ตร.สืบสวนเมืองเชียงใหม่ ตามรวบหนุ่มโคลัมเบียร่วมกับเพื่อนก่อเหตุลักทรัพย์ หวังนำทรัพย์สินที่ได้มาแบ่งกัน แต่กลับถูกเพื่อนหักหลัง

ตำรวจสืบสวนเมืองเชียงใหม่ ตามรวบหนุ่มโคลัมเบีย ร่วมกับเพื่อนก่อเหตุลักทรัพย์ หวังนำทรัพย์สินที่ได้มาแบ่งกัน แต่กลับถูกเพื่อนหักหลัง หลอกจะเอาทรัพย์สินที่ขโมยได้ไปขายที่ กทม. แต่กลับหายเข้ากลีบเมฆ ทิ้งตัวเองรับกรรม สารภาพมาเที่ยวเชียงใหม่ ใช้เงินจนหมดตัวไม่มีเงินใช้จึงลงมือก่อเหตุโดยการเช่ารถจักรยานยนต์ แต่สุดท้ายไปไม่รอด ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่เร่งสืบติดตามตัวเพื่อนร่วมขบวนการที่หลบหนีมาดำเนินคดี

การจับกุมตัวผู้ต้องหาชาวต่างชาติครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. วันที่ 13 มกราคม 2561 โดยทาง พ.ต.ต.อานนท์ เชิดชูตระกูลทอง สว.สส.ฯ พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ ผัดกา สว.สส.สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วย ร.ต.อ.ธนัช ชัยสาร รอง สว.สส. , ร.ต.อ.ชัยพล ชัยชนะ รอง สว.สส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ร่วมกันจับกุมตัว MR.LUIS BRANDELEY JIMENEZ MOJICA อายุ 29 ปี สัญชาติโคลัมเบีย พร้อมด้วยของกลางทรัพย์สินและเสื้อผ้าที่ใช้ในการก่อเหตุ ดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกับพวกที่หลบหนีคดีลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ และเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนด”

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่า ได้มีคนร้ายก่อเหตุขโมยทรัพย์สินเป็นกระเป๋าใส่เงินและกระเป๋าใส่เอกสารสีน้ำตาล ที่ได้วางไว้ภายในรถยนต์ และจอดไว้บริเวณหน้าร้านเค่งเซ้งพานิช ถนนช้างม่อย ขณะที่เดินลงไปหยิบของภายในร้าน โดยไม่ได้ล็อคประตูรถยนต์ จากนั้นเมื่อเดินกลับขึ้นรถปรากฏว่ากระเป๋าเงินและกระเป๋าเอกสารดังกล่าวหายไป ภายหลังเกิดเหตุจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ทราบเรื่องก็ได้ทำการสืบสวนติดตามตัวคนร้าย และทราบว่าที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ได้มีกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ จึงได้ทำการนำมาตรวจสอบ

กระทั่งต่อมาทราบว่า คนร้ายซึ่งมีตำหนิรูปพรรณคล้ายชาวต่างชาติ จำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ สีดำ มาบริเวณจุดเกิดเหตุ และได้ก่อเหตุแล้วขับรถหลบหนีไป และจากการสืบสวนทราบว่า รถคันดังกล่าวที่คนร้ายใช้ก่อเหตุนั้นได้เช่ามาจากร้านเช่ารถจักรยานยนต์ ตรงกันข้ามวัดช่างแต้ม ซึ่งจากการสอบถามทางร้านก็ทราบว่า ก่อนหน้านี้ได้มีชายลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ ตัวเล็ก นำสำเนาหนังสือเดินทาง มาขอเช่ารถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา และจากการตรวจสอบกล้องวีดิโอวงจรปิดซึ่งอยู่ติดกับร้านรถเช่า ก็พบว่ามีชายลักษณะคล้ายชาวต่างชาติที่ปรากฎในที่เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรวบรวมหลักฐานและสืบสวนจนทราบว่า ชายลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นคนซ้อนท้ายปรากฎในกล้องนั้น ได้พักอยู่ห้องหมายเลข 111 ท็อป นอร์ท เกสเฮาส์ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านประตูเชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไปตรวจสอบตามเบาะแสที่ทราบมา จนกระทั่งมาถึงยังเกสเฮาส์ ได้พบชายลักษณะคล้ายชาวต่างชาติคนดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงนำภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหวของคนร้าย จากบริเวณที่เกิดเหตุในคดีนี้ให้ดู จนกระทั่งผู้ต้องหายอมรับว่าบุคคลในภาพที่เป็นคนซ้อนรถจักรยานยนต์ และเดินไปลักเอากระเป๋าของผู้เสียหายนั้นคือตนเองจริง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัว

และจากการสอบสวนทาง MR.LUIS BRANDELEY JIMENEZ MOJICA ผู้ต้องหาได้สารภาพว่า ได้ร่วมกับเพื่อนที่มีชื่อว่าคาร์ลอส แต่ตนเองไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง พึ่งจะรู้จักกันที่เชียงใหม่ได้ไม่นาน ก่อเหตุ โดยได้ให้เพื่อนที่ชื่อว่า คาร์ลอส ขับขี่รถจักรยานยนต์ ที่เช่ามาไปก่อเหตุ หลังจากนั้นก็ได้หลบหนีเข้ามายังท็อป นอร์ท เกสเฮาส์ ที่ตนเองพักอยู่ด้วยกัน ที่ห้อง 111 จากนั้น นายคาร์ลอส บอกกับตนว่าจะเก็บของที่ลักมาเอาไว้ก่อน แล้วจะเดินทางไปกรุงเทพฯ จึงค่อยเอาทรัพย์สินที่ลักมาได้แบ่งกัน แต่ปรากฏว่านายคาร์ลอส ก็ไม่ได้เข้ามาตามที่บอกเอาไว้ ส่วนสาเหตุที่ได้ลงมือลักทรัพย์นั้นเนื่องมาจากได้มาท่องเที่ยวแล้วก็ใช้เงินหมด และไม่มีเงินใช้จ่ายจึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว โดยในเวลาต่อมา ทางผู้ต้องหา ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นภายในห้องพักดังกล่าว พบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งจะได้ทำการสืบสวนติดตามตัว นายคาร์ลอส ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุอีกรายซึ่งหลบหนีอยุ่มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น