นายประชัน จะวะนะ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมคนแรกนั้นมีพฤติกรรมชอบพกพาอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนข่มขู่ประชาชน จนมีคนร้องเรียนมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการติดตามสืบสวนและเข้าตรวจค้นบ้านพักของ นายประชัน จะวะนะ ผู้ต้องหา จนกระทั่งเป็นที่มาของการจับกุมและตรวจยึดของกลางอาวุธสงครามจำนวนมากในครั้งนี้

และนอกจากนี้แล้ว หลังการสอบสวน นายประชัน จะวะนะ ยังให้การรับสารภาพว่า ของกลางเหล่านี้ได้มี นายอัครา ภัทรทวีกุล โดยปัจจุบันทำงานที่ ปางช้างแม่วาง อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้นำมาฝากไว้เมื่อประมาณ 2 เดือน ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รู้จักกับ นายอัครา ภัทรทวีกุล มาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว และมีการติดต่อทำธุรกิจร่วมกัน กระทั่งต่อมา นายอัครา ภัทรทวีกุล ได้ติดต่อขอนำอาวุธมาฝากไว้ โดยขนอาวุธมาในรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีเทาดำ เพื่อเตรียม จะนำอาวุธไปส่งในพื้นที่ชายแดน อำเวียงแหง หรือ อำฝาง หรือ ในพื้นที่หนองอุก บ้านอรุโณทัย ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขยายผลติดตามจนสามารถจับกุมตัว  นายอัครา ภัทรทวีกุล ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคนที่ 2 และได้มห้การรับสารภาพว่า  อาวุธสงครามที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดได้ก่อนหน้านี้นั้น เป็นของ “นายแสง”  เป็นชาวไทใหญ่ อายุ 37 ปี ซึ่งตนได้รับฝากไว้ โดยมีค่าจ้างในการรับฝาก อีกทั้งยังยอมรับว่าที่ผ่านมาได้เคยรับฝากกับทาง “นายแสง” มาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ จากการสอบสวน นายอัครา ภัทรทวีกุล ผู้ต้องหายังสารภาพอีกว่า ได้เก็บซ่อนลูกปืนอาก้าประมาณ 1 พันกว่านัด , พานท้าย M16 และอะไหล่ M16 อีกจำนวนหนึ่งไว้ที่บ้านเลขที่ 166/5 หมู่ 7  ตำบลชมภู อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อทราบดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังเข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวตามที่ทางผู้ต้องหาได้ให้ข้อมูลมา โดยผลการตรวจค้นก็พบของกลางตามที่ผู้ต้องหาได้ระบุไว้ข้างต้น นอกจากนี้ยังมีของกลางจำนวนมากกว่าที่ผู้ต้องหาได้รับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรวมรวมของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน และดำเนินการกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนตามกฎหมาย

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้ รวมไปถึงการตรวจยึดของกลางทั้งหมดนั้น เป็นการจับกุมในคดีที่เกี่ยวกับการลักลอบขายอาวุธสงครามเท่านั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมืองแต่อย่างใด โดยจากการสอบถามทางผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เบื้องต้นทราบว่า ทั้ง 2 คนนี้เป็นคนรู้จักกันมานานแล้ว โดยได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยว หรือเป็นไกด์ทัวร์ จึงคาดว่าน่าจะทำให้เป็นช่องทางในการไปรู้จักกับกลุ่มค้าขายอาวุธหรือคนชนกลุ่มน้อย และนอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มขบวนการนี้น่าจะยังมีผู้ต้องหาที่ลอยนวลอยู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้เร่งดำเนินการสอบสวนและติดตามเบาะแส เพื่อขยายผลการจับกุมเพิ่มเติมต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น