สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่ จังหวัดน่าน

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2561 เวลา 08.57 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ทรงตัดหวายลูกนิมิตพระอุโบสถ ซึ่งจัดสร้างขึ้นเนื่องจากพระอุโบสถหลังเดิมที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี 2481 ชำรุดทรุดโทรม และได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปี 2554 ทำให้เกิดรอยร้าวที่ผนัง ต่อมาในปี 2559 ทางวัดฯ และพุทธศาสนิกชน รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธา ได้ร่วมกันบริจาคทรัพย์ในการบูรณะพระอุโบสถขึ้นใหม่ ในรูปแบบสถาปัตยกรรมล้านนาเมืองน่าน หรือพระอุโบสถแบบเปิด เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจของภิกษุสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ตลอดจนเป็นการอนุรักษ์และสืบสานสถาปัตยกรรมท้องถิ่นให้สืบเนื่องต่อไป โดยแล้วเสร็จในปี 2560 วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง ถือเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีนักษัตรกระต่าย ตามพงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่าพญาการเมืองเจ้าผู้ครองนครน่าน โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากกรุงสุโขทัย โดยองค์พระธาตุมีความสูง 55 เมตร 5 เซนติเมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 22 เมตร 5 เซนติเมตร บุด้วยทองเหลืองทั้งองค์ ปัจจุบันมีพระสงฆ์และสามเณรจำนวน 188 รูป มีพระชยานันทมุนี เป็นเจ้าอาวาส ทั้งนี้ ทุกปีจะมีการจัดงานประเพณีหกเป็ง นมัสการองค์พระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง ซึ่งปีนี้จะจัดช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2561 นับเป็นประเพณีที่สืบทอดมายาวนานของชาวเมืองน่านที่แสดงถึงขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดน่านอีกด้วย
จากนั้นเวลา 12.28 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงเรียนนันทบุรีวิทยา ในพระบรมราชานุเคราะห์ วิทยาเขตปางค่า อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ทรงติดตามการดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริฯ โรงเรียนนันทบุรีวิทยาฯ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ศึกษาธิการจังหวัดน่าน เปิดสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึง ปีที่ 6 นักเรียนส่วนใหญ่มีปัญหาครอบครัว และเป็นชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆ อาทิ ม้ง เมี่ยน ปัจจุบันมีนักเรียน 466 คน มีครู 68 คน โดยในปีการศึกษา 2559 เมื่อเทียบกับปีการศึกษา 2558 นักเรียนในทุกระดับชั้น มีผลการทดสอบในวิชาภาษาไทยดีขึ้น จากนั้น ทอดพระเนตรกิจกรรมการเรียนรู้ตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งโรงเรียนฯ ได้จัดหลักสูตรให้นักเรียนทุกระดับชั้นได้มีส่วนร่วมในโครงการยุวเกษตร เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และทำกิจกรรมการเกษตรด้วยการปฏิบัติจริง อาทิ การทำนาปลูกข้าว , ปลูกพืชผักสวนครัว , ปลูกหม่อน , บ่อเลี้ยงปลาและบ่อเลี้ยงกบ , ทำปุ๋ยหมัก และจุลินทรีย์น้ำ เมื่อได้ผลผลิต จะใช้ในการประกอบอาหารและจำหน่ายในสหกรณ์โรงเรียน
โอกาสนี้ ทอดพระเนตรการเรียนการสอนโดยบูรณาการวิทยาศาสตร์สู่การปฏิบัติจริง เช่น การทดลองเรื่องน้ำน้อยเข้านา ที่ให้นักเรียนออกแบบการทดลอง และสามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เป็นต้น ด้านโครงการฝึกอาชีพระยะสั้น ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ได้จัดการสอนร่วมกับวิทยาลัยสารพัดช่างน่าน โดยให้นักเรียนได้เลือกเรียนตามความถนัด ใน 3 วิชา ได้แก่ ช่างตัดผมชายเบื้องต้น , เสริมสวยเบื้องต้น และวิชาการช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนกการเรียนศิลป์อาชีพ เป็นหลักสูตรทวิศึกษา ในสาขาวิชาช่างยนต์ และ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ จะได้รับวุฒิการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย และ วุฒิการศึกษา ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ส่วนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนกการเรียนศิลป์-ภาษา ในกิจกรรมมหัศจรรย์แห่งข้าวนันทบุรี ที่ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยข้าวแพร่ กรมการข้าว เน้นให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง โดยในปี 2561 ปลูกข้าวนาปรัง มีข้าวเหนียวพันธุ์สันป่าตอง1 และข้าวเหนียว กข22 คาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในเดือนเมษายน 2561 ส่วนผลผลิตในปีที่ผ่านมา ส่งจำหน่ายในสหกรณ์โรงเรียน นอกจากนี้ โรงเรียนฯได้จัดโครงการ 1 คน 1 ต้น 1 ปี โดยในปีนี้ให้ปลูกต้นมะเกี๋ยงหรือต้นหว้า ต้นไม้พื้นเมือง เป็นต้นไม้ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ และส่งเสริมให้นักเรียนมีกระบวนการคิด วิเคราะห์ รวมทั้งมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ ทักษะการดำรงชีวิต การปลูกฝังความรัก ความสามัคคี ฝึกทักษะการทำงานเป็นทีม ในกิจกรรมบริษัทจำลอง ที่ดำเนินการเป็นชุมนุม ในโครงการ 1 คน 1 อาชีพ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” เช่น บริษัทขนมไทย , บริษัทไอศกรีมลูกหม่อน , บริษัทน้ำเต้าหู้ , บริษัทสิ่งประดิษฐ์ของชำร่วย ทั้งนี้ ทางโรงเรียนฯ มุ่งหวังให้นักเรียนที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้ในอนาคต

ร่วมแสดงความคิดเห็น