พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส! กลุ่มวิสาหกิจชุมชนการเกษตร เพื่อการตลาดดอยหล่อ ปลูกฟักทองแฟนซี สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส กลุ่มวิสาหกิจชุมชนการเกษตร เพื่อการตลาดดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ หันมาปลูกฟักทองแฟนซี แห่งเดียวในประเทศ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ขณะที่ปัจจุบันได้รับความนิยมส่งออกต่างประเทศ จนยอดการผลิตไม่เพียงพอ ต่อความต้องการของตลาด

วันที่ 21 ก.พ.61 รายงานข่าวแจ้างว่า ที่ อ.หล่อ จ.เชียงใหม่ สมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนการเกษตร เพื่อการตลาดดอยหล่อ ช่วยกันคัดแยกทำความสะอาดผลฟักทองแฟนซี เพื่อส่งขายยังต่างประเทศ หลังจากมีการศึกษาและดำเนินการปลูก ซึ่งผลผลิตมีความโดดเด่น จนกระทั่งได้รับความนนิยมจากผู้บริโภค ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา พบว่ามียอดสั่งซื้อจำนวนมาก จนผลผลิตขาดตลาด โดยทางกลุ่มได้ส่งเสริมให้สมาชิกปลูกพืชตระกูลฟักเป็นระยะเวลานับ 10 ปี โดยปีนี้มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 90 ไร่ มีการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนการเกษตรเพื่อการตลาด ผลิตฟักทองแฟนซี ซึ่งเป็นแหล่งเดียวในประเทศไทย

ต่อมาจึงได้ร่วมกับเกษตร อ.ดอยหล่อ และนักวิชาการจาก มช. ในการพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ โดยปีนี้ มีผลผลิตออกขายมากถึง 800,000 ลูก ส่งขายตลาดในเชียงใหม่และทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังส่งออกยังประเทศกัมพูชา เวียดนาม ลาว และจีน โดยฟักทองแฟนซีถือได้ว่าเป็น 1 ในสิ่งของไหว้เทพเจ้าที่คนจีนนิยมนำมาไหว้ช่วงเทศกาลตรุษจีนและสารทจีน โดยไหว้เป็นคู่ใช้สีขาวกับสีเหลือง ซึ่งในปีนี้ตลาดมีความต้องการฟักทองแฟนซีมากถึง 150,000 ลูก ซึ่งทางกลุ่มสามารถผลิตฟักทองแฟนซี ป้อนให้กับตลาดได้เพียง 800,000 ลูกเท่านั้น เนื่อง จากข้อจำกัดหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ปลูกและจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ในกลุ่ม

ทั้งนี้ นายศุภธนิศร์ ภูเวียงจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนการเกษตร เพื่อการตลาดดอยหล่อ เปิดเผยว่า ฟักทองแฟนซี ที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ สีเหลืองกับสีขาวทีมีรูปทรงคล้ายถุง ตามความเชื่อเหมือนกับถุงเงินถุงทอง ซึ่งจะขายส่งในราคาลูกละ 5 -15 บาท แล้วแต่ขนาดและความสวย ถ้าหากนำมามีการตกแต่งให้เหมาะสมกับเทศกาลตรุษจีน สามา รถเพิ่มมูลค่าเป็นลูกละ 50 – 100 บาท นอกจากฟักแฟนซีจะเป็นพืชประดับหรือนำไปไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้าแล้ว ยังสามารถนำไปรับประทานและแปรรูปได้หลายรูปแบบ ทั้งอาหารคาวและหวาน และสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 6 เดือน

ในส่วนของการปลูกฟักทองแฟนซี เป็นพืชที่ปลูกง่ายไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและแมลงรบกวน เนื่องจากพืชตระกูลฟักมีภูมิต้านทานของโรคที่สูง นอกจากนี้การมีการใช้ปุ๋ยคอกและมูลสัตว์ ประกอบใช้ในการปลูกใช้เวลาปลูกระยะสั้นเพียง 45 วัน ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.จนถึงปลายเดือน ม.ค. ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ จึงทำให้เกษตรกรมีต้นทุนในการปลูกไม่สูงมากคิดเป็นร้อยล่ะ 40 ของรายได้หรือประมาณ 20,000 บาทต่อไร่ ซึ่งเกษตรกรที่ปลูกฟักแฟนซีจะมีรายได้ประมาณ 9,000 บาทต่อไร่ เมื่อหักต้นทุนแล้ว

ร่วมแสดงความคิดเห็น