ค้าภายในแจง แนวทางแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์ม


อธิบดีกรมการค้าภายใน ก.พาณิชย์ แจงแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มคงเหลือที่มีปริมาณมากในขณะนี้ เผยคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด มีมติให้เร่งรัดการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อรักษาสมดุลปริมาณน้ำมันปาล์มในประเทศ เพื่อให้การซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบและผลปาล์มน้ำมันคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากผลผลิตปาล์มน้ำมัน ปี 2560สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าจะมีปริมาณ 13.50 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 คิดเป็น ร้อยละ 18.21เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของทั้งเนื้อที่ให้ผลและผลผลิตต่อไร่ ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณน้ำฝนมากขึ้น เกษตรกรดูแลดีใส่ปุ๋ยมากขึ้น โดยปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 4 ธ.ค.60) ราคาผลปาล์มน้ำมัน (18%) กก.ละ 3.20 – 3.60 บาท และน้ำมันปาล์มดิบ กก.ละ 19.00 – 19.25 บาท ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซีย (1 ธ.ค.60) กก.ละ 19.99บาท ราคาผลปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มมีแนวโน้มลดลงนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นมา ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากปริมาณผลปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มดิบในช่วงที่ผ่านมามีมาก ประกอบกับโรงกลั่นฯ มี
สต็อกน้ำมันปาล์มคงเหลือมากกว่าความต้องการใช้ในแต่ละเดือน รวมทั้งภาวะการค้าน้ำมันปาล์มขวดชะลอตัวทำให้ปริมาณการสั่งน้ำมันปาล์มจากโรงงานสกัดลดลงและซื้อราคาลดต่ำลง ส่งผลถึงผลปาล์มน้ำมันด้วย โดยสต็อกน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือ จากการแจ้งตามประกาศ กกร. นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 60 เป็นต้นมาสต็อกน้ำมันปาล์มคงเหลือมีจำนวนมากกว่า 400,000 ตัน CPO มาถึงปัจจุบัน ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากปริมาณผลปาล์มที่ออกสู่ตลาดมีมากเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือน มีนาคม 60 ปริมาณผลปาล์ม อยู่ที่ 1.11 ล้านตันจนถึงปัจจุบัน พฤศจิกายน 60 อยู่ที่ 1.44 ล้านตัน ประกอบกับมีการส่งเสริมให้เกษตรกรทำปาล์มคุณภาพโดยการตัดปาล์มสุก เปอร์เซ็นต์น้ำมันเพิ่มขึ้น จาก 15 – 16% เป็น 17 – 18% ทำให้มีปริมาณน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำมันปาล์มคงเหลือที่มีปริมาณมากในขณะนี้โดยคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด ได้ประชุมเมื่อวันที่ 24พฤศจิกายน 2560 และมีมติให้เร่งรัดการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อรักษาสมดุลปริมาณน้ำมันปาล์มในประเทศ โดยแต่งตั้งคณะทำงานสนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์ม มีหน้าที่กำหนดมาตรการเร่งหาตลาดในการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มทั้งตลาดเดิมและตลาดใหม่ให้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือกรมธุรกิจพลังงาน ประสานผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ให้สำรองไบโอดีเซล (B100) เพิ่มขึ้นซึ่งสำรองตามกฎหมาย (ร้อยละ 1) อยู่ที่ 14.339ล้านลิตร เป็น 120 ล้านลิตร และในสัปดาห์นี้กระทรวงพาณิชย์จะจัดประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด
เพื่อเร่งรัดการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ และจะเชิญผู้แทนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมพัฒนา
พลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และกรมธุรกิจพลังงาน
เพื่อพิจารณาอุปสงค์และอุปทานผลผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์ม
และปริมาณความเหมาะสมของการใช้น้ำมันปาล์มดิบผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้ากระบี่ ซึ่งจะส่งผลทำให้
ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือในตลาดลดน้อยลง การซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบและผลปาล์มน้ำมันจะ
คล่องตัวขึ้น

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกระแสข่าวที่กล่าวว่ามีการนำเข้าน้ำมันถั่ว
เหลืองจากประเทศบราซิลและประเทศสหรัฐฯ โดยไม่ต้องเสียภาษี เพื่อนำมาสกัดน้ำมันแข่งกับน้ำมัน
ปาล์มนั้น กระทรวงพาณิชย์ขอชี้แจงว่าการนำเข้าน้ำมันถั่วเหลืองจากประเทศบราซิลและประเทศสหรัฐฯนั้น
ในปี 2560 ประเทศไทยมีการนำเข้าน้ำมันถั่วเหลืองเพียงเล็กน้อย ส่วนเมล็ดถั่วเหลืองมีการน้าเข้ามาใช้ผลิตอาหารสัตว์และแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารเป็นหลัก สำหรับการนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองในปี 2560 (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนกันยายน 2560) มีจำนวน 2.158 ล้านตัน เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันกับปี 2559 ปรากฏว่าลดลงร้อยละ 2.17

ร่วมแสดงความคิดเห็น