ผักสวนครัวยอดฮิต 7 ชนิด ปลูกเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน

ปัจจุบันคนไทยต่างก็หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น การปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานเองภายในครอบครัวจึงเป็นทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะจะทำให้เราได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ปลอดภัย และถูกสุขลักษณะด้วย

การปลูกผักสวนครัวไว้สำหรับประกอบอาหาร เพื่อรับประทานภายในครัวเรือนนั้น ทำได้ง่ายๆ โดยสามารถเปลี่ยนพื้นที่ว่างรอบบริเวณบ้าน  ให้เป็นแปลงผักสวนครัวเล็กๆ หรือจะปลูกผักสวนครัวในกระถาง สำหรับครัวเรือนที่มีพื้นที่ใช้สอยจำกัด ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

ผักชี

ขั้นตอนแรกให้นำดินสำหรับปลูกมาตากให้แห้ง แล้วเอาดินนั้นไปผสมกับปุ๋ยคอกที่เตรียมไว้ นำเมล็ดพันธุ์ผักชีมาบดเบาๆ  เพื่อให้เมล็ดแตกออกเป็น 2 ส่วน แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง จากนั้นนำมาเมล็ดมาผึ่งลมอีกครั้ง ค่อยๆ คลุกเมล็ดกับทรายและขี้เถ้า แล้วนำไปโรยปลูกลงในแปลงผักหรือกระถาง อย่าลืมคลุมหน้าดินด้วยฟาง และรดน้ำให้ชุ่ม (แต่อย่าแฉะจนเกินไป)

 

ต้นหอม

เริ่มจากการเตรียมดินด้วยการพรวนดินให้ร่วน ทุบเปลือกถั่วลิสงให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ นำเปลือกถั่วลิสงผสมกับดิน แล้วตักดินใส่กระถางโดยไม่ต้องกดดินให้แน่น จากนั้นใช้มีดตัดต้นหอมเหนือราก 1.5-2 นิ้ว แล้วปักชำลงดิน โดยเว้นระยะห่างแต่ละต้น 2 นิ้วพร้อมกับรดน้ำพอให้ชุ่ม

ถ้าปลูกด้วยเมล็ดให้โรยเมล็ดลงหน้าดินได้เลย (ประมาณ 4-5 เมล็ดต่อกระถาง) เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นและรากของต้นหอมติดกันเกินไปเมื่อโตขึ้น ดูแลด้วยการรดน้ำเช้าและเย็นตามปกติ แต่เมื่อเริ่มมีใบสีเขียวแล้วให้ลดจำนวนครั้งลงเหลือ 1 ครั้งต่อวันก็พอ

สำหรับการปลูกในกระถางไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยก็ได้ ให้ใช้เปลือกถั่วลิสงทุบให้แหลกหรือนำเศษเปลือกไข่แตกโรยหน้าดินก็พอ

 

ผักบุ้งจีน

ก่อนอื่นให้นำเมล็ดผักบุ้งแช่น้ำไว้ 1 คืน จากนั้นก็ห่อด้วยผ้าต่ออีก 2 คืน โดยต้องทำให้ผ้าชื้นตลอดเวลาเพื่อเป็นการเร่งให้เมล็ดผักบุ้งงอกเร็วขึ้น กระทั่งรากขาวๆ ของผักบุ้งงอกออกมา เมื่อเมล็ดผักบุ้งงอกรากออกมาแล้ว ก็ให้นำลงไปปลูกในดินหลุมละเมล็ด โดยเอานิ้วกดลงไปในดินที่เตรียมไว้ ปิดปากหลุมแล้วรดน้ำ ถ้ามีฟางก็ให้นำฟางมามาคลุมหน้าดินเพื่อป้องกันหน้าดินแห้ง

สำหรับวิธีตัดผักบุ้งจีน ให้ตัดเหลือตาติดที่ใบประมาณ 2 ตาจากพื้นดิน เพราะเขาจะแตกกิ่งใหม่มาให้เราเก็บกินอีก 2-3 ครั้ง (ตัดแบบนี้ทุกครั้ง)

 

พริก

นำเมล็ดพริกไปแช่น้ำไว้ 1 วัน แล้วนำมาผึ่งให้แห้ง เตรียมดินโดยการผสมดินร่วน ทราย และปุ๋ยหมัก เพื่อเทลงในกระถางเพาะกล้า จากนั้นหย่อนเมล็ดพริกลงไปในดิน ต้องดูแลรดน้ำให้ต้นสูงประมาณ 6 นิ้ว แล้วจึงคัดเลือกเอาต้นกล้าที่แข็งแรงที่สุดไปปลูกในกระถางที่มีดินร่วนปนทรายและปุ๋ยหมัก รดน้ำเช้าและเย็น ที่สำคัญตั้งให้โดนแดด

 

คะน้า

เริ่มจากการหยอดเมล็ดเป็นหลุมๆ ละ 3-5 เมล็ด ระยะห่างหลุมละ 20 เซนติเมตร หรืออาจโรยเมล็ดบาง ๆ เป็นแถวห่างกันแถวละ 20 เซนติเมตร เช่นเดียวกัน หลังหยอดเมล็ดหรือโรยเมล็ด 10 วัน หรือเมื่อมีใบจริงผลิออกมา 2-3 ใบ จะต้องถอนต้นกล้าแยกให้เหลือหลุมละ 2 ต้น  ใส่ปุ๋ยยูเรียหลังจากถอนแยกหรือทำระยะปลูกแล้ว  โดยหลังใส่ปุ๋ยครั้งแรก 10 วัน จึงค่อยใส่ปุ๋ยยูเรียครั้งที่สอง

คะน้า มีอายุการเก็บเกี่ยว 30-45 วัน หลังหยอด เมื่อเก็บเกี่ยวไม่ควรถอนผักทั้งต้น เก็บผักให้เหลือใบทิ้งไว้กับต้น 2-3 ใบ ต้นและใบที่เหลือจะสามารถเจริญให้เป็นผลผลิตเก็บเกี่ยวในครั้งต่อไปได้อีก

 

กะเพรา

เตรียมดินให้ละเอียด หว่านเมล็ดให้ทั่วแปลง แล้วใช้ฟางกลบ หรือใช้ปุ๋ยคอกที่ย่อยสลายดีแล้ว โรยทับบาง ๆ จากนั้นรดน้ำตามทันทีด้วยบัวรดน้ำตาถี่ เมล็ดจะงอกเป็นต้นกล้าภายใน 7 เมื่อกล้าอายุ 1 เดือน ถอนแยกจัดระยะต้นให้โปร่ง หรือใช้ระยะระหว่างต้น ประมาณ 20-30 เซนติเมตร

สามารถเก็บเกี่ยวกระเพราะได้ หลังจากหยอดเมล็ดไปแล้ว 45-50 วัน ผักชีฝรั่ง โดยระหว่างการเจริญเติบโต ให้หมั่นเด็ดดอกทิ้งเพื่อให้ลำต้นและใบเจริญเติบโตได้เต็มที่

 

ฟักทอง

ฟักทองเป็นผักที่มีเมล็ดค่อนข้างใหญ่ งอกเร็ว โดยวิธีการปลูก เริ่มจากการหยอดเมล็ดในแปลงปลูก หรือภาชนะปลูก หลุมละ 3-5 เมล็ด เมื่อเมล็ดงอกกระทั่งมีใบจริง 3-5 ใบ ให้ถอนแยกให้เหลือเฉพาะต้นที่แข็งแรง หลุมละ 2 ต้น ใส่ปุ๋ยยูเรียหลังเมล็ดงอก 2 อาทิตย์ เมื่อเริ่มออกดอกใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 12-24-12 ต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ คอยดูแลกำจัดวัชพืชและแมลงต่างๆ  จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลฟักทองได้เมื่ออายุประมาณ 40-60 วัน หลังหยอดเมล็ด

นอกจากนี้การผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์จากเศษอาหาร หรือเศษพืชผัก ไว้สำหรับบำรุงต้นผักในสวนครัวด้วยตนเอง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนของการดูแลพืชผักสวนครัว ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และสามารถเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างสังคมสุขภพดีอย่างยืนในอนาคตได้อีกด้วย

 

เรียงเรียงโดย นางสาวสุภัค พูลจันทร์
นักศึกษาฝึกประสบการณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ร่วมแสดงความคิดเห็น