ชำระบิลข้ามธนาคาร ผ่านพร้อมเพย์ถูกลง

แบงก์ชาติเผยตั้งแต่วันนี้ เริ่มต้นบริการชำระบิลข้ามธนาคาร ผ่านระบบพร้อมเพย์ คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 5 บาทต่อรายการ ส่วนการชำระเงินเพื่อการกุศลจะฟรีค่าธรรมเนียม เผยปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ 36 ล้านเลขหมาย โดยมียอดธุรกรรมการใช้พร้อมเพย์สะสม 200,000 ล้านบาท

นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงิน และเทคโนโลยีการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท. ) เปิดเผยว่า หลังจากวันที่ 18 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเริ่มเปิดบริการชำระบิลข้ามธนาคารผ่านระบบพร้อมเพย์ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในช่องทางการชำระบิลมากขึ้น และมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลง โดยประชาชนสามารถชำระบิลค่าบริการข้ามธนาคารกับ 10 ธนาคารที่เข้าร่วม ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่นเอทีเอ็ม โมบายแบงก์กิ้ง และอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้งโดยคิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 5 บาท ซึ่งต่ำกว่าทางชำระบิลผ่านช่องทางสาขาซึ่งคิดค่าบริการไม่เกิน 20 บาทต่อราคา ส่วนการชำระเงินเพื่อการกุศลจะฟรีค่าธรรมเนียม สำหรับธนาคาร 10 แห่งที่เข้าร่วมได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ,กรุงไทย ,กรุงศรีอยุธยา ,กสิกรไทย ,เกียรตินาคิน ,ไทยพาณิชย์ , ธนชาต ,ออมสิน , ซิตี้แบงก์ เอ็น.เอ. ,และมิซูโฮ จำกัด สาขากรุงเทพ

นางสาวสิริธิดา กล่าวด้วยว่า ธปท.ได้พัฒนาQR Code มาตรฐานและพัฒนาโมบาย แอพพลิเคชั่น ให้สามารถสแกน QR Codeชำระค่าสินค้าและบริการข้ามธนาคาร 5 แห่งได้แล้ว โดยเฟสแรกเริ่มที่ระบบพร้อมเพย์ ซึ่งเหมาะสำหรับการชำระเงินพื้นฐานที่ไม่ซับซ้อน เช่น ร้านอาหาร ร้านค้า ตลาดสด มอเตอร์ไซด์รับจ้าง และในไตรมาส1 ปี 2561 คาดว่าจะเพิ่มการบริการชำระเงินQR Code มาตรฐานกับบัตรเครดิตต่อไป

ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ 36 ล้านเลขหมาย โดยมียอดธุรกรรมการใช้พร้อมเพย์สะสม 200,000 ล้านบาท เป็นการลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชน ร้อยละ 70 หมายเลขโทรศัพท์ ร้อยละ 30 และเป็นนิติบุคคลลงทะเบียนพร้อมเพย์ ประมาณ 50,000 ราย ยอดเฉลี่ยการใช้ต่อคน ส่วนใหญ่ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อรายการ ซึ่งขณะนี้เห็นการใช้พร้อมเพย์ในแต่ละวันเพิ่มมากขึ้น จากเดินที่เคยกระจุกตัวอยู่ในช่วงสิ้นเดือน ซึ่งเมื่อมีบริการQR Code มาตรฐานคาดว่าการใช้พร้อมเพย์จะเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคาร 5 แห่งที่ผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ของแบงก์ชาติ คือ กสิกรไทย, ไทยพาณิชย์,กรุงไทย ,กรุงเทพ ,ออมสิน และอีก 3 ธนาคาร คือ ธนาคารไทย ธนชาต กรุงศรีอยุธยา และ นอนแบงก์คือเคทีซี กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบระบบ

ส่วนเทคโนโลยีการพิสูจน์ตัวตนในอนาคต คาดว่าจะมีหลายวิธีและหลายนวัตกรรมเพื่อให้การพิสูจน์ตัวตนมีความแม่นยำและปลอดภัยมากที่สุด ทั้งเรื่องการสแกนม่านตา ลายนิ้วมือ สแกนใบหน้า และอื่นๆ.

ร่วมแสดงความคิดเห็น