ราคาสินค้าเกษตรปี61 แนวโน้มขยับตัวสูงขึ้น

ธ.ก.ส. คาดราคาสินค้าเกษตรขยับตัวสูงขึ้นรับปี2561 ทั้งข้าว ข้าวโพด ยาง มัน หลังยังมีความต้องการของตลาดต่อเนื่อง ส่วนสินค้าที่มีแนวโน้มลดลงคือน้ำตาลทรายดิบ
นายสมศักดิ์ กังธีระวัฒน์ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนาธ.ก.ส. คาดการณ์สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต้อนรับปีใหม่ 2561 ได้แก่ข้าวเปลือกเจ้า 5% คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.52-4.87% อยู่ที่ราคา 8,440-8,719 บาท/ตันข้าวเปลือกหอมมะลิเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.30-3.85% อยู่ที่ราคา 12,470-12,658 บาท/ตัน และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.20-4.32% อยู่ที่ราคา 9,515-9,810 บาท/ตัน เนื่องจากยังมีความต้องการของตลาดต่างประเทศและมาตรการโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 2560/61 ที่ช่วยชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดและมาตรการภาครัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายตลาดข้าวเหนียวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวเหนียวเพื่อช่วยสนับสนุนราคาให้สูงขึ้น
ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ความชื้นไม่เกิน 14.5% จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.10-0.30% อยู่ที่ราคา 6.79-6.93 บาท/ก.ก. เนื่องจากเข้าสู่การปลูกข้าวโพดช่วงฤดูแล้ง (เริ่มปลูกเดือนธ.ค.) ประกอบกับมาตรการดำเนินการเชื่อมโยงตลาดสินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของภาครัฐที่ได้เริ่มขยายผลจาก จ.เพชรบูรณ์ไปในจังหวัดอื่นที่มีการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งจะช่วยยกระดับราคารับซื้อให้เพิ่มขึ้น
ยางพาราคาดว่าสถานการณ์ราคายางพาราแผ่นดิบจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.00-6.30% อยู่ที่ราคา 42.32-44.54 บาท/ก.ก. เนื่องจากโครงการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราของภาครัฐจะช่วยสนับสนุนความต้องการใช้ยางพาราภายในประเทศของผู้ประกอบการและหน่วยงานของรัฐเพิ่มขึ้นรวมทั้งมาตรการรักษาความสมดุลระหว่างปริมาณและความต้องการใช้เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในราคายางพารา
มันสำปะหลังคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.20-4.97% อยู่ที่ราคา 1.85-1.90 บาท/ก.ก. เนื่องจากปริมาณมันสำปะหลังที่ออกสู่ตลาดยังน้อยกว่าความต้องการประกอบกับมาตรการนำเข้ามันสำปะหลังจากต่างประเทศของภาครัฐที่เข้มงวดโดยเพิ่มขั้นตอนแสดงหนังสือรับรองสุขอนามัยพืชหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดพืชและหนังสือรับรองมาตรฐานสินค้ารวมทั้งต้องมีการนำเข้าโดยผ่านด่านตรวจโดยเฉพาะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2561 จะทำให้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากต่างประเทศเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดไทยยากขึ้น
ปาล์มน้ำมันคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3.57-21.42% อยู่ที่ราคา 2.90-3.40 บาท/ก.ก. เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดในปริมาณที่ลดลงประกอบกับภาครัฐเร่งดำเนินการระบายปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบให้กลับสู่ระดับปกติจะส่งผลให้แนวโน้มราคาปาล์มน้ำมันมีทิศทางดีขึ้น
สุกรคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.09-5.50% อยู่ที่ราคา 52.30-54.05 บาท/ก.ก. เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่และเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวทำให้แนวโน้มความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นประกอบกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาราคา
สุกรตกต่ำในระยะสั้นโดยให้มีการชำแหละจำหน่ายให้มากขึ้นจากเดิมในหลายจังหวัดมีเพียง จ.ราชบุรี และ จ.ลำพูนเท่านั้น รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคสุกรให้กระจายไปยังแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ในช่วงเทศกาลให้เพิ่มมากขึ้นกุ้งขาวแวนนาไมคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.25-2.91% อยู่ที่ราคา 188.00 -193.00 บาท/ก.ก. เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงจึงส่งผลให้ราคากุ้งขาวแวนนาไมปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนสินค้าที่มีแนวโน้มลดลงคือน้ำตาลทรายดิบซึ่งคาดว่าราคาเฉลี่ยน้ำตาลทรายดิบนิวยอร์กในตลาดโลกจะลดลงจากเดือนก่อน 0.50-2.00% อยู่ที่ราคา 13.39-13.59 เซนต์/ปอนด์ (9.67-9.81 บาท/ก.ก.) เนื่องจากแรงขายของกลุ่มกองทุนและนักเก็งกำไรจากการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะผลผลิตน้ำตาลโลกส่วนเกินในปีการผลิต 2561/62 ประกอบกับราคาน้ำตาลถูกกดดันจากค่าเงินเรียลของบราซิลที่อ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกระตุ้นให้ผู้ผลิตทยอยขายน้ำตาลออกมากขึ้นส่งผลให้ปริมาณผลผลิตน้ำตาลในตลาดโลกมีเพิ่มขึ้นและราคาจะลดลง

ร่วมแสดงความคิดเห็น