บิ๊กภาค5ฮึ่ม! ผกก.แม่แฝก คดีวัยรุ่น-ตชด. ชี้แจงด่วนทำไมล่าช้าลงพื้นที่ตรวจเอง

ผก.บิ๊กภาค 5 ฮึ่ม ผกก.แม่แฝก คดีวัยรุ่น-ตชด. ชี้แจงด่วนทำไมล่าช้า ลงพื้นที่ตรวจสอบเอง
เหตุการณ์กรณี ตำรวจ ตชด. ทะเลาะวัยรุ่นล่าช้า ขณะที่ผู้การเชียงใหม่ลงพื้นที่สอบปากคำข้อเท็จจริงทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว เมื่อเวลา 15:00 น. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ใต้ตึกกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ. 5 เปิดเผยว่า กรณีที่ตำรวจ ตชด. 33 แม่เตาไห อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ มีเรื่องทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ จนเป็นเหตุให้กลุ่มผู้เสียหายทั้ง 2 ฝ่าย ได้รับบาดเจ็บ นั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตนเองเพิ่งทราบข่าวและไม่ได้รับการรายงานจากผู้กำกับการ สภ.แม่แฝก อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ แต่อย่างใด ซึ่งตามที่เคยประชุมรับมอบนโยบายตนก็ได้สั่งการไปแล้ว แต่ก็ยังมีการรายงานเหตุการณ์ในครั้งนี้ล่าช้า ตนจะต้องลงโทษให้เขียนรายงานชี้แจงข้อเท็จจริงมาก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16:00 น. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2561 ที่สถานีตำรวจภูธรแม่แฝก อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวนเชิญตัว นายสุริยะ พงษ์คำมูล อายุ 22 ปี ชาวตำบลแม่แฝก อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ และนายนิกร ขันทะธง อายุ 24 ปี ชาวตำบลแม่แฝกใหม่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ รับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงสายวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 ส.ต.ต.วันเฉลิม ก่อกุศล และ ส.ต.ต.ธนกฤต ธิฟู ตำรวจสังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เข้าแจ้งความว่าช่วงเวลาประมาณ 00:30 น. ของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 ถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บ
เหตุเกิดที่บริเวณร้านขายของชำแห่งหนึ่งใกล้กับวัดเจดีย์แม่ครัว ซึ่งนายสุริยะ รับสารภาพว่าใช้ไม้ตีผู้บาดเจ็บ ส่วนนายนิกร รับสารภาพว่า ชกผู้บาดเจ็บ โดยในระหว่างที่มีการเชิญผู้ต้องหาและกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าให้ปากคำเพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าในช่วงนั้นทางกลุ่มตำรวจตระเวนชายแดนที่เป็นคู่กรณีและยังเป็นวัยรุ่นอยู่ด้วยเช่นกัน ได้ก่อเหตุชกเข้าที่บริเวณเบ้าตาของกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่แฝก ทำให้วัยรุ่นคู่กรณีได้รับบาดเจ็บ และยิ่งทวีความไม่พอใจมากยิ่งขึ้นให้กับกลุ่มญาติที่มารออยู่บริเวณสถานีตำรวจจำนวนมาก
เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่พอใจอยู่แล้วที่ทางตำรวจตระเวนชายแดนคู่กรณีพยายามกล่าวอ้างว่า ในช่วงที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างการปฏิบัติที่นอกเครื่องแบบ และมีหนังสือรับรองจากผู้บังคับบัญชานำมาใช้ในการแจ้งความด้วย เพื่อหวังให้ดำเนินคดีกับวัยรุ่นคู่กรณีในข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงานระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขัดแย้งกับข้อมูลของผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่ต่างบอกตรงกันว่าตำรวจตระเวนชายแดนคู่กรณีเพิ่งกลับมาจากการเที่ยวงานวัดที่วัดเจดีย์แม่ครัวที่มีการฉลองยกช่อฟ้า ขณะที่ทางกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างยืนยันว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดการทำร้ายกันดังกล่าวเนื่องจากในช่วงเกิดเหตุตำรวจตระเวนชายแดนที่ยังเป็นวัยรุ่นทั้งสองคนนั้น อยู่ในอาการมึนเมาอย่างหนัก และมีการชักปืนพร้อมขึ้นลำกล้องไว้ออกมาในเชิงโอ้อวดและข่มขู่กลุ่มวัยรุ่นคู่กรณี จนทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น โดยที่หนึ่งกลุ่มวัยรุ่นได้แย่งปืนมาได้ และเกิดการต่อสู้กัน แต่มีผู้ที่เห็นเหตุการณ์และทราบว่าทั้งสองคนเป็นตำรวจตระเวนชายแดน จึงได้ยุติและมีการนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล พร้อมกับคืนอาวุธปืนให้

ซึ่งคิดว่าเรื่องราวน่าจะสิ้นสุดและเลิกรากันไปแล้ว แต่ต่อมาทางตำรวจตระเวนชายแดนทั้งสองคนได้กลับมาแจ้งความในช่วงสายและอ้างว่าขณะที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ซึ่งไม่เชื่อว่าเป็นความจริง และตั้งข้อสังเกตด้วยว่า หากบริสุทธิ์ใจจริงแล้วเหตุใดไม่รีบเข้าแจ้งความทันทีตั้งแต่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามในช่วงค่ำของวันเดียวกันนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า พลตำรวจตรีสรายุทธ สงวนโคภัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแม่แฝก เพื่อติดตามกรณีที่เกิดขึ้น โดยมีการเชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้าพูดคุย ซึ่งเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าให้ดำเนินการตามกฎหมายกับคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน

ร่วมแสดงความคิดเห็น