ธรรมะกับเชียงใหม่นิวส์

เมื่อเห็นผิด
เช่น เห็นว่าทำดีได้ชั่ว ทำชั่วได้ดี
โทษของคนอื่นเท่าภูเขา โทษของเราเท่าเส้นผม
จึงกลายเป็นส้นผมบังภูเขา

.
.
.

ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ถ้าคุณเริ่มที่จะเป็นผู้ให้

คุณจะเป็นคนยิ่งใหญ่ ในสายตาคนอื่นๆได้

.
.
.

สิ่งที่มากระทบใจเรา

ถ้าถูกใจ มันก็สุข … ถ้าไม่ถูกใจ มันก็ทุกข์

ถ้าเราเฉยๆ กับมัน ใจเราก็สงบ

.
.
.

โลกใบนี้มันมีไว้อยู่

ไม่ได้มีไว้แบก

.
.
.

โลกไม่ได้วุ่นวาย

ใจเราต่างหากที่วุ่นวาย

ทำใจให้สงบ จะพบแสงสว่าง

.
.
.

 

สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจที่สุดในชีวิตเรา

ก็คือ “การให้ทาน”

.
.
.

 

บุญวาสนา ไม่มี … ก็ทำให้มีได้

ถ้ามีอยู่แล้ว ก็ทำให้มียิ่งขึ้นได้ 

.
.
.

 

จะปล่อยให้ชีวิตมีค่านี้ เป็นขี้ทาสของความโกรธ
จนถึงวันตายหรือจะสู้ให้หลุดพ้นจากมัน

.
.
.

ธรรมะ ไม่ได้เป็นของขลัง ของศักดิ์สิทธิ์

แต่เป็นของจริงเป็นแนวทางที่ช่วยให้เราพันทุกข์

.
.
.

หากอยากสำเร็จ… คุณต้องขยาย

“ขอบเขตจิตใจ”ไปให้ได้กว้างที่สุด

เพราะ จิตใจเล็ก ๆ ไม่สามารถรองรับ

การเป็นเจ้าของธุรกิจที่สำเร็จได้

.
.
.

การที่หลงคิดว่าตัวเอง “ไม่เอาไหน”

นั้นแหละ คือสิ่งที่แย่ที่สุด

.
.
.

เมื่อทำดี ก็เป็นคนดีขึ้นมาทันที
เมื่อทำชั่ว ก็เป็นคนชั่วขึ้นมาทันที

.
.
.

คนไม่มีโรคทางกาย นับว่าประเสริฐ
แต่คนไม่มีโรคทางใจ
กิเลส นับว่าประเสริฐกว่า

.
.
.

ฉลาดทำงาน ไม่จนทางกาย
ฉลาดทางใจ ทุกข์กับใครไม่เป็น

.
.
.

จิตใจที่คิดดี มีแต่ความเมตตากรุณา
และให้อภัยทานกับผู้อื่นเสมอ ย่อมนำแต่ความสุขมาให้

.
.
.
.

อย่าเอาความไม่ยึดมั่น หรือความปล่อยวาง
มาเป็นข้ออ้างที่จะปล่อยปละละเลย

.
.
.
.

คนกตัญญูกับพ่อแม่ ย่อมไม่มีวันตกต่ำ
การทำบุญกับพ่อแม่ จะได้อานิสงค์สูงสุด

.
.
.
.

ผู้ที่หลงเปลือกนอก
ย่อมไม่เห็นแก่นใน
“ผู้ที่ถึงแก่นใน” ย่อมเข้าใจเปลือกนอก

.
.
.
.

 

ความมั่นคั่งที่แท้จริง
คือการมีสุขภาพที่ดี
มิใช่การมั่งมีเงินทอง

.
.
.
.

 

อย่าเอาเป็นเอาตายกับทุกเรื่อง
อะไรที่ผิดพลาด ไม่ถูกใจ ก็ช่างมัน
เอาเวลามาแก้ไขให้ถูกต้องดีกว่า

.
.
.
.

เก็บสมองดี ๆ ของเรา ไว้คิดแต่เรื่องดี ๆ
อย่าเอาเรื่องไม่ดีของคนอื่น
มาใส่สมองให้ต้องทุกข์

.
.
.
.

คน 5 แบบที่คุณควร “ลืม”
1. คนที่คุณ ให้ความสำคัญกับเขาเป็น อันดับแรก แต่เขาให้ความสำคัญกับคุณเป็น อันดับสุดท้าย

2. คนที่คุณ พยายามอยู่ในชีวิตของเขา แต่เข้าไม่เคยพยายามอยู่ในชีวิตคุณ

3. คนที่คุณ มองเขาพิเศษกว่าคนอื่นๆ แต่เขามองคนอื่นๆ พิเศษกว่าคุณ

4. คนที่คุณภูมิใจมาก เมื่อพูดถึงเขา แต่เขาไม่เคยภูมิใจ เมื่อพูดถึงคุณ

5. คนที่คุณยอมทำทุกอย่่าง เพื่อเขา แต่เขาไม่เคยทำอะไรสักอย่างเพื่อคุณ

.
.
.
.

ทุกข์บ้าง สุขบ้าง 
ปล่อยวาง และเดินต่อ

.
.
.
.

ไม่มีอะไรที่เราสะสม
แล้วไม่เป็นภาระ ยกเว้น ความดี

.
.
.
.

คนดีต้องเชื่อมั่นในความดี
ทำดี ต้องได้ดี
ไม่มี วันเปลี่ยนแปลง
.
.
.
.วิธีฝึกให้เป็นคนคิดบวก
1. ยิ้มเสมอ
2. ทบทวนสิ่งดีๆในชีวิต
3. ให้รางวัลชีวิตตนเอง
4. เลิกเป็นคนขี้บ่น
5. ชื่นชมสิ่งรอบตัว
6. อยู่ใกล้ๆ คนที่คิดบวก
7. อยู่ห่างๆ คนที่ชอบคิดลบ
8. อ่านธรรมะ คำคม ข้อคิด
9. คิดถึงคนที่ลำบากมากกว่าเรา
10. ช่วยผู้อื่นให้เป็นสุข
11. หยุดความคิดลบ
12. ฝึกสมาธิ
.
.
.
.
“คิดบวกไม่” ใช่การหลอกตัวเอง
ว่าไม่มีปัญหา…แต่สอนให้เรา
“มีความสุข” ภายใต้ปัญหาที่มีอยู่
.
.
.
.
จงอย่ากลัว ที่เราได้สร้างความดี
แต่จงกลัว ที่เราไม่ได้ละเว้นความชั่ว
.
.
.
.
อย่าทำให้ชีวิต
เคร่งเครียดมากเกินไป
จนกลายเป็นภาระ
.
.
.
.
หากยัง “ไม่มีความพอใจ”
แม้แต่เศรษฐี ก็ยังยากจน
.
.
.
.
ดอกไม้บานเอง
เมื่อถึงเวลา
ความดีที่สั่งสมมา
เมื่อถึงเวลา
ก็จะส่งผลเอง
.
.
.
.
คนที่ปลงเป็น
คนที่ปล่อยวางได้
คนนั้นจะอยู่อย่าง “สบายใจ”
.
.
.
.
1% โชคช่วย
1% ความสามารถ
98% ไม่ยอมแพ้
100% ประสบความสำเร็จ
.
.
.
.
จงมองตนเอง เพื่อแก้ไข
และมองคนอื่น เพื่อให้อภัย
จะอยู่สุขใจ และเป็นอิสระ
.
.
.
.ทุกๆเช้าคือ การเริ่มต้นใหม่
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ยิ้ม…แล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
.
.
.
.
อย่า ตัดสิน ว่าใครไม่ดี
เพียงเพราะเขาไม่เข้าตา
อย่า ยกย่อง ใครจนเป็นเทวดา
เพียงเพราะเขาถูกใจ.
.
.
.
.คนจะงาม งามที่ใจ ใช่ใบหน้า
คนจะสวย สวยจรรยาใ ช่ตาหวาน
คนจะแก่ แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน
คนจะรวย รวยศีลทาน ใช่บ้านโต
.
.
.
.
คุณค่า ของชีวิต
ไม่ได้วัดกันที่ “ขวบปี”
แต่วัดด้วยสิ่งที่เรามี
ต่อผู้คนรอบข้าง
.
.
.
.
“ชีวิต” ก็เหมือนท้องฟ้า
บางครั้ง ก็แจ่มใส
บางครั้ง ก็มืดครึ้ม
บางครั้ง ก็หนาวเหน็บ
ดังนั้น อย่ากังวลกับ
“อุปสรรค” ที่เจอ
.
.
.
.
พระพุทธศาสนามองว่า
กิเลสเป็นธรรมชาติของมนุษย์
แต่เป็นธรรมชาติที่แก้ไขได้
.
.
.
.
ความสบายต้องอาศัยเงิน
แต่ความสุข
ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเงิน
.
.
.
.
บุญเก่าที่เราทำมาเปรียบเหมือนต้นไม้
ที่ปลูกมานานแล้ว พร้อมที่จะออกดอกออกผล
.
.
.

 

ความทุกข์ทางกาย
หนีได้ด้วยการไม่เกิดเท่านั้น
ความทุกข์ทางใจ หนีได้ด้วยการไม่คิด
.
.
.

 

“ก้อนหิน” มันจะหนัก
ก็ต่อเมื่อเราเอาตัวเข้าไปแบก
.
.
.
.

 

ทุกข์ใจ
ละด้วย … การปล่อยวาง
.
.
.
.

ผู้ให้ความสุข
ก็ได้ความสุข
.
.
.
.

พระพุทธเจ้า
สอนให้เรามาสะสาง
ไม่ใช่ให้มาสะสม
.
.
.
.

ถ้าวันนี้ถูกต้อง
ก็ไม่ต้องกลัวพรุ่งนี้
.
.
.
.
ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
โดยไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ
.
.
.
.
สุขใด…เท่าใจหยุดนิ่ง
ไม่มีอีกแล้ว
.
.
.
.

จงมองตนเอง เพื่อแก้ไข
และมองคนอื่น เพื่อให้อภัย
จะอยู่สุขใจ และเป็นอิสระ
.
.
.
.
เกิดมาทั้งที ต้องเอาดีให้ได้
อยู่ในโลกทั่งที ต้องทำดีฝากไว้
จะตายไปทั่งที อย่าลืมเอาดีติดตัวไป
.
.
.
.

ชั่วโมงทองคำ
ไม่ใช่วันพรุ่งนี้ … แต่เป็นวันนี้
.
.
.
.

เมื่อชนะ มารในใจตน ได้แล้ว
มารข้างนอก…ก็ทำอะไรเราไม่ได้
.
.
.
.

ที่สุดของคน
คือการเป็นมนุษย์ธรรมดา
ที่มีความสุข
.
.
.
.

ความขยัน
อดทน และ ประหยัด
คือคุณสมบัติของความมั่งมี
.
.
.
.
หนักเป็นเบา
เมื่อเราไม่แบก
.
.
.
.
บนเส้นทางชีวิต
มีราบรื่น มีขรุขระ
เป็นเรื่องธรรมดา
.
.
.
.
ชีวิตก็เหมือนกับ กระจก
ที่มันจะ ยิ้มให้คุณ
ก็ต่อเมื่อ คุณยิ้ม ให้มัน
.
.
.
.
อย่าให้ท้องฟ้าไม่สดใส
เพียงเพราะ
ก้อนเมฆก้อนเดียว
.
.
.
.
หยุดความโกรธด้วยการ “ให้อภัย”
หยุดความอาลัยด้วยการ “ปล่อยวาง”
.
.
.
.
ดอกไม้บานเองเมื่อถึงเวลา
ความดีที่สะสมมา
เมื่อถึงเวลา…จะส่งผลเอง
.
.
.
.

อย่าทำอะไรเพื่อฆ่าเวลา
เพราะเวลาของเรามีน้อย
ต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม
.
.
.
.
ถ้าคุณ ทำให้คนรักไม่ได้
ก็อย่า ทำให้ใครเสียใจ
.
.
.
.
เพื่อน
บางคนก็เป็นของขวัญ
บางคนก็เป็นบทเรียน
.
.
.
.

คำว่าพอเพียง
คือการรู้จักใช้ รู้จักพอ
ทำตามกำลังที่มี
ไม่เบียดเบียนใคร
.
.
.
.
ไม่มีอะไรอยู่กับเราได้ตลอด
ทั้งความทุกข์และความสุข
สำคัญคือต้องอยู่อย่างเข้าใจมัน
.
.
.
.

คนเรา ทำอะไรใจอย่าท้อ
ถ้าท้อ ก็อย่าถอย ถ้าถอย
ก็ปักหลักสู้ใหม่ ทำมันอีก
ก็จะพบกับความสำเร็จ
.
.
.
.

คนที่เขาไม่ชอบ เขาก็ไม่ชอบเราอยู่ดี
ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารัก และรักเราดีกว่า
ดูแลกันและกันให้ดีที่สุด
.
.
.
.
ปลาที่ยังเป็นอยู่
ล้วนเรียนรู้ ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ
แต่ทำให้คนมีปัญญา
ลุกขึ้นมาแก้ไข
.
.
.
.

มันน่าแปลก ที่คนเรามักจะ
ชื่นชมคนแปลกหน้าว่ามีน้ำใจ
ทั้งที่เขาช่วยเหลือเรา เพียงครั้งเดียว
แต่กลับตำหนิคนใกล้ชิด ว่าไร้น้ำใจ
ทั้งที่เขาช่วยเหลือเรามาตลอด
แต่ปฎิเสธที่จะช่วยเพียงครั้งเดียว
.
.
.
.

หลักการพูดจากับคน
พูดกับคุณแม่ ให้พูดแบบออดอ้อน น่ารัก
พูดกับคุณพ่อ ให้พูดแบบอ่อนน้อม
พูดกับพี่ชาย น้องชาย ให้พูดแบบใส่ใจ
พูดกับพี่สาว น้องสาว ให้พูดแบบเข้าใจ
พูดกับเด็ก ให้พูดแบบกระตือรือร้น
พูดกับญาติ ให้พูดแบบสนิทสนม
พูดกับเพื่อน ให้พูดแบบสนุกสนาน
พูดกับเจ้าหน้าที่ ให้พูดแบบสุภาพ
พูดกับคู่ค้า ให้พูดแบบจริงใจ
พูดกับลูกค้า ให้พูดอย่างตรงไปตรงมา
พูดกับพนักงาน ให้พูดแบบพึ่งพากัน
พูดกับนักการเมือง ให้พูดแบบระมัดระวัง
พูดกับพระเจ้า ให้พูดแบบสงบเสงี่ยมเจียมตัว
.
.
.
.
ถ้ารับขยะ
มาในหัวเยอะๆ ก็รีบเอาขยะไปทิ้ง
อย่าเก็บไว้ จนเราเป็นขยะเอง
.
.
.
.คน 5 แบบที่คุณควร “ลืม”
1. คนที่คุณให้ความสำคัญกับเขา เป็นอันดับแรกแต่เขาให้ความสำคัญกับคุณ เป็นอันดับสุดท้าย
2. คนที่คุณพยายามอยู่ในชีวิตเขา แต่เขาไม่เคยพยายามอยู่ในชีวิตคุณ
3. คนที่คุณมองเขาพิเศษกว่าคนอื่นๆ แต่เขามองคนอื่นๆ พิเศษกว่าคุณ
4. คนที่คุณภูมิใจมาก เมื่อพูดถึงเขา แต่เขาไม่เคยภูมิใจ เมื่อพูดถึงคุณ
5. คนที่คุณเคยทำทุกอย่างเพื่อเขา แต่เขาไม่เคยทำอะไรสักอย่าง เพื่อคุณ
.
.
.
.

แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการ ให้ทาน
แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการ รักษาศีล
แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการ ภาวนา
แล้วแต่เป็นแนวทาง ที่จะทำให้
เราพ้นจากทุกข์ด้วยประการทั้งปวง
.
.
.
.

อย่ารอให้สูญเสีย
แล้วจึงเข้าใจ ว่าอะไรมีค่า
อย่ารอให้จากลา
แล้วค่อยไขว่คว้า หามันคืน
.
.
.
.

ใครจะรู้สึกกับคุณอย่างไร
ก็อย่าไปใส่ใจมาก
หากคุณเอาความสุขของคุณ
ไปผูกติดกับสายตาของคนอื่น
คุณจะหาความสุขได้ยาก
.
.
.
.

โกรธทำไม
เสียสมองเปล่าๆ
ทะเลาะทำไม
เสียเวลาเปล่าๆ
.
.
.
.

ถ้าไม่สู้
เพื่อสิ่งที่ต้องการ
ก็อย่าร้องไห้
กับสิ่งที่ต้องเสียไป
.
.
.
.
เราไม่ได้ทุกข์
เพราะการสูญเสีย
แต่เพราะไม่ยอมรับการสูญเสีย
เราจึงเสียศูนย์
.
.
.
.

ทำใจให้มีสติ
เราทำ เราพูด เราคิด ให้มีสติ
เมื่อมีสติแล้ว
เราจะรู้จักจัดสรรเองว่า
สิ่งที่เราทำนี่เป็น บุญหรือบาป
.
.
.
.

อยู่ในที่มืดมิด
ไม่น่ากลัวเท่าอยู่กับ
ความคิด ที่มืดมน
.
.
.
.
พ่อแม่นี่แหละ
เป็นอะไรทุกอย่างให้เรา
เป็นพระ ของเรา
เป็นพระพรหม ของเรา
เป็นครูคนแรก ของเรา
เป็นผู้ที่เราควรเคารพ กราบไหว้
.
.
.
การโกรธคนอื่นเขา
ก็เท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง
.
.
.
.

คนดีมีปัญญา
ย่อมกล้า ย่อมพร้อม
ที่จะรับความยากทั้งหลาย
เพียงเพื่อจะได้มีโอกาสฝึกตน
.
.
.
.

บางเรื่องรู้แล้วมันทุกข์
อย่ารู้เสียดีกว่า
.
.
.
.

คนเรานั้นคิดว่าความดี
อยู่ที่คำพูด
แต่ความจริงแล้ว
ความดีนั้นอยู่ที่การกระทำ
.
.
.
.

เราสร้างความดีกับใคร
ถึงเขาไม่รู้ เราก็รู้
ในทำนองเดียวกัน
การทำความชั่ว
ถึงเขาไม่รู้ เราก็รู้
.
.
.
.

ล้มหลายครั้ง เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ล้มครั้งหลังๆ
ควรทุกข์ให้น้อยกว่าครั้งแรกๆ
.
.
.
.

มีปัญหาในชีวิต ไปโทษกรรมเก่า
หรือเจ้ากรรมนายเวร
อะไรๆ ก็โทษเขาหมดเลย
ทำไมไม่ดูการกระทำของตัวเองบ้าง
.
.
.
.

อยู่ในที่มืดมิด
ไม่น่ากลัวเท่าอยู่กับ
ความคิด ที่มืดมน
.
.
.
.

ความกลัว
ทำให้เกิดความทุกข์ใจ
เมื่อไม่กลัว
ก็ไม่ต้องทุกข์ใจ
.
.
.
.

พฤติกรรมของเรา
คือ เงาของความคิด
.
.
.
.

ไม่ว่าจะสูญเสียอะไรไป
ก็อย่ามองข้าม
สิ่งดีๆ ที่ยังอยู่กับเรา
.
.
.
.

กิเลสทั้งหมดรวมอยู่ที่จิต
ให้เพ่งมองดูที่จิต
อันไหนเกิดก่อน ให้ละอันนั้นก่อน
.
.
.
.

จะตำหนิติเตียนคน
ก็ต้องดู อย่าให้ตน
มีข้อควรตำหนิเช่นเดียวกัน
มันจะย้อนกลับมาหาตน ก่อนไปหาเขา
.
.
.



อย่าเสียเวลา
แม้สักนาทีเดียว
กับความขุ่นมัว
ในการกระทำของคนอื่น
.
.
.
เราไม่ต้องคำนึงถึง อดีต อนาคต
อดีตล่วงไปแล้ว ดีก็ดีมาแล้ว ชั่วก็ชั่วมาแล้ว
อนาคตก็ยังไม่มาถึง
ทำปัจจุบันนี้ให้ดี อนาคตก็ต้องดี
.
.
.
ชีวิตดีขึ้นได้ด้วย
1. รู้จักขอบคุณ
2. เรียนรู้เข้าใจ
3. ยอมรับปรับตัว
4. ใช้สตินำอารมณ์
5. ไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง
6. ปล่อยวาง
7. หัดเป็นคนธรรมดา
.
.
.

วิธีเปลี่ยนคนอื่น
ที่ดีที่สุด คือ
“เปลี่ยนมุมมองของตัวเราเอง”
.
.
.ชีวิตนี้ไม่มีใคร
ที่ได้สมปรารถนาในทุกเรื่อง
สิ่งสำคัญก็คือ
ชื่นชมสิ่งดีๆ ที่มีอยู่
อย่ามัวหมกมุ่นกับสิ่งที่หายไป
.
.
.
ถ้าคุณไม่กล้าที่จะพลาด
คุณจะไม่มีวันตัดสินใจได้ดี
.
.
.

คิดแต่เรื่องดีๆ
พูดกันแต่เรื่องดีๆ
ทำแต่เรื่องดีๆ
ก็จะไปสู่สถานที่ดีๆ
.
.
.
.

ไม่มีใคร ตัดความโกรธ
ให้ขาดได้หรอก มีแต่รู้ทัน
มันก็ดับไปเอง
.
.
.
.

ตายแล้วไปไหน ไม่ต้องสนใจมัน
แต่ให้สนใจปัจจุบัน ว่าทำตัวดีแค่ไหน
ทำความดีเสียในขณะนี้
ตายแล้วก็จะไปดีเอง
.
.
.
.

อยู่ที่ไหนก็สุขได้
ถ้าใจสงบ
.
.
.
.

การให้อภัย
บ่งบอกความมีจิตใจสูง
เพราะต้องเอาชนะตัวเอง
อยากให้ใครพอใจเรา
ต้องยื่นความพอใจให้เขาก่อน
.
.
.
.

ผู้มีปัญญา
แม้ประสบทุกข์ ก็ยังหาสุขพบ
ผู้ไม่มีปัญญา
มัวแต่จะเป็นทุกข์ ทั้งๆ ที่พบสุข
.
.
.
.
ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด
แค่ทำให้ดีที่สุดในจุดที่ยืน
.
.
.
.
สงบเสียบ้าง
วางเสียบ้าง
ใจก็จะเป็นสุข
.
.
.
.

เราไม่ได้อยู่
เพื่อวันนี้เพียงวันเดียวเท่านั้น
แต่เราอยู่ เพื่อก้าวเดินต่อไป
ในวันข้างหน้า ของทุกๆ วัน
.
.
.
.

ศัตรู ก็คือ ใจของเรานั้นเอง
อยากจะชนะสิ่งใด
จงชนะใจตนเองให้ได้ก่อน
.
.
.
.

ถ้าทำได้ไม่ดี
ไม่ทำดีกว่า
.
.
.
.
เราทุกคน ต้องการเป็นสุข
ต้องการพ้นทุกข์ แต่ไม่ปฏิบัติ
เพื่อความเป็นสุข เพื่อความสิ้นทุกข์
แล้วผลจะเกิดได้อย่างไร
.
.
.
.

ถ้ารู้ว่าตนเป็นที่รัก
ก็ควรรักษาตนนั้นให้ดี
.
.
.
.

การให้อภัย
ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอดีตได้
แต่การให้อภัยนั้น
อาจเปลี่ยนแปลงอนาคตได้
.
.
.
.

คนไม่ว่าชาติไหน เชื้อชาติอะไร
ต่างมีธรรมชาติเหมือนกัน
คือ พัฒนาได้
.
.
.
.


อะไรที่ดีงาม ให้รีบทำเสีย
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง
เมื่อโอกาสที่ทำได้ ผ่านพ้นไป
จะไม่มีโอกาสเช่นนั้นอีก
.
.
.
.

สิ่งที่ ไม่แน่ไม่นอน ที่สุดในโลกนี้
คือ จิตใจมนุษย์
วันนี้คิดอย่าง พรุ่งนี้คิดอีกอย่าง
ใยจึงกลับยึดมั่นถือมั่น
จิตใจของมนุษย์ นำมาเป็นทุกข์กันเล่า
.
.
.
.

ศัตรู ก็คือใจของเรานั้นเอง
อยากจะชนะสิ่งใด
จงชนะใจตนเองให้ได้ก่อน
ชีวิตจะพบกับความสำเร็จได้ไม่ยากเลย
.
.
.
.

คนเห็นแก่ตัว
คือคนที่คิด พูด ทำ
เพื่อประโยชน์ตนทั้งสิ้น
ไม่คำนึงถึงประโยชน์ผู้อื่นเลย
.
.
.
.


ฉลาดทำงาน ไม่จนทางกาย

ฉลาดทำใจ ทุกข์กับใครไม่เป็น
.
.
.
.


“หนักแน่น”
ในเวลาที่ควรหนักแน่น
“อ่อนโยน”
ในเวลาที่ควรอ่อนโยน
ฝึกอย่างนี้ยากมากแต่
“ควรฝึกอย่างยิ่ง”
.
.
.
.

อาฆาตพยาบาทคือ การจองเวร
ไม่ว่าชาติไหน ภพไหน
จักไม่มีวันสิ้นสุด
หนทางเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างหยุด
ก็คือ การอโหสิกรรม
.
.
.
.

สิ่งใด ที่อยู่เหนือการควบคุม
สิ่งนั้น กำลังสอนให้คุณ
รู้จักปล่อยวาง
.
.
.

ถ้าเราตั้งใจ
ข่มใจเอาชนะ ตนเองแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสำเร็จ
.
.
.
.

ศรัทธาที่ถูกต้อง
เกิดจากศึกษาให้รู้
ให้เข้าใจอย่างถูกต้อง
.
.
.
.

ชีวิตมนุษย์ มีขึ้นและมีลง
อะไรมีขึ้นก็ต้องมีลง เป็นกฎธรรมชาติ
ที่อยู่เหนือความควบคุมของมนุษย์
อำนาจ เกียรติยศ ชื่อเสียง
ก็ไม่พ้นกฎธรรมชาตินี้
.
.
.
.

แก้ตัว ช่วยอะไรไม่ได้
แก้ไข ช่วยได้ทุกอย่าง
.
.
.
.

อิฐชีวิตเรา
จะก่อเป็นเรือนจำก็ได้
เจดีย์ก็ได้ มันอยู่ที่เรา
.
.
.
.

อย่าไปว่าคนอื่นเขา
ตัวเรานั้นดีแล้วหรือยัง
ให้หมั่นถามตัวเองไว้เช่นนั้นตลอดเวลา
แล้วจะไม่มีความเดือนร้อนใจ
.
.
.
.

อย่ามัวจดจ่อ
อยู่กับสิ่งแย่ๆ ที่เกิดขึ้น
จนลืมว่า
ชีวิตนี้ ยังมีสิ่งดีๆ อีกมากมาย
.
.
.

ถ้าต้องการความเจริญก้าวหน้า
อย่าอิจฉาคนอื่น
.
.
.
.

ปัญหา
ไม่ได้ทำให้เราทุกข์
การแบกปัญหาต่างหาก
ที่ทำให้เราทุกข์
.
.
.
.

ถ้าเราทำสิ่งใด
ด้วยความเสียสละอย่างแท้จริง
โดยปราศจากผลประโยชน์ของตนเอง
จะเห็นว่า จิตใจของเรา
ผ่องใสเบิกบาน นั่นแหละตัวบุญ
.
.
.
.

มียาดี แต่ไม่กิน
ความเจ็บปวดก็ไม่หาย
คำสอนดีๆ มีให้อ่านมากมาย
ก็คงเปลี่ยนตัวเราไม่ได้
ถ้าไม่ยอมทำตาม
.
.
.
.

ถ้าทำอะไรดีๆ แล้ว
คมมองว่าสร้างภาพ ก็ช่างเขา
อย่างน้อยเราก็ได้ทำดี
ไม่เหมือนเขา ที่แค่คิดดี ยังทำไม่ได้เลย
.
.
.
.

เราอย่าไปจองเวร จองกรรม กับใคร
ส่วนเขาจะสำนึกกับตัวกลับใจได้หรือไม่
ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของ “กรรม”
.
.
.
.

คนเก่งมีมาก
แต่ที่หายาก
คือ คนดี
.
.
.
.

ก่อนที่จะพูดอะไร ให้ถามตัวเองว่า
ที่จะพูดนี้ จำเป็นหรือเปล่า
ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูด
นี่เป็นขั้นต้น ของการอบรมใจ
เพราะถ้าเราควบคุมปากตัวเองไม่ได้
เราจะควบคุมใจได้อย่างไร
.
.
.
.

“ความสุข”
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ความมี
แต่อยู่ที่เราค้นพบว่า
อะไรคือแก่นแท้ ของชีวิต
แล้วอยู่กับสิ่งนั้น ด้วยความรัก
คนนั้นก็คือ คนมีความสุข
.
.
.
.

เราทุกคนต้องการเป็นสุข
ต้องการพ้นทุกข์ แต่ไม่ปฏิบัติ
เพื่อความเป็นสุข เพื่อความสิ้นทุกข์
แล้วผลจะเกิดได้อย่างไร
.
.
.
.

กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย
นิสัยความเคยชินอย่างโลกๆ ลดมันลง
อย่ายอมตามความอยาก
อย่ายอมตามความติดของตน หยุดเป็นทาสมันเสีย
พยายามต่อสู้เอาชนะ อวิชชาให้ได้
ด้วยการบังคับตัวเองเสมอ นี้เรียกว่า ศีล
.
.
.
.

พ่อแม่อยู่บนบ้าน
ต้องทำบุญทุกวัน
คือ ต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ
อย่ามัวแต่ขอไปทำบุญ ๑๐๐ วัน
ซึ่งจะได้บุญน้อยกว่า
.
.
.
.

อย่าคิดว่าเราเป็นคนสำคัญ
ให้ทำตนเป็นแบบปกติ ธรรมดาๆ นี่แหละดีที่สุด
เมื่อเราคิดว่าเราเป็นคนสำคัญแล้ว
เมื่อผู้อื่นไม่ให้ราคาเรา ไม่นับถือ ให้ความสำคัญเราแล้ว
จิตใจเราจะเป็นทุกข์ร้อน
สับสนวุ่นวาย ไปตามกระแสโลกธรรม
.
.
.
.

การทำบุญ
ไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์สินเงินทอง
ก็สามารถที่จะร่วมทำบุญได้
แถมยังประหยัดอีกด้วย
นั้นคือ…การรักษาศีล
และการเจริญภาวนา
.
.
.

อย่าฝากชีวิต ไว้กับโชคชะตา
แต่จงฝาก ไว้กับปัญญา ของตนเอง
.
.
.
.

ถ้าเราทำผิด
อย่าหาข้ออ้างมาแก้ตัว
แต่จงหาวิธีแก้ไข
เพือทีจะได้ไม่ทำผิดเช่นนั้นอีก
.
.
.
.

ลูกหลานเอ๋ย การทำหน้าที่
คือ การปฏิบัติธรรม
จงทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
อย่าได้ทุจริตต่อหน้าที่เลย
.
.
.
.

เมื่อมา ก็มาตัวเปล่า
เมื่อไป ก็ไปตัวเปล่า
ให้เร่งสร้างความดีงาม
เพราะความดีงามเท่านั้นทีคงอยู่
.
.
.
.

“คนดีของฉันรึ”
จะต้องเป็นคนที่ไม่พูดปด
ไม่สอพลอ ไม่อิจฉาริษยา ไม่คดโกง
และไม่มีความทะเยอทะยาน อย่างบ้าๆ
แต่พยายาม ทำหน้าที่ของตนเองให้ดี
ในขอบเขตของศีลธรรม
.
.
.
.

อะไรที่ดีงามให้รีบทำเสีย
อย่าผัดวันประกันพรุ่ง
เมื่อโอกาสที่ทำได้ผ่านพ้นไป
จะไม่มีโอกาสเช่นนั้นอีก
.
.
.
.

“ทุกข์” ที่เกิดขึ้นกับเธอในครั้งนี้
ใครทำ ไม่ใช่เธอทำเองหรือ
เพราะความรัก ความยึดมั่นในสิ่งรัก
จึงทำให้ทุกข์ มีรักที่ไหน มีทุกข์ที่นั่น
.
.
.
.
.

“ผู้ที่มีความพอแล้ว”
ย่อมมีความพอใจในภาวะ และฐานะของตนเอง
จนกระทั่งไม่เห็นความสำคัญที่จะต้อง
นำตนไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น
.
.
.
.

ไม่ต้องสงสัยว่า ชาติหน้ามีหรือไม่มี
ไม่ต้องไปถามว่า คนตายแล้วจะเกิดหรือไม่เกิด
อันนั้นมันไม่ใช่ปัญหา มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา
หน้าที่ของเรา คือ
“เราต้องรู้จักเรื่องราวของตัวเองในปัจจุบัน
เราต้องรู้ว่า เรามีทุกข์ไหม ถ้าทุกข์ มันทุกข์เพราะอะไร”
.
.
.
.

ผู้ที่เพ่งแต่โทษผู้อื่น
ไม่เพ่งโทษตนเอง
ย่อมไม่เห็นโทษของตนเอง
ย่อมไม่เห็นความบกพร่อง
ที่จะต้องแก้ไขให้ดีขึ้น
.
.
.
.

โลกนี้คนทุกคนเท่ากันไม่ได้
มันต้องมีคนมั่งมี ต้องมีคนยากจน
มีคนโง่ มีคนฉลาด มีคนแข็งแรง มีคนอ่อนแอ
เราจะปรับให้มันเท่ากันไม่ได้หรอก
“แต่ว่าเราปรับทางจิตใจกันได้
ปรับจิตใจให้โอนอ่อนเข้าหากัน
ผ่อนสั้น ผ่อนยาว เข้าหากัน
ไม่อยู่กันด้วยน้ำใจเหี้ยมเกรียม”
.
.
.
.

มีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องรู้สึกว่า
เราดี เด่น ดัง อะไรลย
เพียงแต่รู้สึกว่า
เป็นผู้มีประโยชน์ที่สุดคนหนึ่ง
นั้นแหละถูกต้องและเป็นสุขแท้
.
.
.
.

“ความจริง”
ก็เหมือนดวงอาทิตย์
ถึงจะหลบหลีกได้
ก็แค่ช่วงเวลาหนึ่ง
เพราะมันไม่มีทางจากไปไหน
.
.
.
.

บ่อยครั้ง
เรามักเผลอเอา สายตาของคนอื่น
มาเป็นเครื่องวัด คุณค่าของเราเอง
.
.
.
.

จะรู้ไปทำไม กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
รู้แล้วได้ประโชยน์อะไร
เรื่องของตัวเอง ทำไมไม่อยากรู้
ทำไมอยากรู้เรื่องของคนอื่น
.
.
.
.

“ความแตกต่าง”
ไม่ใช่สาเหตุของ ความแตกแยก
จิตใจที่คับแคบ ต่างหาก
ที่เป็นเหตุ
.
.
.
.

ในเมื่อพรุ่งนี้
เป็นสิ่งไม่แน่นอน
จึงควรมองว่า
“วันนี้เป็นสิ่งที่มีค่ามาก”

ชีวิตนี้ไม่มีใคร
ที่ได้สมปรารถนาในทุกเรื่อง
สิ่งสำคัญก็คือ
“ชื่นชมสิ่งดีๆ ที่มีอยู่
อย่ามัวหมกมุ่น กับสิ่งที่หายไป”
.
.
.
.

แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการให้ทาน
แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการรักษาศีล
แม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการภาวนา
ก็ล้วนแล้วแต่เป็นแนวทาง
ที่จะทำให้เราพ้นจากทุกข์ ด้วยประการทั้งปวง
.
.
.
.

โกรธคนอื่น
ก็เหมือน จุดไฟเผาตนเอง
.
.
.
.

ชีวิตจะเป็นอย่างไร
รุ่งโรจน์ หรือร่วงโรย
ขึ้นสูง หรือต่ำลง
สำคัญอยู่ที่เรา
บรรจุอะไรลงไป
ในใจเราเอง
.
.
.
.

ความทุกข์ที่ผ่านเข้ามา
ก็เหมือนกับกระดาษทราย
ทำหน้าที่เจียระไนให้ชีวิตของเรา
“ลงตัวอย่างงดงาม”
.
.
.
.

ทำบุญกับพระ ที่ไหนๆ
ก็ต้องไม่ลืมพระที่บ้าน
พ่อแม่เรานี่แหละ
อย่ามองข้ามท่านไป
.
.
.
.

การจะเป็น คนดี
มันสำคัญ อยู่ที่เราทำ
ไม่ใช่ อยู่ที่ใครมอง
ชีวิต ไม่มีวันตกต่ำ
ถ้ามีความกตัญญูรู้คุณคน
.
.
.
.

“พอ” เป็นสิ่งหายากในหมู่คนโลภ
“นิ่ง” เป็นสิ่งหายากในหมู่คนโกรธ
“หยุด” เป็นสิ่งหายากในหมู่คนหลง
“ธรรมะ” เท่านั้นที่ช่วยท่านได้
.
.
.
.

ถอยไปเป็นเด็กบ้าง
ในทางจิตใจ
มันก็ดีเหมือนกัน
เป็นเด็กก็คือ
ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น
ในเรื่องอะไรต่างๆ
.
.
.
.

ทำบุญกับพ่อแม่
ผู้เป็นพระอรหันต์ในบ้าน การทำบุญแบบนี้
จะได้อนิสงส์ทันตาเห็น ในชาติปัจจุบัน
.
.
.
.

ทำดีตอนที่มีโอกาส
ดีกว่าไม่มีโอกาสได้ทำดี
ความดีจะรักษา…คุ้มครองเราเอง
.
.
.
.

ต้นไม้ใหญ่ทุกต้น
เคยเป็นเมล็ดที่เล็กที่สุด
จงอย่าท้อใจ
หากเรากำลังเริ่มต้น
‘นับหนึ่ง’
.
.
.
.

“คนชั่ว” คอยแต่จะโฆษณาความชั่วของผู้อื่น
เพราะเขา รู้จักแต่ความชั่วของผู้อื่น
ไม่รู้จักความดีของใคร
.
.
.
.

อย่าหยุดตัวเอง
ไว้กับความทุกข์
คุณมีสิทธิ์ที่จะมีความสุข
ไม่น้อยไปกว่าคนอื่น
.
.
.
.

ธรรมะ
สอนให้ดูตัวเอง ระวังตัวเอง
จะได้เห็นความบกพร่องของตน
แล้วแก้ไขตัวเองไปเรื่อยๆ
จนสมบูรณ์ให้ได้
.
.
.
.

ที่สุดของคน คือ
การเป็นคนธรรมดา
ที่มีความสุข
.
.
.
.

“คนดี” อยู่ที่เรานี่แหละ
ถ้าเราไม่ดี จะอยู่ที่ไหน กับใคร
มันก็ ไม่ดี ทั้งนั้น
.
.
.

“ความทุกข์”
เข้ามา เพื่อให้เราเรียนรู้ ไม่ใช่ แบกรับ
.
.
.
.

ไม่มีใคร แบกความสำเร็จมาขาย
ไม่มีใครตาย เพราะความมุ่งมั่น
ไม่มีใครชนะ โดยไม่ฝ่าฟัน
“ถ้าเรา ไม่ยอมแพ้ ความฝันนั้นอยู่ไม่ไกล”
.
.
.
.

ยามท้อแท้ ไม่เหลืออะไร
ต้องให้กำลังใจ ตัวเราเอง
.
.
.
.

แค่..ไม่ยึดติดอะไร
ใจ..มันก็เป็นอิสระแล้ว
แค่วางลงได้ สิ่งที่เคยหนักใจ
“มันก็จะหายไป”
.
.
.
.

ความไร้สติ ความโง่
ความขี้เกียจ ความไม่อดทน
ความไม่เข้มแข็ง ความเห็นแก่ตัว
ความไม่จริงจังในหน้าที่
ความงมงายในไสยศาสตร์
ล้วนอยู่ในคำว่า
“ประมาท”
.
.
.
.

เราอย่าไปจองเวร จองกรรม กับใคร
ส่วนเขาจะสำนึกกับตัวกลับใจได้หรือไม่
ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของ “กรรม”
.
.
.
.

สิ่งใด ที่ผ่านไปแล้ว อย่าได้เอามาทำร้ายจิตใจ
ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี ถ้าเรายังเอาเรื่องเก่า
มาทำร้ายดวงจิตของเรา อยู่ตลอดเวลา
มันก็ไม่ต่างอะไรกับ “ตายทั้งเป็น”
.
.
.
.

ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับ คุณได้รับอะไรมา
แต่ขึ้นอยู่กับคุณ ปล่อยวางอะไร
.
.
.
.

เราทำดี พูดดี คนอื่นเขาว่าเราทำไม่ดี ก็ไม่เป็นไร
เมื่อเราทำดีแล้ว คนอื่นว่าไม่ดี มันก็เป็นเรื่องของเขา
ความดีมันอยู่ที่ตัวเรา ไม่ใช่คนอื่น
.
.
.
.


จงมีสติ เมื่อเจอกับมรสุมชีวิต
จงใช้ความคิด เมื่อเจอกับปัญหา
จงเอาชนะอุปสรรคทั้งหมด ด้วยปัญญา
และจงจำไว้ว่า ทุกปัญหา อย่าใช้อารมณ์
.
.
.

อย่าเหยียบคนตกต่ำ
อย่าย่ำคนล้ม
อย่าทับถมคนผิดหวัง
อย่าซ้ำคนอ่อนแอ
สักวัน เราอาจจะแย่ยิ่งกว่าเขาก็ได้
.
.
.
.

เวลาใครบางคน
“ทำร้ายคุณลับหลัง”
เขากำลังสอนคุณ
ว่า “อย่าไว้ใจใครไม่เลือกหน้า
ต้องใช้เวลาดูให้นานพอ”
.
.
.
.

คนที่มีศรัทธา เชื่อเรื่องกรรม
เขาจะดำเนินชีวิต ด้วยความสุจริต
แม้มีโอกาสทำชั่ว ก็จะไม่ทำ
และเป็นผู้มีความเจริญ ทั้งปัจจุบันและอนาคต
.
.
.
.

พูดกับคุณแม่   ให้พูดแบบออดอ้อน น่ารัก
พูดกับคุณพ่อ   ให้พูดแบบอ่อนน้อม
พูดกับพี่ชาย น้องชาย   ให้พูดแบบใส่ใจ
พูดกับพี่สาว น้องสาว   ให้พูดแบบเข้าใจ
พูดกับเด็ก   ให้พูดแบบกระตือรือร้น
พูดกับญาติ   ให้พูดแบบสนิทสนม
พูดกับเพื่อน   ให้พูดแบบสนุกสนาน
พูดกับเจ้าหน้าที่   ให้พูดแบบสุภาพ
พูดกับคู่ค้า   ให้พูดแบบจริงใจ
พูดกับลูกค้า   ให้พูดอย่างตรงไปตรงมา
พูดกับพนักงาน   ให้พูดแบบพึ่งพากัน
พูดกับนักการเมือง   ให้พูดแบบระมัดระวัง
พูดกับพระกับเจ้า   ให้พูดแบบสงบเสงี่ยมเจียมตน
.
.
.
.

การจะทำใจ ให้เป็นสุขผ่องใสนั้นไม่มีใครจะทำให้ใครได้
เจ้าตัวต้องทำของตัวเองวิธีทำก็คือ เมื่อเกิดโลภ โกรธ หลง
ขึ้นเมื่อใดให้พยายามมีสติรู้ให้เร็วที่สุดและใช้ปัญญายับยั้งให้ทันท่วงที
อย่าปล่อยให้ช้าเพราะจะเหมือนไฟไหม้บ้าน
ยิ่งดับช้า ก็ยิ่งดับยากและเสียหายมาก โดยไม่จำเป็น
.
.
.
.

.
.
.
.

.
.
.
.

เหตุผลที่เรายังมีชีวิตอยู่บางครั้ง
อาจจะไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อผู้อื่น
ซึ่งบางทีอาจไม่จำเป็นต้องเป็นคนอื่นที่เรารู้จักก็ได้
.
.
.
.

“ความกังวล”
ไม่ได้ช่วยหยุดสิ่งเลวร้าย
ให้มันไม่เกิดขึ้น
แต่มันเป็นตัวขัดขวางไม่ให้คุณ
ได้สัมผัสกับสิ่งดีๆ ต่างหาก

ถ้าเราถือศีล 5 ทุกวัน
ทำในรูปแบบ สร้างพลังของสมาธิ
แล้วเจริญสติ เจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน
มรรคผล นิพพานไม่ไปไหนหรอก
สักวันมันก็ถึง

ก่อนที่จะรักใคร เราต้องรักตัวเองให้มาก
เราไม่ชอบการทำตัวเองเป็นวงกลมที่ขาดหาย
ใช้ชีวิตไปวันๆ รอคนมาเติมเต็ม แล้ววันหนึ่ง
วงกลมจะเต็มวง ไม่มีทาง ถ้าเราเติมตัวเองไม่เต็ม
เราก็จะลอยอยู่อย่างนั้น เราไม่ใช่คนสวยเลย
ไม่ใช่คนที่เก่งอะไรสักอย่าง สิ่งเดียวที่เรา
กล้าพูดว่าเรามีดีคือ เรารู้ว่าเราเป็นใคร
ต้องการอะไร กำลังจะไปไหน
ตัวตนของเราชัดมาก
เราไม่ต้องไปเอาใครมาเติมเต็ม
.
.
.
.

การที่เราจะมีชีวิตคู่
ต้องพาชีวิตเราไปในทางที่ดีขึ้น
ไม่ใช่ว่าพาต่ำลง ถ้ามีแล้วมันต่ำลง
เราอยู่คนเดียวดีกว่าไหม ถ้ามีใครเข้ามาแล้ว
ทำให้เรานั่งทำงานไป ร้องไห้ไป เก้าว่ามันไม่เวิร์ค
.
.
.
.

เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตคนเดียวบ้าง
เพราะความจริงของชีวิตก็คือ
เราเกิดมาคนเดียว แล้วก็ตายคนเดียว
เพราะฉะนั้น อย่าเอาความสุขของเรา
ไปฝากไว้กััับใครจนเกินไป
.
.
.
.

ทองคำ วางตรงไหนก็มีค่า
ตัวเราก็เช่นกัน ทำตัวให้มีค่า
ยืนตรงไหนก็มีค่า
.
.
.
.

ถ้าวันนี้ถูกต้อง ก็ไม่ต้องกลัวพรุ่งนี้
.
.
.
.

ผู้ที่หลงผิด มักไม่รู้ว่าตนทำผิด
ผู้ที่หลงถูก ก็คิดแต่ว่าคนอื่นผิด
ผู้ที่หลงดี ก็คิดว่าคนอื่นหาดีไม่ได้
ผู้ที่หลงตัวเอง มักทำตัวเองให้ดูยิ่งใหญ่
ทั้งหมดที่พูดนี้ นำไปสู่หายนะทั้งนั้น
.
.
.
.

“ทำดีได้ดี” นั้นมีแน่
ทำชั่วแต่ได้ดี มีที่ไหน
ที่ทำชั่ว เห็นดีอยู่ จงรู้ไว้
มันเป็นไฟใต้ถ่าน ไม่นานก็ร้อน
.
.
.
.

อยู่เพื่อ พัฒนากรรม
ไม่ใช่อยู่เพื่อ ใช้กรรม
.
.
.
.

“ใจเรานั้นสำคัญที่สุด”
อะไรจะเสียก็ปล่อยให้มันเสียไป
แต่เรา “อย่าเสียกำลังใจ”
เพราะถ้าเราเสียกำลังใจไปแล้ว
ทุกอย่างจะจบลงทันที
.
.
.
.

“เมื่ออยากได้สิ่งที่ดี
ก็ต้องทำแต่สิ่งที่ดี
ให้ตรงกับที่ผลต้องการ
จึงจะได้ดีในชีวิต”
.
.
.
.

ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับผู้อื่น
ทำสิ่งที่ถูกต้องดีงาม
เราจึงคู่ควรกับ “ความสำเร็จ”
.
.
.
.

แม่บอกว่า
ไม่ต้องพยายามกับ “ความรัก” ขนาดนั้น
“ถ้ามันจะใช่ยังไงก็ใช่”
“แล้วถ้าเค้ารักหนู” ได้ซักครึ่งของแม่
“เค้าจะไม่ปล่อยให้หนู”
“พยายามอยู่ฝ่ายเดียว”
.
.
.
.

ถ้า “ความตั้งใจ” ของคุณใหญ่พอ
“ความสำเร็จ” รออยู่ที่ “ปลายทาง”
.
.
.
.

โตขึ้นแล้ว ชีวิตมันก็
ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
ไม่แปลก ที่จะเหลือ
คนที่เข้าใจเราจริงๆ ไม่กี่คน
.
.
.
.

สิ่งที่แย่กว่าไม่มี
คือ “การอยากมี”
สิ่งที่ทุกข์กว่าการไม่มี
คือ “การเคยมีแล้วไม่รักษา”
.
.
.
.

การใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง
อาจจะดูเป็นเรื่องยาก
แต่ที่แน่ๆ…
“ชีวิตมันสั้นเกิน”
จะเป็นคนที่ไม่ต้องการจะเป็น
“จงเป็นตัวของตัวเอง”
.
.
.
.
สิ่งที่ประเสริฐมี 7 อย่าง
1. การได้เกิดมาเป๋นคน
2. การได้ยล ศาสนา
3. การมีกัลยาณมิตร
4. การมีความสุจริต เป็นนิสัย
5. การมีใจ๋ ปราศจากริษยา
6. การมีเวลา ให้บุคลลอันเป็นที่ฮัก
7. การฮู้จัก คำว่า “พอ”
.
.
.
.
“ไม่มีใครในโลกนี้ ทำให้คุณเป็นทุกข์ได้ นอกจากความคิด ของตัวคุณเท่านั้น”
.
.
.
.

การจะทำใจ ให้เป็นสุขผ่องใสนั้น
ไม่มีใครจะทำให้ใครได้ เจ้าตัวต้องทำของตัวเอง
วิธีทำก็คือ เมื่อเกิดโลภ โกรธ หลง ขึ้นเมื่อใด
ให้พยายามมีสติรู้ให้เร็วที่สุด
และใช้ปัญญายับยั้งให้ทันท่วงที อย่าปล่อยให้ช้า
เพราะจะเหมือนไฟไหม้บ้าน ยิ่งดับช้า ก็ยิ่งดับยาก
และเสียหายมาก โดยไม่จำเป็น
.
.
.
.

หน้าที่หลักของ โลภะ
คือสะกดให้รู้สึกว่า
ถึงมีที่ ไม่พอ
หน้าที่หลักของ โลภะ
คือสะกดให้รู้สึกว่า
ถึงมีที่ ไม่พอ
.
.
.
.

“ลูก” เหมือน “หัวใจ”
แต่ “ภรรยา” เหมือน “ลมหายใจ”
.
.
.
.

การรับผิดชอบต่อสังคม เริ่มต้นที่ตัวเรา
ต้องการวางแผนที่ดี มีการปฏิบัติอย่างเต็มที่
และสม่ำเสมอ ปรับความไม่รู้ให้เป็นความรู้
ปรับความรู้ให้เป็นความเข้าใจ ปรับความเข้าใจให้เป็นการตระหนัก
ปรับการตระหนัก ให้เป็นสำนึกรับผิดชอบ
ปรับสำนึกรับผิดชอบ ให้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ
ปรับธรรมเนียมปฏิบัติให้เป็นระเบียบ
และปรับระเบียบให้เป็นวัฒนธรรมอันดีงามของสังคม
.
.
.
.

“หนักแน่น” ในเวลาที่ควรหนักแน่น
“อ่อนโยน” ในเวลาที่ควรอ่อนโยน
ฝึกอย่างนี้ยากมากแต่ “ควรฝึกอย่างยิ่ง”
.
.
.
.
 

ทุกคนมีทางเลือก
ไม่มีใครบังคับเราได้
ถ้าเราชัดเจนพอ
.
.
.
.
“มันน่าแปลก ที่คนเรามักจะ
ชื่นชมคนแปลกหน้าว่ามีน้ำใจ”
ทั้งที่เขาช่วยเหลือเรา

“เพียงครั้งเดียว”

แต่กลับตำหนิคนใกล้ชิดว่าไร้น้ำใจ
ทั้งที่เขาช่วยเหลือเรามาตลอด
แต่ปฏิเสธที่จะช่วยเพียงครั้งเดียว
.
.
.
.

ถ้าแสวงหา “คนจริงใจ”
ขอให้ปลูกฝัง “ความซื่อสัตย์จริงใจ”
ให้เกิดขึ้นในตนเอง
เพราะอย่างน้อยแปลว่า
“ยังมีคุณ 1 คนในโลก
ที่ซื่อสัตย์และจริงใจ”
.
.
.
.

อยู่เพื่อ พัฒนากรรม ไม่ใช่อยู่เพื่อ ใช้กรรม
.
.
.
.

ถ้าวันนี้ถูกต้อง ก็ไม่ต้องกลัวพรุ่งนี้
.
.
.
.

“ทำดีได้ดี” นั้นมีแน่
ทำชั่วแต่ได้ดี มีที่ไหน
ที่ทำชั่ว เห็นดีอยู่ จงรู้ไว้
มันเป็นไฟใต้ถ่าน ไม่นานก็ร้อน
.
.
.
.

“ใจเรานั้นสำคัญที่สุด”
อะไรจะเสียก็ปล่อยให้มันเสียไป
แต่เรา “อย่าเสียกำลังใจ”
เพราะถ้าเราเสียกำลังใจไปแล้ว
ทุกอย่างจะจบลงทันที
.
.
.
.

“เมื่ออยากได้สิ่งที่ดี
ก็ต้องทำแต่สิ่งที่ดี
ให้ตรงกับที่ผลต้องการ
จึงจะได้ดีในชีวิต”
.
.
.
.

ไม่มีใครรวยจากพนัน
.
.
.
.

เราพูดกับเขาเสมอว่า
แม่อย่างทิ้งพ่อนะ
เราเป็นคนคนเดียวกัน
พ่อเป็นร่าง
แม่เป็นหัวใจ
ถ้าวันหนึ่งหัวใจหยุดเต้น
แม่ต้องงคิดว่า
ร่างจะอยู่อย่างไร
.
.
.
.

เมื่อมีกันอยู่
ดูแลรักษากันไว้ให้ดี
เพราะเมื่อต้องจาก
ต่อให้เรา ยอมแลกทุกอย่าง
ก็ไม่มีวันกลับมาได้
.
.
.
.

ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับผู้อื่น
ทำสิ่งที่ถูกต้องดีงาม
เราจึงคู่ควรกับ “ความสำเร็จ”
.
.
.
.

แม่บอกว่า
ไม่ต้องพยายามกับ “ความรัก” ขนาดนั้น
“ถ้ามันจะใช่ยังไงก็ใช่”
“แล้วถ้าเค้ารักหนู” ได้ซักครึ่งของแม่
“เค้าจะไม่ปล่อยให้หนู”
“พยายามอยู่ฝ่ายเดียว”
.
.
.
.
 

ถ้า “ความตั้งใจ” ของคุณใหญ่พอ
“ความสำเร็จ” รออยู่ที่ “ปลายทาง”
.
.
.
.

เราต้องยอมรับให้ได้
ถ้าเรายอมรับ
ธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้
เราก็จะเดินผ่านมันไปได้
มันไม่มีอะไร
ยากเกินกว่า
ที่จะเข้าใจมัน
.
.
.
.

ขึ้นชื่อว่า “ความรัก” แล้ว
มันก็ต้องเป็นเรื่องที่
“ซับซ้อนบ้างในบางเวลา”
.
.
.
.

โตขึ้นแล้ว ชีวิตมันก็
ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
ไม่แปลก ที่จะเหลือ
คนที่เข้าใจเราจริงๆ ไม่กี่คน
.
.
.
.

“ไมีมีใครเหมือนกันและเราก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงเขาได้
ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุด เราควรยอมรับในความแตกต่างของกันและกัน”
.
.
.
.

สิ่งที่แย่กว่าไม่มี คือ “การอยากมี”
สิ่งที่ทุกข์กว่าการไม่มี คือ “การเคยมีแล้วไม่รักษา”
.
.
.
.

ถ้า “ไม่เก่ง” ไม่เป็นไร
จงทำตัวให้ “เป็นที่รัก”
ถ้าทำตัวให้ “เป็นที่รักไม่ได้”
ให้คงไว้ซึ่ง “ความซื่อสัตย์”
ถ้าไม่เหลือแม้แต่
ความซื่อสัตย์สุจริต
ชีวิตคุณจะไม่เหลืออะไร
.
.
.
.

พายุอาจมาเป็นบางเวลา
พระอาทิตย์จะคงอยู่ “ทุกเวลา”
ปัญหาผ่านเข้ามาและผ่านไปดังพายุ
“เพื่อนแท้” ก็เคียงข้างเราดังพระอาทิตย์เช่นกัน
.
.
.
.

การจริงใจกับใคร
เขาจะจริงใจกลับมานั้น ไม่จริงเสมอไป
แต่ถ้าเราไม่เก็บมาแค้นและอภัย
เราจะหมดกรรมต่อกัน
.
.
.
.

เขาทำอย่างนั้น แปลว่าอะไร
เขาไม่ทำอย่างนั้น แปลว่าอะไร
เขาพูดอย่างนั้น แปลว่าอะไร
เขาเงียบอย่างนั้น แปลว่าอะไร
เขาหน้าตาเฉยอย่างนั้น แปลว่าอะไร
เป็นนักแปลอย่างนี้ เหนื่อยมาก
.
.
.
.

“ความสุข”
อยู่ในความสะดวกสบายเล็กๆ
หรือความรื่นรมย์น้อยๆ
ที่เกิดขึ้นในทุกวัน
มากกว่าโชคดีก้อนใหญ่ที่นานๆ จะมาที
.
.
.
.

“ความกังวล”
ไม่ได้ช่วยหยุดสิ่งเลวร้าย
ให้มันไม่เกิดขึ้น
แต่มันเป็นตัวขัดขวางไม่ให้คุณ
ได้สัมผัสกับสิ่งดีๆ ต่างหาก
.
.
.
.

สติ จะเปลี่ยน “ความวุ่น” ให้เป็น “ความว่าง”
เมตตา จะเปลี่ยน “ความแคบ” ให้เป็น “ความกว้าง”
ปัญญา จะเปลี่ยน “ความมืด” ให้เป็น “ความสว่าง”
รัก จะเปลี่ยน “ความอ้างว้าง” ให้เป็น “หนึ่งเดียว”
.
.
.
.
หนทางเดียวที่จะยืนยันความพ่ายแพ้
คือ “การถอนตัว”
.
.
.
.

ถ้าคุณเป็นคนดี
เวลาจะพาคนไม่ดี ออกจากชีวิตคุณเอง
ถ้าคุณเป็นคนไม่ดี
เวลาก็จะพาคนดีๆ ออกจากชีวิตคุณ
.
.
.
.
อย่าให้ใครรู้จุดอ่อนของเรา
โดยไม่จำเป็น เพราะคนใจร้าย
บนโลกนี้มีเยอะ
.
.
.
.

สิ่งที่แย่ที่สุด ของการที่
คนอื่นไม่รู้ว่าเราดีอย่างไร
คือตัวเราเองไม่รู้ว่า เรามีดี อย่างไร
.
.
.
.

คนที่มีความสุขที่สุด
ไม่ใช่คนที่ “สมหวัง” อยู่เสมอ
แต่เป็นคนที่เมื่อ “ผิดหวัง”
แล้วสามารถปล่อยวางได้เร็วที่สุ
.
.
.
.

อย่าฝืนทำอะไร ถ้ามันไม่ใช่ตัวเรา
อย่ารั้งใคร ถ้าได้แค่ตัวแต่ไร้หัวใจ
สุดท้ายจะทำอะไรอย่าหลอกตัวเอง
.
.
.
.

“มันไม่สำคัญถ้าใครจะมองเรา
เจ๋งหรือไม่เจ๋ง สำคัญที่เราได้ทำ
อย่างที่เรา อยากทำ ต่างหาก”
.
.
.
.
 
เมื่อก่อนเป็นคนแรงๆตรงๆ เพราะคิดว่านั้นคือ
การแสดงถึงการเป็นตัวของตัวเอง
โตขึ้นจึงรู้ว่า
พฤติกรรมเหล่านั้นโง่เขลา และบ่งบอกถึง
การควบคุมตัวเองไม่เป็น ไร้ซึ่งศิลปะของการสื่อสาร
.
.
.
.
 
 การใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง
อาจจะดูเป็นเรื่องยาก
แต่ที่แน่ๆ การใช้ชีวิต
ตามมาตราฐานของผู้อื่น
นั้นยากกว่า
.
.
.
.
 ที่ชอบอยู่กับเด็กเพราะ เด็กอยู่กับปัจจุบัน
สนใจสิ่งรอบตัวและช่างจินตนาการ
ไม่สูญเสียพลังงานไปกับอดีต
และไร้ความกังวลกับอนาคต
.
.
.
.

เวลาไม่มีเงิน
ขอให้ขยันทำงาน เงินก็มา
อันนี้เรียกว่า สวรรค์ประทานรางวัล
ให้ความขยัน
.
.
.
.
“การปฏิบัติกับคน”
 สัตย์ซื่อต่อผู้คน
ถือเป็นความน่าเชื่อถือ
.
.
.
.

“ความเที่ยงตรง”
รักษาความเที่ยงธรรม ดั่งเช่นดอกบัว
ที่หอมใสสะอาดขจรไกล
ถือเป็นความเที่ยงธรรม
.
.
.
.

“ผลประโยชน์”
มี​ 6 ส่วน แต่เอาเพียง 4 ส่วน
ถือเป็นคุณธรรม
.
.
.
.

“การงาน”
เรื่องใหญ่ให้จริงจัง
เรื่องเล็กที่ไม่สำคัญอย่าใส่ใจ
ถือเป็นปัญญา
.
.
.
.

“การเป็นคน”
เหนือเรา ให้นบน้อม
ใต้เรา อย่าดูหมิ่นถือเป็น​
ธรรมเนียมปฏิบัติ
.
.
.
.

หากชีวิตเรา ถือบุญคุณ
เป็นจุดมุ่งหมาย
ชีวิตนั้นมีแต่ใจเมตตา
.
.
.
.

หากชีวิตเรา ถือความพอเพียง เป็นจุดมุ่งหมาย
ชีวิตนั้นมีแต่ความสุข
.
.
.
.

หากชีวิตเรา ถือความเอื้อเฟื้อใจกว้าง
เป็นจุดมุ่งหมาย
ชีวิตนั้นมีแต่ความโชคดีมีสุข
.
.
.
.

หากชีวิตเรา ถือการแข่งขัน
เป็นจุดมุ่งหมาย
ชีวิตนั้นมีแต่ความตกต่ำ
.
.
.
.

หากชีวิตเรา ถือความรัก
เป็นจุดมุ่งหมาย
ชีวิตนั้นมีแต่ความเจ็บปวด
.
.
.
.

หากชีวิตเรา ถือบุตรธิดา
เป็นจุดมุ่งหมาย
ชีวิตนั้นมีแต่ความเหนื่อยล้า
.
.
.
.

หากชีวิตเรา ถือเงินทอง
เป็นจุดมุ่งหมาย
ชีวิตนั้นมีแต่ความยากลำบาก
.
.
.
.


คำพูดก็เปรียบเหมือนรูปถ่าย
สร้างขึ้นง่าย แต่จางหายยาก
ดังนั้น “จงคิดก่อนพูด”
.
.
.
.

ถ้าทำอะไรดีๆ แล้วคนมองว่า
“สร้างภาพ” ก็ช่างเขา
อย่างน้อยเราก็ได้ “ทำดี”
ไม่เหมือนกับเขา
ที่แค่ “คิดดี” ยังทำไม่ได้เลย
.
.
.
.

การมีชีวิตอยู่อย่างคนธรรมดา
แต่ถูกต้องอย่างมีคุณค่า
ดีกว่ารวยล้นฟ้าแต่ขาดคุณค่า
ของความเป็นคน
.
.
.
.

คน 5 แบบที่คุณควร “ลืม”
1. คนที่คุณ ให้ความสำคัญกับเขาเป็น อันดับแรก
แต่เขาให้ความสำคัญกับคุณเป็น อันดับสุดท้าย
2. คนที่คุณ พยายามอยู่ในชีวิตเขา
แต่เขาไม่เคยพยายามอยู่ในชีวิตคุณ
3. คนที่คุณ มองเขาพิเศษกว่าคนอื่นๆ
แต่เขามองคนอื่นๆ พิเศษกว่าคุณ
4. คนที่คุณภูมิใจมาก เมื่อพูดถึงเขา
แต่เขาไม่เคยภูมิใจ เมื่อพูดถึงคุณ
5. คนที่คุณยอมทำทุกอย่าง เพื่อเขา
แต่เขาไม่เคยทำอะไรสักอย่าง เพื่อคุณ
.
.
.
.

หากคิดดูดีๆ จุดเริ่มต้นของความทุกข์ มันอยู่ที่เราของเรานั้นแหละ
.
.
.
.

อย่าไปว่าคนอื่นเขา
ตัวเรานั้นดีแล้วหรือยัง
ให้หมั่นถามตัวเองไว้เช่นนั้นตลอดเวลา
แล้วจะไม่มีความเดือดร้อนใจ
.
.
.
.

การจริงใจกับใคร
เขาจะจริงใจกลับมานั้น ไม่จริงเสมอไป
แต่ถ้าเราไม่เก็บมาแค้นและอภัย
เราจะหมดกรรมต่อกัน
.
.
.
.

ความซึมเศร้าเป็นบทลงโทษ
สำหรับคนที่เอาช่วงสมองดีที่สุดของวัน
ไปใช้ในการคิดเรื่องแย่ที่สุดของชีวิต
.
.
.
.

คนเราต้องรู้จักให้ก่อน
แล้วสิ่งดีๆในชีวิตจะตามมา
.
.
.
.

เจอ “คนดี” ให้เรียนรู้จากเขา
และพาตัวไปอยู่ใกล้ๆ บ่อยๆ
เจอ “คนไม่ดี” ก็ให้เรียนรู้จากเขา
และพาตัวไปอยู่ไกลๆ ห่างๆ
.
.
.
.


ผมไม่ได้ล้มเหลว
เพียงแค่ค้นพบ
10,000 วิธี ที่ใช้ไม่ได้
.
.
.
.

มองปัญหาให้เหมือนเม็ดทราย
ถึงจะเยอะมากมาย
แต่ทรายก็เม็ดเล็กนิดเดียว
.
.
.
.
ทุกวันนี้ สิ่งที่เรารู้ได้ในแต่ละวัน มีมาก
เปรียบเหมือนใบไม้ในป่า ได้เหมือนกัน
แต่สิ่งที่เราควรจะใส่ใจ
เพื่อประโยชน์จริง ในชีวิตเรา
มีไม่ถึง หนึ่งกำมือ
เวลามีจำกัด สมองมีจำกัด
เราจึงต้องเลือก สิ่งที่เราจะหยิบขึ้นมารู้ ให้ดี
.
.
.
.

จงทำความดี
แต่ไม่ต้องไปหวัง ความดี จากใคร
จงเป็นคนมีน้ำใจ
แต่ไม่ต้องไปหวัง ความมีน้ำใจ จากใคร
แล้วเราจะมีแต่ได้กับได้
.
.
.
.


อิฐชีวิตเรา จะก่อเป็นเรือนจำก็ได้ เจดีย์ก็ได้ มันอยู่ที่เรา
.
.
.
.

ถ้าเราไม่ยอมมองใครเป็น “ศัตรู” เราก็กลายเป็นคน “ไม่มีศัตรู”
.
.
.
.

“โดดเดี่ยว” กักบริเวณตัวเอง ด้วยคุกที่คิดขึ้นเอง
“โกรธ” ใช้ความผิดของคนอื่น มาลงโทษตัวเอง
“กลุ้ม” ใช้ความผิดของตัวเอง มาลงโทษตัวเอง
“กังวล” ใช้ภัยที่จินตนาการขึ้นมา เอามาหลอกให้ตัวเองกลัว
“รู้สึกว่ามีปมด้วย” ใช้สิ่งที่คนอื่นเหนือกว่า มาทำร้ายตัวเอง
“เสียใจภายหลัง” เอาเรื่องที่ผ่านไปแล้วที่แก้ไขไม่ได้ มาทรมานตัวเอง
.
.
.
.


คุยกับใครแล้วไม่สบายใจ “อย่าคุย”
ไปไหนแล้วไม่สบายใจ “อย่าไป”
รู้ว่าใครไม่หวังดี “อย่าคบ
.
.
.
.

ทุกข์ในวันนี้เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
เหมือนทุกข์ที่เคยผ่านมา
.
.
.
.
 

ทุกคนบนโลกนี้
ต่างมีมุมที่ “น่าอิจฉาและน่าสงสาร”
ตามช่วงเวลาและวาสนาแตกต่างกันไป
อย่าเอา “ช่วงที่เราทุกข์”
ไปเทียบกับ “ช่วงที่เขาสุข”
เพราะมันคือการเพิ่มทุกข์ในใจเรา
.
.
.
.


ความคิดเห็นของคนอื่น
ไม่จำเป็นต้องกลายเป็น ความจริงของเรา
ถ้าต้องโอนเอียงไปตามมาตรฐานชีวิตของคนอื่น
เราจะใช้ชีวิตลำบาก
.
.
.
.

ถ้าใจเราคิดดี ก็จะเจอแต่สิ่งดีๆ
ถ้าเรามองในทางทีดี ใจเราก็จะรู้สึกดี
ถ้ากำลังใจดี สิ่งเลวร้าย
ก็จะคลี่คลายเป็นดี
.
.
.
.


คืนใดมืดที่สุด
จะเห็นดาวชัดที่สุด
วันใดที่ทุกข์ที่สุด
วันนั้นจะเห็นว่า
“ใครรักเราที่สุด”
.
.
.
.

จงก้าวต่อไปข้างหน้า ถึงแม้จะช้า แต่ก็ดีกว่าถอยหลัง
.
.
.
.ความสำเร็จ ไม่ได้มาจากการที่เราไม่เคยล้ม แต่มาจากการ ลุกขึ้นยืนได้ทุกครั้งที่ล้ม
.
.
.
.ไม่มีอาชีพไหน เป็นงานที่ต่ำต้อย จะมีก็เพียงแต่ ทัศนคติเท่านั้นที่ต้อยต่ำ
.
.
.
.

ถ้าเรามีความสุขกับอะไรที่มี
เราก็จะไม่ทุกข์กับอะไรที่ขาด
และนอกจากจะขอบคุณสิ่งที่มีแล้ว
เราต้องขอบคุณสิ่งที่ไม่มีด้วย
เพราะสิ่งที่แย่กว่าสิ่งที่ไม่มี คือ “สิ่งที่เคยมี”
.
.
.
.

ไม่มีใครถูกใจใคร ไปหมดทุกอย่าง จงรักกันใน “ข้อดี” และ “ให้อภัย” ในข้อเสียของกันและกัน
.
.
.
.

คนอื่นไม่มีทางรู้หรอกว่า
คุณต้องกระพือปีกกว่ากี่หมื่นครั้ง
กว่าที่จะบินขึ้นมาสูงขนาดนี้
“อย่าให้ใครมาตัดสินคุณ”
.
.
.
.
“ไม่ว่าชีวิตจะยากลำบากแค่ไหน จะมีเรื่องนึงที่คุณทำได้ และทำได้ดี”
.
.
.
.
สิ่งที่เราต้องทำ “ให้ดีที่สุด” ในเวลาที่ทุกข์คือ “อดทน”
.
.
.
.
ที่สุดของความรักไม่ใช่การแต่งงาน
เพราะหลายคู่สมหวังได้แต่งงาน
แต่กลับผิดหวังในชีวิตคู่ ดังนั้นแล้ว
ที่สุดของความรักคือการเป็น
“กัลยาณมิตร ให้กันตลอดไป”
.
.
.
.
น้ำตา วัดค่าความเสียใจ
แต่น้ำใจ วัดค่าความเป็นคน
.
.
.
.
ทำดี อย่าหวังผล ถ้าเข้าใจข้อนี้ เราก็จะ ไม่ทุกข์ โดยไม่จำเป็น
.
.
.
.
“ชีวิตเรานั้นเก็บไว้ทุกอย่างไม่ได้หรอก
อะไรตัดได้ก็ตัด อะไรลืมได้ก็ลืม
อะไรปล่อยวางได้ก็ปล่อย เก็บแค่เรื่องที่ดี
บทเรียนที่ดี คนที่ดี และสิ่งที่สำคัญก็พอแล้ว”
.
.
.
.
“ฝนตกลงมาทีละหยาดๆ ก็ย่อมทำภาชนะที่รองน้ำให้เต็มได้
การทำบุญแม้ทีละน้อยๆ ก็ย่อมทำให้บุญเต็มขึ้นมาได้”
.
.
.
.
โลกนี้เต็มไปด้วย “อันตราย”
ไม่ใช่เพราะมีคนทำสิ่งชั่วร้าย
แต่เป็นเพราะมีคนยืนดูเฉยๆ
และปล่อยให้มีการทำสิ่งชั่วร้าย
.
.
.
.
การมีเพื่อนดี เป็นมงคลชีวิต
.
.
.
.
แม้เขาจะเป็นคนผลักคุณล้ม แต่ความรับผิดชอบหลัก ในการลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้งคือ “ตัวคุณ”
.
.
.
.
ชีวิตจะมีความสุข ถ้ารู้ว่าใครที่ควรมองข้าม ใครที่ควรใส่ใจ
.
.
.
.
“บางครั้ง เราต้องแยกให้ออกว่า การใช้ชีวิตของเรา ทำให้เราอยู่ยาก หรือคนที่ใช้ชีวิตร่วม ทำให้เราอยู่ยาก”
.
.
.
.
ผ่านมาแล้ว ช่างมัน ทำตอนนี้ ให้ดีที่สุดก็พอ
.
.
.
.
มีเพื่อนเยอะ ไม่สำคัญเท่า มีเพื่อนดี
.
.
.
.
ความสำเร็จไม่ใช่สิ่งสุดท้าย ความผิดพลาดก็ไม่ใช่ว่าชีวิตจะล้มเหลว
สิ่งสำคัญคือ ความกล้าหาญ ที่จะเดินต่อไปต่างหา
.
.
.
.
บางครั้งแม้ชีวิตต้องลำบาก พบกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย
คิดเสียว่ามันคือบทเรียน ที่เป็นขวากหนามทำให้เรา “ประสบความสำเร็จ”
.
.
.
.
ตามความคิด สติ เราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
.
.
.
.
อย่าเอาความรู้สึกของเรา ไปผูกติด กับสายตาของใคร จะหาความสุขได้ยาก
.
.
.
.
อย่าเอาข้อผิดพลาดในอดีต มาทำลายปัจจุบัน
.
.
.
.
มัวแต่ระวังกรรไกร จนอย่าลืมว่ากระดาษก็บาดมือได้ มัวแต่ระวังคนไม่จริงใจ จนอย่าลืมว่าคนที่ข้างกายไม่จริงใจก็มี
.
.
.
.
เชื่อเถอะว่า “ทุกข์” ที่ว่าหนักในวันนี้ วันหน้ามันจะจางลง
.
.
.
.
“มันมีหลายวิธี ที่ได้ผลลัพธ์ ดังนั้นบางอย่าง เราต้องฟังเหตุผลคนอื่นด้วย”
.
.
.
.
อย่ามัวแต่มองหาในสิ่งที่ขาด จนพลาดสิ่งที่มี แล้วมาเห็นคุณค่า ตอนที่มันไม่อยู่กับเราแล้ว
.
.
.
.
วันหนึ่งเราจะค้นพบว่า การรักษาไว้นั้นมีค่ากว่าหาใหม่
.
.
.
.
จงอย่ากลัว การตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่จงกลัวที่ไม่มี “โอกาสได้ตัดสินใจ”
.
.
.
.
อะไรที่คิดแล้วท้อ “ก็อย่าไปคิด” อะไรที่รู้แล้วทุกข์ “ก็อย่าไปรู้”
อะไรที่ฟังแล้วไม่สบายใจ “ก็อย่าไปฟัง”
.
.
.
.
อย่าเพิ่งมั่งใจกับคำว่า “แน่นอน” เสมอไป เพราะโลกนี้ล้วนไม่มีอะไรแน่นอน
.
.
.
.
ตอนเป็นเด็ก หัดขี่จักรยาน ต้องหัดหลายรอบ กว่าจะเป็น
ดังนั้นอะไรที่ยาก ตอนโต ก็ใช่ว่าจะทำได้ ในความพยายามแค่ครั้งเดียว
.
.
.
.
อย่าห่วงว่า เขาจะตอบแทนไม่คุ้ม กับความดีของท่าน
เพราะ “ความดีของเรา” “ยิ่งใหญ่” เกินกว่าที่ใคร จะตอบแทนได้หลายเท่า
.
.
.
.
อย่าให้ความโกรธ อยู่เหนือ “สติ” อย่าให้ความมีทิฐิ อยู่เหนือ “ปัญญา”
.
.
.
.
การกระทำของตนเอง ยังไม่ถูกใจตนเองเสมอไป นับประสาอะไร กับการกระทำของผู้อื่
.
.
.
.
ไม่ว่าจะรักใคร อย่าลืมรักตัวเองด้วย
.
.
.
.
ทำอย่างไร… ไม่ให้ตก ลงมาเจ็บ ก็อย่าปล่อยตัวเอง ลอยขึ้นไปสูง…
.
.
.
.
โลกนี้จะสวยงามน่าอยู่แค่ไหน อยู่ที่ใจเรามอง
.
.
.
.
อย่ามัวเป็นห่วงว่าเขา จะตอบแทนไม่คุ้ม กับ “ความดีของท่าน”
เพราะความดีของเรา ย่อม “ยิ่งใหญ่” เกินกว่าที่ใคร จะตอบแทนได้หลายเท่า
.
.
.
.
อย่าทิ้งความฝัน เพียงเพราะแค่ ไม่มีใครไปเป็นเพื่อน
.
.
.
.
พบกัน เป็นเรื่องบังเอิญ คุยกัน เป็นความตั้งใจ…
.
.
.
.
“ความรัก” ต้องเกิดจาก ความถูกต้องและความบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่ไปแย่งใครมา เพื่อครอบครอง
.
.
.
.
ความรัก ถ้าเริ่มด้วยการพลีกาย ไม่นานจะเบื่อ แต่ถ้าเริ่มด้วยใจ นานเท่าไรความรักก็ไม่ลดลง
.
.
.
.
ไม่แบกก็ไม่หนัก ไม่ถือสาก็ไม่โกรธ ไม่คิดมากก็ไม่กลุ้ม
ไม่ทุ่มเกินไป ก็ไม่ผิดหวัง “ปล่อยวางบ้างก็ไม่ต้องทุกข์ใจ”
.
.
.
.
การยอมโง่ ในสายตาคนอื่น แต่เพื่อ ความสบายใจเรา และไม่กระทบกระเทือนกันนั้น
เป็นอุบายที่ฉลาดของเรา รู้หลบรู้หลีก รู้ผ่อนสั้นผ่อนยาว อย่างนี้เป็นทางของคนดี และนักปราชญ์ชมเชย
.
.
.
.
ความผิดพลาด “สอนให้เรามีสติ” ความผิดหวัง “สอนให้เรามีปัญญา” ความสำเร็จ “สอนให้เราแบ่งปัน”
.
.
.
.
มนุษย์ “ที่ล้มเหลว” มักโทษผู้อื่น มนุษย์ “ที่สำเร็จ” มักจะปรับปรุงตนเอง
.
.
.
.
“ที่สุดของความโชคดี คือการมีคนรอบข้างที่จริงใจ
ที่สุดของการใช้ชีวิต คือการทำให้คนรอบข้างของเรายิ้มได้”
.
.
.
.
พายุอาจมาเป็นบางเวลา
พระอาทิตย์จะคงอยู่ “ทุกเวลา”
ปัญหาผ่านเข้ามาและผ่านไปดังพายุ
“เพื่อนแท้” ก็เคียงข้างเราดังพระอาทิตย์เช่นกัน
.
.
.
.
“เหนื่อย ก็พัก หนัก ก็วาง มือเล็กๆ เพียงสองข้าง แบกทุกอย่าง คงไม่ไหว”
.
.
.
.
 
“ทุกอย่างมี วันหมดอายุ ความทุกข์ ก็เช่นกัน”
.
.
.
.
“ปัญหา” ที่แก้ไม่ได้ บางครั้งมันไม่ใช่ปัญหา แต่มันคือความจริง ที่เราต้อง ”ยอมรับ” ให้ได้
.
.
.
.
 
 
ไม่าว่าจะเกิดอะไรขึ้น สองสิ่งที่จะทำให้เราผ่านทุกอย่างไปได้ คือ “สติ” และ “อดทน”
.
.
.
.
 
 
การมีเพื่อนมากมาย ไม่ใช่ความโชคดี แต่การมีเพื่อนที่คอยช่วยเหลือ ในวันที่มีปัญหานั้นคือ “ความโชคดี”
.
.
.
.
 
 
ก้อนหินหนักแค่ไหน ถ้าเราไม่แบก มันก็ไม่หนัก คำพูดที่ไม่ดี ถ้าเราไม่เก็บมาใส่ใจ “ก็ไม่ทุกข์”
.
.
.
.
 
 
 
อย่ารอให้สูญเสีย แล้วจึง “เห็นค่า” อย่ารอให้จากลา แล้วค่อย “ทำดี”
.
.
.
.
 
 
 
“ถ้าเรามีจุดยืน เราจะมีที่ยืน”
.
.
.
.
 
 
ปล่อยความทุกข์จากวันนั้น แล้วมีความสุขกับวันนี้
.
.
.
.
 
 
 
 
ถ้าคุณซื้อแต่ของที่ไม่จำเป็น สักวันคุณจะต้องขายของที่จำเป็น
.
.
.
.
 
 
 
 
อะไรที่ได้ไว้แล้วในมือ มีค่าน้อยกว่า สิ่งที่อยากได้อยู่ในใจ ปล่อยอะไรออกจากมือ ไม่เบาเท่า ปล่อยสิ่งนั้นออกจากใ
.
.
.
.
 
 
 
 
“คนรวย รวยขึ้น เพราะทำตัวจน คนจน จนลง เพราะทำตัวรวย”
.
.
.
.
 
 
สิ่งที่ต้องเคารพ คือ พ่อแม่
สิ่งที่ต้องคิดแก้ คือ นิสัย
สิ่งที่ต้องลืมเสีย คือ ความใน
สิ่งที่ต้องทำได้ คือ ความดี
สิ่งที่ต้องมีไว้ คือ สติ
สิ่งที่ต้องทิ้งไป คือ ปัญหา
สิ่งที่ต้องพกติดตัว คือ ปัญญา
สิ่งที่ต้องแก้ปัญหา คือ ตัวเราเอง
.
.
.
.
 
 
 

“เมื่อวานทำไว้ วันนี้แก้ไข พรุ่งนี้ดีขึ้น”

.

.

.

.

 

ไม่ว่าจะ “พรสวรรค์” หรือ “พรแสวง” ถ้าปราศจากความ “ทุ่มเท” ก็ย่อมไม่ประสบ “ความสำเร็จ” ทั้งสองทาง

.

.

.

.

 

“1% ของงานที่ไม่สำเร็จ เกิดจากการทำไม่ได้ ที่เหลือ 99% เกิดจากการไม่ทำ”

.

.

.

.

 

มองโลกในแง่ดี สังคมมันจะเลวร้ายแค่ไหนก็ช่างมัน

.

.

.

.

 

ถ้าเราไม่ดูแลตัวเอง แล้วใครจะดูแล

.

.

.

.

 

มุมใดมีแสง อีกมุมหนึ่งจะมีเงา ที่ใดมีคนชื่นชมเรา ที่นั้นก็จะมี คนนินทาเราเช่นกัน

.

.

.

.

 

สุขใจเท่าที่มี ยินดีเท่าที่เป็น ใจเย็นเท่าที่ทำได้ โมโหไม่ได้ช่วยอะไร สร้างแต่ความทุกข์ใจให้ตัวเอง

.

.

.

.

 

“ความสุข” จะสอนให้เรา เชื่อในความฝัน
“ความทุกข์” จะสอนให้เรา ยอมรับใน ความจริง
.
.
.
.
 
 
 

อย่าปล่อยให้ความทุกข์ในวันวาน มีอายุยืนนานถึงวันพรุ่งนี้ เพราะพรุ่งนี้คือวันแรก ของวันที่เหลืออยู่

.

.

.

.

 

แค่เพียงคุณเชื่อว่าทำได้ คุณก็เข้าใกล้ความสำเร็จ ไปครึ่งทางแล้ว

.

.

.

.

 

“ความสำเร็จ บางครั้งเหมือนไม้ขีดไฟ อาจไม่สำเร็จ ในความพยายามครั้งเดียว แต่อย่าพึ่งท้อ มันต้องสำเร็จสักครั้ง”

.

.

.

.

 

ไม่มีชัยชนะใด “ได้มาโดยไม่ต้องต่อสู้” ไม่มีความสำเร็จใด “ได้มาโดยไม่ต้องลงแรง”

.

.

.

.

 

คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เป็นแค่นักฝัน แต่ต้องเริ่มด้วยการ “ลงมือทำ”

.

.

.

.

 

“อุปสรรค” เป็นเรื่องธรรมดา เอาชนะได้ด้วย “สติปัญญาและกำลังใจ”

.

.

.

.

สวรรค์ในอก นรกในใจ
อกกับใจ ก็ที่เดียวกัน
“อยู่ที่เราคิดเป็น”
.
.
.
.
 
 

“ชีวิตธรรมดาๆ ก็มีความสุขได้ ถ้าเราเลือกในสิ่งที่พอใจ”

.

.

.

.

 

“การปล่อยวาง เพื่อให้หายทุกข์ คือต้องปล่อยวางเรื่องที่ทุกข์ และปล่อยวางคนที่ทำให้ทุกข์”

.

.

.

.

 

” ปัญหา ไม่ว่าจะหนักเพียงใด เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

.

.

.

.

 

“พยายาม อย่าหงุดหงิด กับเรื่องที่ไม่คุ้ม”

.

.

.

.

 

เราให้อภัย เพื่อยกระดับใจ ให้สูงขึ้น เราให้ไม่ได้โกรธ
แต่เรารักษาระยะห่าง เพื่อไม่ให้ใคร มาทำอะไรเดิมๆ “จนการอภัย กลายเป็นความโง่”

.

.

.

.

 

“หากไม่เจอในสิ่งที่มองหา ให้มองหา สิ่งที่ดีที่สุด จากที่สิ่งมองเห็น”

.

.

.

.

 

“บางทีไม่จำเป็น ต้องยืนในจุดที่ดีที่สุด แค่รู้จักทำตัวเอง ให้มีความสุข ในจุดที่ยืนก็พอ”

.

.

.

.

 

“มีมิตร ร้อยคน น้อยไป
มีศัตรู หนึ่งคน มากไป”
.
.
.
.
 
 

“หาที่ๆ เราอยู่แล้ว รู้สึกมีค่า และ มีความสำคัญ เพราะ ที่ตรงนั้น ทำให้เรามีความสุขที่สุด”

.

.

.

.

 

“จงอยู่กับคนที่ ย่อความทุกข์ ขยายความสุข ให้กับคุณ”

.

.

.

.

 

ไม้ต้นเดียวกัน ท่อนหนึ่งกลายเป็นพุทธรูป
ท่อนหนึ่งกลายเป็นไม้กระดานไม้ กระดานรู้สึกไม่พอใจ
“เราต่างก็เป็นไม้ที่มาจากต้นเดียวกัน
ทำไมคนอื่นๆ ถึงเหยียบฉัน เพื่อขึ้นไปกราบเธอ?”
พุทธรูปบอกกับไม้กระดานว่า
“เพราะเธอถูกเลื่อยเพียงครั้งเดียว
แต่ฉันถูกแกะถูกกรีดเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง”
 
ชีวิตคนก็เช่นกัน ทนได้กับการหล่อหลอม
ชีวิตจึงเกิดคุณค่า เมื่อใดก็ตามที่เธอเห็นความรุ่งเรืองของใครๆ
อย่าได้เกิดความอิจฉา แต่จงถามตัวเธอเองว่า
เธออดทนและทุ่มเทมากกว่าใครคนนั้นแล้วหรือยัง?
.
.
.
.
 
 

“ปี 2017 นี้ สิ่งใดที่คุณคิดว่าทำยากที่สุด 1. ก้าวเดินต่อไป 2. ปล่อยวางอดีต 3. เริ่มใหม่อีกครั้ง”

.

.

.

.

 

“เส้นทางความสำเร็จ ไม่ง่าย แต่ไม่ยาก ขอให้เชื่อว่า เราทำได้”

.

.

.

.

 

“การปล่อยวาง คือหัวใจสำคัญของความสุข”

“เส้นทางความสำเร็จ ไม่ง่าย แต่ไม่ยาก ขอให้เชื่อว่า เราทำได้”

.

.

.

.

 

“การมีชีวิตที่ดี ไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่าง”

.

.

.

.

 

“จะยากอะไร… แค่ให้กำลังใจตัวเอง”

.

.

.

.

 

“โลกของเราจะน่าอยู่แค่ไหน ขึ้นอยู่กับใจเรามอง”

.

.

.

.

 

“ถ้าคุณมีเงิน 86,400 บาท แล้วมีคนมาขโมยเงินคุณไป 10 บาท คุณจะโมโห แล้วทิ้งเงินที่เหลือ 86,390 บาท เพื่อไปตามหาเงิน 10 บาทนั้นไหม?
ก็คงไม่…
ทุกวัน คุณมีเวลา 86,400 วินาที ถ้ามีคนทำให้คุณหงุดหงิด หรืออารมณ์เสียเพียง 10 วินาที คุณอย่าทิ้ง 86,390 วินาทีที่เหลือ ไปหงุดหงิดกับมัน
อย่าเปลืองเวลากับสิ่งเล็กน้อย ชีวิตคุณยิ่งใหญ่กว่านั้น!”

.

.

.

.

 

“อย่าจมปลักอยู่กับความท้อแท้ แค่ “วินาทีนี้”
เพราะชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ”

.

.

.

.

 

“คนเราทำอะไรใจอย่าท้อ
ถ้าท้อก็อย่าถอย
ถ้าถอยก็อย่าถอน
ถ้าถอนก็ปักหลักสู้ใหม่
อีกไม่นานก็พบความสำเร็จ”

.

.

.

.

 

“ชีวิตคือการเดินทาง
ระหว่างทาง
ก้อนหินก็เปรียบเหมือนอุปสรรค
ก้อนเล็กข้ามได้ก็ข้ามไป
ก้อนใหญ่อ้อมได้ก็อ้อมไป”

.

.

.

.

 

“ถ้าคุณทำ 10 อย่าง
สำเร็จเพียง 3 อย่าง
ก็ถือว่าเก่งแล้ว
คนยิ่งทำเยอะก็ผิดเยอะ
แต่คนที่ไม่เคยทำผิด
คือคนที่ไม่คิดทำอะไรเลย”

.

.

.

.

 

“บางทีก็ไม่จำเป็น
ต้องยืนอยู่ในจุดที่ดีที่สุ
แค่รู้จักทำตัวเองให้มีความสุข
ในจุดที่ยืนก็พอแล้ว”

.

.

.

.

 

“ทุกๆ การเปลี่ยนแปลง มันคือการเริ่มต้น
ทุกๆการเริ่มต้น มันย่อมมีปัญหา
ทุกๆปัญหา มันก็ต้องมีทางออก”

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น