เมืองสามหมอกสรุปข้อสั่งการ นายก”ตู่”พร้อมขับเคลื่อนตาม

นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการ จ.แม่ฮ่องสอน สรุปข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ลงพื้นทีเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561 ที่โรงเรียนห้องสอนศึกษา ในพระอุปถัมภ์ฯ ดังนี้ 1. การแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการ

( 1) ปรับเปลี่ยน/ลดพื้นที่การทำเกษตรจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าว ข้าวโพด กะหล่ำปลี มาเป็นการปลูกพืชที่หลากหลายชนิด ตามฤดูกาลในพื้นที่ โดยการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

( 2) ส่งเสริมการลดต้นทุนการผลิต เช่น ลดการใช้สารเคมี (ปุ๋ย ยาฆ่าแมลงศัตรูพืช ฯลฯ) รวมทั้งนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิต และสนับสนุนการปลูกพืชผักปลอดสารเคมี เนื่องจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นพื้นที่ต้นน้ำ

( 3) สร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าที่เป็นผลผลิตทางการเกษตรและสินค้า นอกภาคการเกษตรโดยการแปรรูปต่างๆ

(4) เสริมสร้างอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรและประชาชนทั่วไปจากหลายทาง เช่น การประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับศิลปาชีพ สินค้า OTOP เป็นต้น รวมทั้งให้ส่งเสริมและให้คำแนะนำการออมเงินแก่ประชาชน

2. การเสริมสร้างองค์ความรู้ ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ มหาดไทย พาณิชย์ ดิจิทัลฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสริมสร้างองค์ความรู้ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง มีการติดตามข้อมูลข่าวสารที่จะเป็นประโยชน์ อาทิ ความต้องการของตลาด ราคาสินค้า ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดรายได้ โดยการใช้ช่องทางเน็ตประชารัฐ เป็นต้น

3. การขยายผลโครงการตามพระราชดำริ ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ มหาดไทย ทรัพยากรฯ กลาโหม กปร.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการขยายผลโครงการตามพระราชดำริ ทั้ง 3 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตอง ตามพระราชดำริ ศูนย์บริการและพัฒนาลุ่มน้ำปาย ตามพระราชดำริและศูนย์ศิลปาชีพจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ให้ครอบคลุมถึงประชาชนทุกพื้นที่

4. การแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ให้ หน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรฯ มหาดไทย เกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ โดยให้มีการประชุมหารือร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน เกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขปัญหาในภาพรวม นอกจากนี้ ให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาปัญหาการเผาป่า และการบริหารจัดการขยะในพื้นที่

5.การส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงท่องเที่ยวฯ วัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยงทางธรรมชาติอันสวยงามหลายแห่ง รวมทั้งมีวัฒนธรรมดั้งเดิมของชนเผ่าต่าง ๆ โดยส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ในทุกฤดูกาล ท่องเที่ยวเชิงกีฬา จัดโปรแกรมการท่องเที่ยว (package) อย่างครบวงจร/ยั่งยืน และครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวของพื้นที่ โดยจัดโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยว และส่งเสริมสินค้าดีประจำถิ่นเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร

6. การพัฒนาการเรียนการสอน ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาการเรียนการสอนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาโดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล เช่น การกวดวิชา/การศึกษาผ่านดาวเทียม เป็นต้น

7. การอนุรักษ์แหล่งพันธุกรรมไม้สัก ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย ทรัพยากรธรรมชาติฯ เกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมการอนุรักษ์แหล่งพันธุกรรมไม้สักในผืนป่า “ป่าสักนวมินทรราชินี” ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพและเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของนักท่องเที่ยว

จุดที่ 2 : นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมผลผลิตโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และรับฟังข้อเสนอแนวทางการพัฒนาอาชีพฯ ณ ศูนย์บริการและพัฒนาลุ่มน้ำปายฯ (ท่าโป่งแดง) อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน มีข้อสั่งการสรุปได้ ดังนี้
1. การพัฒนาและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์การเกษตร ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงพาณิชย์ สสว. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่า โดยการสร้างเรื่องราว (Story) การรับรองมาตรฐาน การตลาด และจัดหาช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ให้กับผลผลิต/ผลิตภัณฑ์ อาทิ กล้วยตาก กาแฟ กระเทียม จาก 5 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่มโครงการสร้างป่าสร้างรายได้ ตามพระราชดำริฯ (2) กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ (3) กลุ่มผลผลิตและผลิตภัณฑ์จากวนเกษตร (4) กลุ่มผู้เลี้ยงไก่แม่ฮ่องสอน/กลุ่มผลิตภัณฑ์จากขนแกะ และ (5) กลุ่มสมาชิกศูนย์ศิลปชีพจังหวัดแม่ฮ่องสอนในพระบรมราชูปถัมภ์

2. การขยายผลโครงการขยายพันธุ์กล้วยไม้เอื้องแซะตามพระราชเสาวนีย์ฯ ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาขยายผลการดำเนินงานโครงการขยายพันธุ์กล้วยไม้เอื้องแซะ ตามพระราชเสาวนีย์ฯ อย่างต่อเนื่องต่อไป

3. การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในเขตป่า ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ มหาดไทย เกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตป่า ภายใต้นโยบายที่ดินแห่งชาติการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน(คทช.) ตามนโยบายรัฐบาล ของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตและแปรรูปกาแฟคุณภาพ บ้านแม่เหาะ (กาแฟ) และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปลงใหญ่กาแฟ บ้านสบป่อง (กาแฟ) และอื่น ๆ

4. การส่งเสริม วิจัยและพัฒนาการปลูกพืช (บุก) ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ สสว. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาส่งเสริมการวิจัย พัฒนา และเงินทุนในการปลูกพืช (บุก) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากวนเกษตร ทั้งนี้ ให้ดำเนินการทั้งระบบอย่างครบวงจร

จุดที่ 3 : นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมยุทธศาสตร์การพัฒนา จ.แม่ฮ่องสอน (Working Lunch) ที่ศาลากลาง จ.แม่ฮ่องสอน มีข้อสั่งการสรุปได้ ดังนี้

1. การศึกษาความเป็นไปได้ของการขนส่งระบบโครงข่ายราง ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาความเป็นไปได้ของแนวทางการขนส่งระบบโครงข่ายรางของจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยให้คำนึงถึงความคุ้มค่าของงบประมาณ/ทรัพยากรและประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับ

2. การส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ให้กระทรวงการคลัง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณามาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีการท่องเที่ยวเมืองรอง เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นต้น

3. การส่งเสริมอาชีพเลี้ยงโคเนื้อ ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อเพื่อแก้ไขความยากจนในพื้นที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายใต้โครงการธนาคารโค-กระบือตามพระราชดำริ ทั้งนี้ ให้พิจารณานำแนวทางการดำเนินงานโครงการโคบาลบูรพามาปรับประยุกต์ใช้ต่อไป

4. การลดความเหลื่อมล้ำการศึกษาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย ศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสนับสนุนเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับสถานศึกษาในพื้นที่ห่างไกล เช่น เครื่องปั่นไฟ โซล่าเซลล์ เป็นต้น

5. การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำปาย ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางบริหารจัดการน้ำจากลุ่มน้ำปาย เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนและพื้นที่ใกล้เคียง
อนึ่ง นายกรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการในเบื้องต้น ตามข้อเสนอของภาคเอกชนและข้อเสนอเชิงนโยบาย โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปกลั่นกรอง พิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการดำเนินงาน และแจ้งกลับมาภายใน 1 เดือน

จุดที่ 4 : ศูนย์เรียนรู้ชุมชนคุณธรรมบ้านผาบ่อง นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในการเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ชุมชนคุณธรรม/ตลาดประชารัฐ/ถนนสายวัฒนธรรม/แหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพบ่อน้ำพุร้อนผาบ่อง ณ สรุปได้ ดังนี้

1. การขยายผลชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้หน่วยงานกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขยายผลการดำเนินงานชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้มากขึ้น พร้อมทั้งคัดเลือกชุมชนคุณธรรมดีเด่น เพื่อเป็นต้นแบบในการขยายผลทั่วประเทศ

2. การตราและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับกฎหมาย ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรม ยึดแนวทางการตรากฎหมายว่า “เป็นไปเพื่อประชาชน มิใช่ออกกฎหมายเพื่อบังคับประชาชน” รวมทั้งสร้างการรับรู้เกี่ยวกับกฎหมายให้กับประชาชน เพื่อวางพื้นฐานให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นสังคมเคารพกฎหมายเป็นสำคัญ

3. การส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากบ่อน้ำพุร้อน ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงท่องเที่ยว พิจารณาส่งเสริมให้ผลิตภัณฑ์จากบ่อน้ำพุต่างๆ อาทิ น้ำแร่ ครีมอาบน้ำโคลน สบู่โคลน เป็นต้น ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานเพื่อการส่งออก

4. การพัฒนาและปรับปรุงบ่อน้ำพุร้อนผาบ่อง ให้หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย โดย อบต.ผาบ่อง พัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพบ่อน้ำพุร้อนผาบ่องให้ดียิ่งขึ้น สร้างความแตกต่างเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม อย่างเช่นที่ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งให้พัฒนาระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพเทียบเคียงภาคเอกชน นอกจากนี้ ให้มีการวิจัยและพัฒนาคุณสมบัติของโคลนเพื่อนำไปสู่การสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์

พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการ จ.แม่ฮ่องสอน สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมขับเคลื่อนตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการ

ร่วมแสดงความคิดเห็น