เชียงใหม่ นักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัด แห่เดินทางฝ่าความยากลำบาก เดินเท้ากว่า 2 ชม. เพื่อสัมผัสธรรมชาติช่วงฤดูหนาว และชมความสวยงามของยอดดอยม่อนจอง อ.อมก๋อย ขณะที่ทุกคนเมื่อขึ้นไปถึงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “หายเหนื่อยเมื่อเจอบรรยากาศดั่งแดนสวรรค์” ด้าน จนท.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย จัด จนท.คอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่อง จนถึงช่วงเดือน ก.พ.แนะนักเดินทางควรเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพร่างกาย และสัมภาระในการเดินทางให้พร้อม
วันที่ 8 ธ.ค.60 รายงานข่าวแจ้งว่า จากการที่สภาพอากาศในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ ขณะนี้เริ่มมีสภาพอากาศหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต่างเดินทางพากันขึ้นมาท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสสภาพอากาศหนาวเย็น และชมธรรมชาติความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ ที่ขณะนี้พบว่า ช่วงเดือนสุดท้ายของปี มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างชาติ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่กันอย่างหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่สำคัญขึ้นชื่อของ จ.เชียงใหม่ รวมไปถึงยอดออยต่างๆ ที่ขณะนี้มีอุณหภูมิลดลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวทราบมาว่า ที่ อ.อมก๋อย ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งที่เรียกว่า “ม่อนจอง” ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ต.ม่อนจอง อ.นันทบุรี จ.เชียงใหม่ ที่ขณะนี้มีสภาพอากาศหนาวเย็น และลมพัดแรงตลอดทั้งวัน ส่งผลให้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัด เดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก เพื่อชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์บริเวณจุดสูงสุดของดอยม่อนจอง ที่เรียกว่า “หัวสิงห์” ที่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนติดอันดับ 1 ใน 10 ของยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย
ทาง นายดิสสกุล ธรรมสานุกุล หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย เปิดเผยว่า สำหรับสถานที่ท่องเที่ยว “ม่อนจอง” ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย และเป็นยอดดอยที่มีความสูงที่สุดในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ซึ่งเรียกว่ายอด “หัวสิงห์” โดยด้านบนมีความพิเศษคือสังคมพืชที่มีความโดดเด่น แตกต่างจากสถานที่อื่นๆ ที่หาชมได้ยากในเมืองไทย อาทิ ดอกกุหลาบพันปี นอกจากนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของกวางผา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนที่หายาก รวมไปถึงช้างป่าและเลียงผาด้วย
โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ที่เดินทางขึ้นไปนั้นก็จะไปชมธรรมชาติ ที่นอกเหนือจากความเด่นด้านธรรม ชาติแล้วยังมีทิวทัศน์ที่สวยงาม เช่น ไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก หรือทะเลหมอก ในส่วนของการเดินทางนั้นสามารถเดินทางมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อมาถึงพื้นที่แล้วสามารถเดินทางมาติดต่อกับ จนท.ได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบ้านมูเซอ โดยจะมีการบริการให้ทุกอย่างทั้งรถโฟวิลที่จะไปส่งและรับกลับ รวมทั้งคนนำทาง และลูกหาบ ซึ่งแล้วแต่จะใช้บริการ
สำหรับระยะเวลาในการท่องเที่ยว “ม่อนจอง” ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจะขึ้นไปนอนค้าง 1 คืน แต่การเดินทางแบบไปกลับจะมีน้อยมาก และในส่วนตัวตนก็ไม่แนะนำ เนื่องจากจะทำให้เหน็ดเหนื่อยและไม่ได้สัมผัสกับธรรม ชาติอย่างใกล้ชิด โดยระยะเวลาในการเปิดให้บริการท่องเที่ยว “ม่อนจอง” จะเป็นช่วงฤดูหนาวจำนวน 4 เดือน คือ ตั้งแต่เดือน พ.ย.ไปจนถึง เดือน ก.พ. ส่วนช่วงที่ปิดการให้บริการเนื่องจากเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน จะมีโขลงช้างป่าขึ้นไปหากินอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยต่อประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว “ม่อนจอง” นั้นควรมีการเตีรยมพร้อมในเรื่องของสุขภาพ เนื่องจากต้องเดินเท้าเข้าไปถึงประมาณ 7 กม. จากบริเวณลานจอดรถและต้องเดินกลับมาอีก ดังนั้นความพร้อมของร่างกายและสุขภาพ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องมีความเตรียมพร้อม นอกจากนี้จะมี จนท.คอยให้ข้อมูลกับทางนักท่องเที่ยวได้รับทราบว่า ในส่วนของเส้นทางที่เดินไปจะเจออะไรบ้างระหว่างทาง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีการเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนออกเดินทางขึ้นไปด้านบนด้วย ขณะที่ทางด้าน น.ส.ศุภรา สังกรม อายุ 32 ปี นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจาก กทม. เปิดเผยว่า ได้เดินทางมากับเพื่อนๆ ด้วยกันจำนวน 5 คน โดยในส่วนของเส้นทางก็จะมีทั้งทางลาดชัน และทางธรรมดา สลับกันไป โดยการเดินทางขึ้นไปด้านบนนั้น ก็ไม่ค่อยเหนื่อยมากหากเคยเดินทางเที่ยวชมยอดดอยต่างๆ มาแล้ว แต่พอขึ้นไปถึงบริเวณจุดชมวิวแล้วพบว่ามีความสวยงามมาก โดยเฉพาะบริเวณจุดสูงสุดที่เรียกว่ายอด “หัวสิงห์” และอยากแนะนำให้นักท่องเที่ยวที่ยังไม่เคยมาได้มาเที่ยวชมกัน โดยในเวลาในการเดินทางขึ้นดอยม่อนจอง จะใช้เวลาประมาณ 2 วัน 1 คืน
สำหรับการเดินทางขึ้นดอย “ม่อนจอง” ต้องติดต่อขออนุญาตกับทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอ การเดินทางขึ้นไปยัง หน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ ระยะทางประมาณ 40 กม. เมื่อถึงหน่วยมูเซอติดต่อทำเรื่องให้เรียบร้อย หลังจากนั้นจัดเตรียมสัมภาระ ขึ้นรถขับเคลื่อนสี่ล้อไปส่งยังจุดเริ่มเดินอีก 16 กม. และขึ้นสู่ยอดดอยระยะทาง 4 กม. ใช้เวลา เดินเท้าประมาณ 2 ชม. ผ่านเส้นทางชึ้นลงและราบสลับกัน แต่ส่วนใหญ่จะเดินขึ้นมากกว่า ไม่แนะนำให้ ขับรถไปจอดยังจุดเดินเท้าเนื่องจากจุดเดินเท้า ตั้งอยู่ในป่าไม่มีคนดูแล เส้นทางบางช่วงแคบด้านข้างเป็นเหวลึก ควรจอดไว้ที่หน่วยฯ และเช่ารถโฟวิลจะปลอดภัยกว่า
ในส่วนของคนนำทาง ลูกหาบ รถโฟวิล สามารถแจ้งความจำนงกับ จนท.เพื่อจัดเตรียม ส่วนอาหารน้ำดื่ม เต้นท์ ถุงนอน ต้องเตรียมไปเองให้พร้อม เพราะบนยอดดอยไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไร มีลำธารเล็กๆตรงจุดกางเด้นท์สำหรับล้างหน้า แปรงฟัน อากาศข้างบนหนาวมาก ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปให้พร้อม โดยในส่วนของค่าบริการ คนนำทาง เที่ยวละ 500 บาท ค่าบริการลูกหาบคิดวันละ 400 บาท ค่ารถโฟร์วิวไปยังจุดเดินเท้า 2,500-3,000 บาท
ร่วมแสดงความคิดเห็น