คลัง จ.เชียงใหม่ แจงยิบ มาตรการบัตรผู้มีรายได้น้อยเฟส 2 ลงทะเบียนแค่สิ้นเดือน ก.พ.61 เท่านั้น

คลัง จ.เชียงใหม่ แจงยิบมาตรการบัตรผู้มีรายได้น้อย เฟส 2 ลงทะเบียนแค่สิ้นเดือน ก.พ.61 เท่านั้น วาง 4 แนวทางเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ชี้ผู้ถือบัตรที่มีวงเงิน 300 บาทต่อเดือน อายุไม่เกิน 60 ปี ต้องลงทะเบียนทุกคน แต่จะเลือกร่วมโครงการหรือไม่ก็ได้ มีช่องให้ติ๊ก ส่วนบัตรวง เงิน 200 บาทต่อเดือน ลงทะเบียนหรือไม่ก็ได้
หากสมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาได้รับวงเงินเพิ่มในบัตร จาก 300 เพิ่มเป็น 500 และจาก 200 เป็น 300 บาท แจงชัดมีเงื่อนไขหากถึงเวลาไม่เข้าร่วมการพัฒนา ยึดเงินที่ได้รับเพิ่มคืน ได้ไปเท่าไรหักคืนจากวงเงินในบัตรจนครบ ย้ำโครง การโฟกัสไปที่คนใช้แรงงานผู้ถือบัตร 300 บาท ไม่ไปแจ้งลงทะเบียน จะมี จนท.ตามถามถึงบ้าน

ที่สำนักงานคลัง จ.เชียงใหม่ นายอนุชา สุขสงวน คลัง จ.เชียงใหม่ แจงถึงมาตรการการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการให้ความช่วยเหลือระยะที่ 2 หรือโครงการบัตรผู้มีรายได้น้อยเฟส 2 ว่า เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือ ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ในระยะที่ 1 มีผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 355,418 คน และได้มีการแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไปให้ประชาชนที่ลงทะเบียนทั้งหมดแล้ว ซึ่งในบัตรจะมีสิทธิประโยชน์หลายประการ ส่วนหนึ่งจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทาง อีกส่วนสำหรับดูแลความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน โดยมียอดเงินในบัตรให้ซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค ในร้านธงฟ้าที่ร่วมรายการ

“ในบัตรจะมี 2 วงเงิน บัตรชุดหนึ่งจะมีวงเงิน 300 บาท อีกชุดหนึ่งจะมี 200 บาท ซึ่งจะเป็นข้อแตกต่างระหว่างบัตรสำหรับการใช้ซื้อสินค้าที่ร้านธงฟ้าประชารัฐที่ร่วมโครงการ สำหรับวงเงินในบัตรจะได้ข้อมูลมาจากผู้ลงทะเบียนที่ได้รับการตรวจสอบแล้วคือ มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี มีวงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อเดือน และมีรายได้เกิน 30, 000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี มีวงเงินในบัตรเพื่อซื้อสินค้า 200 บาทต่อเดือน ซึ่งประชาชนที่มีบัตรทราบดีว่าใช้อย่างไรมีวงเงินเท่าไร” คลัง จ.เชียงใหม่ กล่าว

นายอนุชาฯ กล่าวอีกว่า สำหรับปีนี้ ครม.ได้มีมติเห็นชอบในมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นการให้ความช่วยเหลือระยะที่ 2 แก่ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบในโครงการลงทะเบียน เพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในปี 2560 ที่ผ่านมา นั่นหมายความว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือ เฉพาะผู้ที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้วเท่านั้น

ในหลักการจะมีการวิเคราะห์และให้ความช่วยเหลือ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรายบุคคล โดยจัดให้มีผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อทำหน้าที่สำรวจสภาพข้อเท็จจริง สอบถามความประสงค์ และให้คำแนะนำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เหมาะสม เพื่อรัฐบาลจะได้ให้ความช่วยเหลือ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และมีความยั่งยืน ในประการที่ 2 เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามความจำเป็นอย่างรอบคอบใน 4 มิติ อันได้แก่ การมีงานทำ การฝึกอบรมอาชีพและการศึกษา การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ และการเข้าถึงสิ่งจำเป็นพื้นฐาน

ประการที่ 3 เป็นเรื่องของการเข้าหา และติดตามผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทุกคน ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท และอยู่ในวัยแรงงาน เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอต่อการดำรงชีพ รวมทั้งเปิดโอกาสให้เข้าร่วมการพัฒนาตนเองได้โดยสมัครใจ นั่นก็หมายความว่า กลุ่มเป้าหมายตามโครงการนี้ก็คือ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพราะโครงการนี้เป็นการต่อยอด เพื่อการพัฒนาศักยภาพของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

“การช่วยเหลือจะแยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกผู้ถือบัตรอายุไม่เกิน 60 ปี รายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี กลุ่มนี้จะมีการเข้าหาทุกคน หรือให้ทุกคนที่มีบัตรมาแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต เมื่อแจ้งความประ สงค์เข้าร่วมโครงการ กลุ่มนี้จะได้รับการเพิ่มวงเงินในบัตรให้อีกเดือนละ 200 บาท รวมเป็นเดือนละ 500 บาท หากใครไม่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ก็ให้แจ้งว่าไม่ประสงค์ที่จะร่วมโครงการ ซึ่งจะมีช่องให้ทำเครื่องหมายว่า ไม่ประสงค์ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิต” นายอนุชาฯ กล่าว

คลัง จ.เชียงใหม่ กล่าวย้ำว่า กลุ่มแรกนี้จะต้องไปแจ้งทุกคน ว่าประสงค์หรือไม่ในการที่จะร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต หากไม่ไปแจ้งทาง จนท.ก็จะเข้าไปหาถึงถิ่นที่พำนัก เพื่อสอบถามความประสงค์ว่าต้องการร่วมโครงการนี้หรือไม่ เพราะโครงการนี้ต้องการที่จะให้ความช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ก่อน เนื่องจากยังสามารถที่จะทำงานได้และมีรายได้น้อยมาก

กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มผู้ถือบัตรที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท กลุ่มนี้จะมาแจ้งเพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตหรือไม่ก็ได้ แต่หากมาแจ้งความประสงค์ที่จะเข้าร่วมโครงการ ก็จะได้เงินเพิ่มวงเงินในบัตรอีกเดือนละ 100 บาท รวมเป็นเดือนละ 300 บาท

นายอนุชาฯ กล่าวต่อว่า สำหรับการลงทะเบียนตามโครงการนี้ในทุกกลุ่ม ผู้ที่จะลงทะเบียนได้ต้องมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปแจ้ง เพื่อลงทะเบียนเท่านั้น ในบางอำเภออาจแจ้งได้ ณ ที่ว่าการอำเภอนั้นๆ หรือแจ้งได้ที่ธนาคาร ได้แก่ ธนา คารออมสิน หรือ ธกส. ในพื้นที่ ในส่วนธนาคารนั้นจะมีแผนในการที่จะลงพื้นที่เพื่อให้บริการ โดยจะมีระยะเวลาในการลงทะเบียนเริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 ก.พ. ถึง 28 ก.พ.61 นี้เท่านั้น ที่ผู้มีบัตรจะแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการได้ ซึ่งจะแจ้งว่าไม่ร่วมโครงการก็ได้ วงเงินในบัตรก็จะได้รับตามปกติที่ได้รับอยู่

หลังจากที่เปิดให้มีการแจ้งความประสงค์ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตแล้ว จะมีหลายหน่วยงานที่จะเข้ามาบูรณาการในการที่จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย อย่างเช่นแจ้งความประสงค์ว่า อยากมีงานทำ กรรมการระดับจังหวัดจะมาวิเคราะห์แล้วก็ส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างกระทรวงแรงงานเพื่อให้ความช่วยเหลือ หากต้องการพัฒนาอาชีพ ก็อาจส่งต่อให้กับศูนย์พัฒนาฝีมือแรงไปดำเนินการต่อ ซึ่งเป็นช่วงของการดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามที่ผู้ถือบัตรแจ้ง โดยจะดำเนินการไปจนถึงเดือน ธ.ค.61

คลัง จ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า โครงการนี้มีเงื่อนไขอยู่ว่า หากผู้ที่แจ้งความประสงค์ที่จะเข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณ ภาพชีวิตแล้ว ซึ่งในเดือนถัดไปก็คือเดือน มี.ค.61 ก็จะมีการโอนเงินเพิ่มให้ตามสิทธิในแต่ละกลุ่ม ที่จะได้เงินเพิ่ม 200 บาท หรือ 100 บาท พอแจ้งร่วมโครงการแล้ว เมื่อถึงเวลาในการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามโครงการ กลับไม่เข้าร่วมโครงการตามที่แจ้งไว้ ก็จะมีการเรียกเงินคืนในส่วนที่เป็นเงินที่ได้เพิ่มเข้ามา โดยจะหักจากยอดวงเงินที่มีอยู่ในบัตรนั้น

อย่างเช่นบัตรที่เคยใช้ได้รับวงเงิน 300 บาท เมื่อแจ้งเข้าร่วมโครงการได้เพิ่มมาอีก 200 บาท พอได้รับผ่านไป 3 เดือน มีการเรียกให้เข้าร่วมการพัฒนาตามโครงการแต่ไม่เข้าร่วม ก็จะโดนหัก 200 บาท โดยจะหักจากยอดที่เคยได้รับเดือนละ 300 บาท เป็นเวลา 3 เดือน เหลือใช้เพียงแค่ 100 บาท เมื่อหักหมดก็กลับไปรับวงเงินในบัตรที่ 300 บาท ตามเดิม ก็ใช้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย

“ที่อยากฝากเน้นก็คือ โครงการนี้เป็นโครงการต่อยอด ซึ่งผู้ที่จะร่วมโครงการได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้วเท่านั้น ส่วนผู้ยังไม่มีบัตรก็ต้องรอนโยบายจากรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะจะต้องมีการปรับฐานข้อมูลในส่วนผู้ที่อาจมีรายได้เพิ่มก่อน ที่สำคัญสำหรับผู้ที่มีบัตรแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุไม่เกิน 60 ปี และถือบัตรที่มีวงเงิน 300 บาทต่อเดือน ขอให้ไปแจ้งความประสงค์ในการจะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตทุกคน

ส่วนผู้ที่ถือบัตรที่มีวงเงิน 200 บาทต่อเดือน ก็ต้องพิจารณาด้วยตัวเองว่า จะให้รัฐช่วยเหลือด้านไหนอย่างไร อย่างน้อยไปแจ้งความประสงค์หรือพูดคุยกับ จนท.ที่รับลงทะเบียนได้ หากไม่คุยแล้วมีความประสงค์ไม่เข้าร่วมโครงการก็แจ้งได้ ในแบบรับแจ้งมีช่องให้เลือกว่า ไม่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ ให้เลือกสำหรับผู้ที่ประสงค์พัฒนาคุณภาพชีวิตเมื่อเข้าร่วมโครงการเสร็จแล้ว เงินที่ได้รับในจำนวนที่เพิ่มเข้ามา ก็จะได้รับตามยอดที่เพิ่มไปตลอด เพราะเป็นจุดประ สงค์ที่รัฐบาลต้องการเพิ่มรายได้ให้กับทุกคนนั่นเอง” นายอนุชา สุขสงวน คลัง จ.เชียงใหม่ กล่าวในที่สุด

ร่วมแสดงความคิดเห็น