เชียงใหม่ จัดประชุมใหญ่ บูรณาการทุกภาคส่วน วางมาตรการรักษาความปลอดภัย ในห้วงเทศกาลวันคริสต์มาส และวันขึ้นปีใหม่ 2561

กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.เชียงใหม่ จัดประชุมใหญ่ บูรณาการทุกภาคส่วน วางมาตรการรักษาความปลอดภัย ในห้วงเทศกาลวันคริสต์มาส และวันขึ้นปีใหม่ 2561
กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.เชียงใหม่ จัดประชุมใหญ่ บูรณาการทุกภาคส่วน วางมาตรการรักษาความปลอดภัย ในห้วงเทศกาลวันคริสต์มาส และวันขึ้นปีใหม่ 2561 โดยสั่งการดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ให้ทุกหน่วยงานมีแผนปฏิบัติของแต่ละส่วนครอบคลุม พร้อมทั้งแถลงสรุปผลการปฏิบัติงานในห้วงที่ผ่านมา ในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ และการวางแนวทางแผนการปฏิบัติภารกิจในห้วงต่อไป

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ธ.ค.60 ที่สโมสรกาวิละ มทบ.33 พล.ต.สาธิต ศรีสุวรรณ ผบ.มทบ.33 พร้อมด้วย นายประจวบ กันธิยะ รอง ผวจ.เชียงใหม่ และ พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันเป็นประธานในการจัดประชุมกำหนดแนวทางและเตรียมความพร้อม สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในห้วงเทศกาลวันคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่ 2561 เพื่อปรึกษาหารือกับ จนท.ของหน่วยงานทุกภาคตส่วน ในการเตรียมพร้อมดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมถึงการเฝ้าระวังอุบัติเหตุ ในห้วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้

โดยได้มีการจัดตั้งจุดตรวจ จุดบริการประชาชนร่วมกัน ระหว่าง จนท.ทหาร ตำรวจ และ จนท.ฝ่ายปกครอง ตามเส้นทางการจราจรสายหลัก นอกจากนี้ยังได้มีการจัดกำลังในการลาดตระเวณตามสถานที่สำคัญต่างๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ในการประชุมยังได้มีการสรุปผลการปฏิบัติงาน ของกองยุทธการ มทบ.33 และแผนการปฏิบัติภารกิจในห้วงต่อไป โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมฟังการประชุมครั้งนี้จำนวนมาก
ทางด้าน พล.ต.สาธิต ศรีสุวรรณ ผบ.มทบ.33 เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ที่จะถึงนี้ เชียงใหม่จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเที่ยว ตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ รวมถึงในพื้นที่จัดงานส่งท้ายปี-เก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ดังนั้นทุกภาคส่วนจึงได้มีการจัดประชุม เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงเฝ้าระวังอุบัติเหตุบนเส้นทางการจราจร ในการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวใน จ.เชียงใหม่

นอกจากนี้ยังจะได้มีการจัดตั้งจุดตรวจ จุดบริการประชาชนร่วมกัน ระหว่าง จนท.ตำรวจ ทหาร และ จนท.ฝ่ายปก ครอง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว และเป็นการลดการเกิดอุบัติเหตุ ตามเส้นทางสายหลัก 6 เส้นทาง ได้แก่ ถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง บริเวณใต้สะพานแยกเชียงขาง,ถนนสายเชียงใหม่-สันกำแพง บริเวณแยกบ่อสร้าง ,ถนนสายเชียงใหม่- ดอยสะเก็ด บริเวณหน้าปั้มบางจาก อ.ดอยสะเก็ด ,ถนนสายเชียงใหม่-พร้าว บริเวณหน้า ม.แม่โจ้, ถนนสายเชียงใหม่-เชียงดาว ,บริเวณหน้า อบต.แม่สา และถนนสายเชียงใหม่-ดอยหล่อ บริเวณหน้าสภ.หางดง นอกจากนี้ยังจะได้มีการจัดกำลัง จนท.ในการออกลาดตระเวน เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยตามสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อเป็นการป้องกันการก่ออาชญากรรม การสร้างสถานการณ์ และการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่
นอกจากนี้แล้ว ยังได้มีการบูรณาการร่วมกันกับทุกภาคส่วน โดยให้ทุกส่วนราชการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก และให้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วม โดยการบูรณาการจากทุกหน่วยงาน รวมทั้งจัดทำแผนเผชิญเหตุทุกสถานการณ์ และให้มีการซักซ้อมเพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ทุกหน่วยงานมีแผนปฏิบัติของแต่ละส่วนครอบ คลุมในงานทุกด้าน และประสานสอดคล้องกัน

ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ยังได้มีการสรุปผลการดำเนินงานของฝ่ายกิจการพลเรือน กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจ.เชียงใหม่ และการดำเนินงานด้านกิจการพลเรือน ของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันได้จัดชุดปฏิบัติการมวลชนอยู่ประจำในแต่ละอำเภอ เพื่อประสานงานและดำเนินงานด้านการช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยมีกรอบแนวทางการดำเนินงานในโครงการต่างๆ ซึ่งจะต้องประสานงานกับส่วนราชการ และ อปท.ร่วมให้การสนับสนุน รวมทั้งการดำเนินงานด้านการประชาสัมพันธ์ การสร้างการรับรู้ การดำเนินงานของรัฐบาลและ คสช. และการสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ใน หลวงรัชกาลที่ 9

และตามที่ คสช. ได้มอบหมายให้หน่วยทหารจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน และส่งให้ทาง คสช. ไปแล้ว จำนวน 21 เรื่อง การดำเนินงานในกรอบงานโครงการต่างๆ ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ที่ยังคงมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย โครงการซ่อมสร้างบ้านผู้ยากไร้ ได้มีการดำเนินการไปแล้ว จำนวน 11 หลังคาเรือน , โครงการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชตามแหล่งน้ำปิดและแหล่งน้ำเปิด ได้มีการดำเนินการไปแล้วจำนวน 21 พื้นที่ กำจัดผักตบชวา จำนวน 1,031 ตัน และการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้าให้การ ช่วยเหลือจำนวน 13 พื้นที่ ใน 8 อำเภอในห้วงที่ผ่านมา พร้อมแจกจ่ายถุงยังชีพ และจัดชุดแพทย์เดินเท้าในการแจกจ่ายยาเวชภัณฑ์ และจัดรถครัวสนาม ให้บริการแก่ผู้ประสบภัยดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ยังมี การแก้ไขปัญหาของคลองแม่ข่า ที่เป็นปัญหาที่สำคัญของเมืองเชียงใหม่มายาวนาน คลองแม่ข่าเป็นคลองที่มีต้นน้ำตั้งแต่ อ.แม่ริม เข้ามาในกลางเมืองเชียงใหม่ ผ่านชุมชนจำนวน 22 ชุมชน และไหลลงสู่น้ำปิงที่ บ้านสบแม่ข่า อ.หางดง ซึ่งมีความยาวกว่า 30 กม. โดยปัจจุบันประสบปัญหาในเรื่องของการบุกรุกสร้างอาคาร รุกล้ำพื้นที่คลองแม่ข่า มีการทิ้งน้ำเสียและสิ่งปฏิกูลลงในคลองแม่ข่า ทำให้เกิดความเน่าเหม็น เป็นมลภาวะของเมืองเชียง ใหม่ ซึ่งที่ผ่านมา จ.เชียงใหม่ได้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดหาแหล่งน้ำต้นทุน เพื่อช่วยในการระบายของสำนักชลประทานที่ 1 การควบคุมในการจัดการบำบัดน้ำเสียของสถานประกอบการต่างๆ ก่อนปล่อยลงสู่คลองแม่ข่า และการแยกน้ำเสียในเมือง ผ่านท่อลงสู่บ่อบำบัด โดยไม่ปล่อยลงสู่คลองแม่ข่าของเทศบาลนครเชียงใหม่

สำหรับการดำเนินการแก้ไขปัญหาของคลองแม่ข่า ได้มีการขับเคลื่อนร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยแก้ปัญหาวิกฤติเฉพาะหน้ามาได้ตามลำดับ ทั้งการขุดลอกคลองได้มีการดำเนินการ จำนวนกว่า 30 ครั้ง รวมระยะทางกว่า 27 กม. สำหรับปัญหาในเรื่องสิ่งปลูกสร้างที่มีการรุกล้ำลำคลองแม่ข่า ได้มีการบังคับใช้กฎหมาย ของกรมเจ้าท่า อย่างจริงจัง ในแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะมีชุมชนอยู่หนาแน่น ซึ่งได้เรียกผู้ที่รุกล้ำลำคลองแม่ข่ามาชี้แจงทำความเข้าใจในข้อกฎหมาย และได้เข้าพบปะพูดคุยและชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ที่รุกล้ำคลองแม่ข่า

ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกคลองแม่ข่า ด้วยความสมัครใจของผู้บุกรุกเอง ในพื้นที่ของชุมชนบ้านเอื้ออาทรป่าตัน จำนวน 7 แห่ง และได้ทำการขุดลอกคลอง ให้สามารถระบายน้ำได้รวมระยะทางกว่า 1,800 เมตร โดยการดำเนินกิจกรรมดังกล่าว แม่ทัพภาคที่ 3 ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดกิจกรรมด้วยตนเอง เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา และการดำเนินการในห้วงต่อไป ก็จะขยายผลในการเจรจาและรื้อถอน สิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำพื้นที่ของคลองแม่ข่าในพื้นที่อื่นๆ เพื่อให้การแก้ไขปัญหา มีความเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นตามลำดับต่อไป

ส่วนอีกเรื่องคือ การแก้ไขปัญหาตลาดไนท์บาร์ซาร์เชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย-ต่างชาติ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาการจัดระเบียบการขายของบนทางเท้า ไม่ให้กีดขวางการจราจร กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.เชียงใหม่ ร่วมกับ จ.เชียงใหม่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจัดระเบียบผู้ประกอบการย่านไนท์บาร์ซาร์อย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวทางแก้ไขปัญหาจัดโซนการค้าได้ 3 โซน ได้แก่ โซน A , โซน B คือฝั่งข้างถนนช้างคลาน และโซน C คือ ฝั่งถนนลอยเคราะห์ ปัจจุบัน โซน A , โซน B ได้ดำเนินการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังคงเหลือโซน C โดยที่ประชุมกำหนดให้ผู้ประกอบการโซน C ย้ายไปยังพื้นที่ โซน A , โซน B ที่ทางเทศบาลจัดเตรียมไว้แล้ว จำนวน 42 ราย ซึ่งเริ่มดำเนินการในวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยจะมีการประเมินรายได้ เพื่อเปรียบเทียบ และจะประชุมอีกครั้งในวันที่ 9 มกราคม 25 61 ต่อไป

สำหรับแผนงานต่อไป เนื่องด้วยเป็นห้วงฤดูหนาวและจะเข้าสู่ห้วงฤดูแล้ง หน่วยได้มีการจัดเตรียมผ้าห่มกันหนาวเพื่อดำเนิน การแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอากาศหนาวเย็นในพื้นที่ภูเขาสูง สำหรับการแก้ไขปัญหาในเรื่องของไฟป่า และหมอกควันในห้วงฤดูแล้ง หน่วยได้มีการจัดเตรียมกำลังในการสนับสนุน การรณรงค์ป้องกันไฟป่าหมอกควัน และการลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า และร่วมดับไฟป่ากับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ โดยการดำเนินงานด้านกิจการพลเรือนของ กกล.รส.จว.ช.ม. ได้รับการสนับสนุน จากทุกภาคส่วนอย่างดียิ่ง ซึ่งทำให้งานและโครงการต่างๆ สามารถให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทันเวลา ต้องขอขอบคุณในความร่วมมือร่วมใจ ของทุกส่วนราชการ ที่ร่วมกันดำเนินงาน แก้ไขปัญหาเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น