ดราม่าหนัก ยุฟ้อง! นักวิชาการ บอก “ทุ่งบัวตอง” เป็นเอเลี่ยน

กระแสดราม่า ดอกบัวตองลามเป็นไฟลามทุ่งไม่รู้จบ ด้านนักวิชาการอ้างกระทบจริงแต่เสียงอ่อนลง แค่ต้องการให้ควบคุม ส่วนฝั่งคนในพื้นที่ยันไม่กระทบและมีการควบคุมในขอบเขตอย่างชัดเจน แต่อีกด้าน ยุให้ฟ้องร้องเอาผิดนักวิชาการ ที่ปล่อยคำพูดออกมาส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเสมือนดูถูกขนบธรรมเนียมประเพณีคนท้องถิ่น

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2560 นายบุญสม ชูสวรรค์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากข่าวล่าสุดที่ หรือ ผศ.ดร.ศศิวิมล แสวงผล อาจารย์ประจำภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องดอกบัวตอง ของรายการของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งพร้อมด้วย คุณทรงธรรม สุกสว่าง ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ

โดยทาง ผศ.ดร.ศศิวิมล แสวงผล ระบุว่าเป็นพืชต่างถิ่นแต่ก็ยอมรับว่า บางแห่งไม่ได้เป็นอันตรายต่อพืชและสัตว์ ซึ่งในตอนแรก ท่านนักวิชาการ ไม่ได้กล่าวเช่นนั้น แต่ได้กล่าวคำพูดออกมาแล้ว ทำให้คนฟังตกใจกลัวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะคำว่า เอเลี่ยน ซึ่งข้อเท็จจริง ต้นดอกบัวตองที่ดอยแม่อูคอ เป็นจุดที่อยู่บนความสูงถึง 1,600 เมตรจากระดับน้ำทะเล และมีสภาพอากาศหนาวเย็น ไม่ได้มีการปลูกแซมกับพืชอื่นใดใด มีแต่พืชอื่นมาแซม ต้องเข้าใจว่า

จุดดังกล่าว เป็นจุดที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว และมีการดูแลควบคุมไม่ให้มีการรุกลามไปยังพื้นที่อื่น หากมีการรุกลามแล้ว เกษตรกรในพื้นที่เขาจะกำจัดเองเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร นอกจากนั้น ที่ว่าบัวตองมีสารพิษนั้น ก็ไม่ชัดเจนเพราะวัวควายในพื้นที่ยังกินต้นบัวตองและเป็นที่ชื่นชอบของสัตว์เหล่านั้นเป็นอย่างมาก จนทางท้องถิ่นและหน่วยอุทยานทุ่งบัวต้อง ต้องสร้างรั้วป้องกันไม่ให้วัวควายเข้ามากิน ฉะนั้นขอให้นักท่องเที่ยวทุกท่านไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม จากกระแสข่าวเรื่องต้นดอกบัวตอง ที่ลุกลามไปใหญ่โต ในโลกโซเชียล พบว่า มีคนจำนวนมาก พากันโกรธนักวิชาการที่ออกมาโพสว่าดอกบัวตองเป็นเอเลี่ยน และ ได้มีการยุให้ชาวแม่ฮ่องสอน ออกมาฟ้องร้องเอาผิดนักวิชาการ เนื่องจากคำพูดดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของชาวแม่ฮ่องสอน โดยตรง เนื่องจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นเมืองท่องเที่ยวและมีรายได้สูงสุดมาจากการท่องเที่ยว

โดยเฟซบุคของคุณ Jojo Ongkarn ซึ่งเจ้าของเป็น ผจก.บมจ.หอหมั่นเมือง และเป็นนักออแกไนเซอร์ ชื่อดังของประเทศ กล่าวว่า วันนี้ผมขอพูดถึงเรื่อง “บัวตอง สยองขวัญ” ตามข่าวที่กำลังเป็นประเด็นตามลิงค์นี้ “ผมไม่ได้เป็นคนแม่ฮ่องสอน แต่ไปทำงานที่นั่นบ่อยๆร่วมกับท่านผู้ว่าฯมา 5 ท่าน 5 สมัยแล้ว.. ได้สัมผัสวิถีชีวิต ความเชื่อ และขนบธรรมเนียมของชาวแม่ฮ่องสอน จึงรู้ดีว่าพวกเขาเป็นคนรักถิ่นฐานบ้านเกิด และถือเอาสิ่งที่อยู่ด้วยกันมาแต่กำเนิดคือ “ขนบ” คือ “ชีวิต” ที่เขาต้องดูแล เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เหมือนคนจีนไหว้พระจันทร์มานับพันปี แต่เมื่อยานอพอลโลไปลงดวงจันทร์ นักบินอวกาศเหยียบพื้นดวงจันทร์ แล้วบอกว่าเป็นก้าวแรกแห่งมวลมนุษยชาติ แต่นั่นก็เป็นก้าวแรกแห่งการรุกล้ำจิตใจของชาวจีนที่พร่ำไหว้พระจันทร์ที่เขานับถือกันมาเช่นกัน..ฉันใดฉันนั้น”

“การที่ ดร.หญิงอ้างตัวว่าเป็นนักวิชาการ แล้วเผยแพร่ข่าวสารว่า “ดอกบัวตอง”ของชาวแม่ฮ่องสอนเป็นมหันตภัยร้าย ระดับ เอเลี่ยน โดยใช้คำว่า “บัวตอง สยองขวัญ” จึงถือเป็นการเหยียบย่ำ ขนบ ของคนหมู่มาก เพราะการออกมาพูดแบบนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ…จริงอยู่ที่นางอ้างว่าถ้าไม่ควบคุมให้แพร่พันธุ์จะเป็นภัยร้าย แต่ชาวแม่ฮ่องสอนเขาก็ไม่เคยคิดจะขยายพันธุ์มันเกินพื้นที่เล็กๆนั่นเลย เพราะเขาต้องทำมาหากินปลูกพืชเกษตรเช่นกัน ทุกอย่างมันเป็นไปตามกลไกของการจัดสรรมาหลายสิบปีแล้ว..แต่สิ่งทีควบคุมไม่ได้คือ “ปาก”ของนางนักวิชาการนั่นมากกว่า ที่สยองขวัญแพร่พันธุ์ส่งวงกว้างยิ่งกว่าเอเลี่ยนเสียอีก”

“ผลเสียที่ตามมาคือจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงด้วยความเข้าใจผิดกับการใช้คำพูดของนาง ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจในวงกว้าง”

“ล่าสุด(ตามภาพ)ผมได้คุยกับชาวบ้านคนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมๆกับทุ่งบัวตอง ห้าสิบกว่าปีมาแล้ว เขาบอกว่าต้นดอกบัวตองไม่มีพิษใดๆ วัวควายกินแล้วก็ไม่เห็นล้มตาย พืชพรรณอื่นก็เติบโตขึ้นข้างๆได้ดี(ดังในภาพ)”

“ท้ายนี้ผมขอแนะนำให้ชาวแม่ฮ่องสอนลุกขึ้นมาตอบโต้เพื่อรักษาขนบของเราไว้ ด้วยการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้คำที่ว่า “บัวตองสยองขวัญ”ด้วยข้อหา “ใช้คำเกินกว่าเหตุ” เพราะคำนี้ใช้สำหรับสิ่งที่เป็นที่น่าเกลียดน่ากลัวเท่านั้น..และผมยินดีช่วยในทุกขั้นตอนครับ.”

การพูดโต้ตอบในเฟซบุคทั่วไป

Thanathai Khamklang ถ้าเขามาดูพื้นที่ก่อนคงจะหูตาสว่าง ไม่ต้องโชว์โง่และทำร้ายจิตใจของผู้ที่ตั้งใจทำงานทุกท่าน โดยเฉพาะท่านนายอำเภอขุนยวมและทีมงานที่มีส่วนช่วยกันอนุรักษ์ผลักดันให้ทุ่งบัวตองเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้ทั้งความสุนทรียภาพทางจิตใจและสัมผัสความหนาวเย็นสบายทางร่างกายและอากาศบริสุทธิ์สดชื่นแก่ผู้ที่มาท่องเที่ยว ดอกบัวตองไม่ได้เป็นเอเลี่ยนแน่นอน เพราะเขาอยู่มาตั้ง ๙๐ กว่าปีมาแล้วครับ ไม่เคยทำร้ายพืชใดๆ เลย ผมเองก็เกิดที่ขุนยวมครับ เห็นบัวตองมาตั้งแต่ปี ๒๔๙๘ แล้ว ในลำห้วยบริเวณติดกับโรงเรียนอนุบาลขุนยวมจะมีเยอะมาก ชาวบ้านเรียกว่าดอกขี้งัว เพราะถ้าบี้ใบหรือดอกแล้วจะมีกลิ่นเหมือนมูลวัวครับ

Thanathai Khamklang ดร.โง่ๆ ปัจจุบันมีเยอะมากครับ เชื่อแต่ตำราฝรั่ง พูดกับใครก็ไม่รู้เรื่อง พูดไทยคำฝรั่งคำทำตัวอวดรู้อวดเก่งไปทุกเรื่อง ไม่เชื่อและเคารพภูมิปัญญาไทยที่บรรพชนได้สั่งสมคัดสรรกลั่นกรองและสืบสานต่อไปยังอนุชนรุ่นหลังต่อๆ กันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว

Thanathai Khamklang ถ้าจะเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส พวกเราชาวขุนยวมควรจะช่วยกันปลูกบัวตองสองข้างถนนในเขตอำเภอขุนยวมจะดีไหมครับ ให้เป็นแลนด์มาร์คเลยคือพอขับรถเข้ามาในเขตอำเภอขุนยวมก็จะเห็นดอกบัวตองบานสะพรั่งทั้งสองข้างทางแต่ควรปลูกห่างจากถนนสักหน่อยกันไม่ให้บัวตองคลุมมาถึงถนนมากเกินไป บางทีอาจจะดีกว่าการฉาบคอนกรีตเพื่อป้องกันการพังทลายของดินเพราะบัวตองจะช่วยคลุมดินและยึดดินไว้ได้ และเป็นเอกลักษณ์ของขุนยวม

ร่วมแสดงความคิดเห็น