ตำรวจ สภ.แม่ปิง คุมตัวเมียหนุ่มรถตู้สอบเครียด รับมีสัมพันธ์กับมือฆ่าจริงแต่ไม่ได้เป็นคนบงการฆ่าสามีตัวเอง

ตำรวจ สภ.แม่ปิง คุมตัวเมียหนุ่มรถตู้สอบเครียด หลังการสืบสวนขยายผลพบมีเอี่ยวในการวางแผนฆ่าสามีตัวเองเพราะแอบคบกับมือมีด หลังสอบสวนนานหลายชั่วโมงแต่เจ้าตัวยังไม่ปริปาก ยอมรับว่าบมีสัมพันธ์กับมือฆ่าจริงแต่ปัดเรื่องบงการฆ่าสามีตัวเอง ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเบาะแสการติดต่อโทรศัพท์ของ พบมีเบาะแสสอดคลองกับวันเกิดเหตุ หลังคนร้ายก่อเหตุแล้วโทรหา

จากกรณีคดีคนร้ายก่อเหตุ ใช้มีดแทง นายศุภกร ยาวิชัยย์ อายุ 45 ปี อาชีพขับรถตู้รับจ้าง เสียชีวิต ที่บริเวณซอยทางเข้า เอส อาร์ คอนโดมิเนียม ถนนวัดหนองป่าครั่ง ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อช่วงเย็น วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่ปิง และ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ได้ทำการติดตามเบาะแสกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัว นายบรรลือ อู่บุญทา อายุ 33 ปี ชาวจังหวัดอุดรธานี คนร้ายที่ก่อเหตุได้ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และนำตัวมาทำแผน ประกอบคำรับสารภาพ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2561 จากนั้นในช่วงค่ำของวันเดียวกันนี้ ทางตำรวจได้ทำการขยายผลและออกหมายจับ นางสาววาทิตา หรือ พัฒน์ บุญต่อม อายุ 32 ปี ภรรยาของนายศุภกร ซึ่งอยู่ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย หลังสืบทราบว่าได้วางแผนกับ นายบรรลือ อู่บุญทา ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้แล้วนั้น ฆ่าผู้ตายเพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย จับกุม นางสาววาทิตา หรือ พัฒน์ บุญต่อม ขณะอยู่ในงานศพของ นายศุภกร สามี ก่อนจะนำตัวมาสอบสวนข้อเท็จจริง

ทั้งนี้จากข้อมูลของทางเจ้าที่ตำรวจพบว่า นางสาววาทิตา และ นายบรรลือ มือมีด แอบมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเชิงชู้สาว ระหว่างที่ นายศุภกร มาทำงานหารายได้ที่จังหวัดเชียงใหม่นานเกือบ 4 ปี เพื่อส่งเงินไปเลี้ยงดูครอบครัวอยู่ที่จังหวัดเชียงรายและนานๆ จะกลับบ้าน จนกระทั่ง นางสาววาทิตา ไปพบกับ นายบรรลือ จนกระทั่งเริ่มมีการติดต่อกันเพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเคยรู้จักกันสมัยเรียน และต่อมาก็ได้แอบมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกันในช่วงที่ นายศุภกร สามีไม่อยู่บ้าน และเริ่มมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งจนกระทั่งร่วมกันวางแผนฆ่า นายศุภกร เนื่องจากกลัวว่าจะถูกจับได้ รวมไปถึงการหวังผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเสียชีวิตของ นายศุภกร สามี เพราะทราบว่า นายศุภกร ได้ทำประกันชีวิตไว้ด้วย

นอกจากนี้แล้วหลักฐานสำคัญที่เชื่อมโยงไปถึงตัว นางสาววาทิตา ผู้ต้องหารายนี้ก็คือ ในช่วงของวันเกิดเหตุนั้น นางสาววาทิตา ได้ทำการติดต่อกับ นายบรรลือ มือมีด โดยได้รายงานความเคลื่อนไหวของผู้ตาย จนกระทั่งให้ นายบรรลือ มาดักเฝ้ารอที่เกิดเหตุก่อนที่จะใช้อาวุธมีดก่อเหตุดังกล่าว และหลังเกิดเหตุ ตำรวจยังได้ตรวจสอบหลักฐานพบว่า นายบรรลือ ได้โทรไปหา นางสาววาทิตา ทันทีหลังก่อเหตุเสร็จเพื่อรายงานผลว่าได้ฆ่า นายศุภกร เสียชีวิตแล้ว ก่อนที่จะหลบหนีไปต่างจังหวัด ซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐานที่สัมพันธ์กันจึงได้ทำการขอออกหมายจับทันที

รายงานข่าวล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่ พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัว นายบรรลือ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยขณะทำการนำตัวขึ้นรถไปนั้น นายบรรลือ ไม่ได้มีอาการสะทกสะท้านกับเรื่องราวดังกล่าวแต่อย่างใด และขณะเดียวกันจากการสอบปากคำ นายบรรลือ ได้ให้การโดยอ้างว่า รู้จักกับ นางสาววาทิตา สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยม มานานกว่า 10 ปีแล้ว หลังจากนั้นตนก็ได้ไปบวชเป็นพระที่ จังหวัดเพชรบูรณ์ และได้สึกมาประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป กระทั่งเล่นเฟซบุ๊คและได้ไปเจอกับ นางสาววาทิตา เพื่อนเก่าโดยบังเอิญอีกครั้ง จึงติดต่อกันเรื่อยมา จนกระทั่งได้เดินทางไปหา นางสาววาทิตา ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย และแอบมีสัมพันธ์กันเมื่อวันที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ได้ติดต่อกันมาเรื่อยๆ ซึ่ง นางสาววาทิตา เองก็ได้มีเรื่องทะเลากับสามีและได้ขอหย่าแต่สามีไม่ยอม กระทั่งล่าสุดได้มาเจอ นางสาววาทิตา อีกครั้งในวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ โดยฝ่ายหญิงบอกกับตนว่าได้ตั้งท้อง ประจำเดือนไม่มา และเกรงว่า นายศุภกร สามีจะจับได้ว่าแอบไปมีชู้ จึงได้วางแผนกันในการที่จะกำจัดสามีของตัวเองเสียเพื่อขจัดขวากหนามและหวังผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเสียชีวิตของ นายศุภกร สามี

ขณะที่ตำรวจ สภ.แม่ปิง หลังรับตัว นางสาววาทิตา มาทำการสอบสวนที่สถานีนั้นเจ้าตัวก็ไม่ยอมพูดอะไรแม้แต่ข้าวก็ไม่ยอมกิน ด้าน พ.ต.อ.สิทธิ์ศักดิ์ ศิริเดชอนันต์ ผกก.สภ.แม่ปิง เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้ทำการนำตัวผู้ต้องหาชายส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ส่วนผู้ต้องหาหญิงรายนี้ กำลังให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำเพิ่มเติมก่อน หากเสร็จก็คาดว่าน่าจะส่งตัวไปฝากขต่อไป แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางผู้ต้องหาหญิงยังให้การภาคเสธอยู่ โดยยอมรับว่าคบหากับผู้ต้องหาชายเท่านั้น แต่ไม่ได้เป็นคนบงการฆ่าสามีของตัวเอง

ทั้งนี้จากแนวทางการสืบสวนของ พ.ต.อ.สิทธิ์ศักดิ์ ศิริเดชอนันต์ ผกก.สภ แม่ปิง และฝ่ายสืบสวน ได้รวบรวมเบาะแสจากกล้องวงจรปิด รวมทั้งข้อมูลในช่วงที่ นางสาววาทิตา มารับศพผู้ตายที่ จังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำและขอเบอร์โทรศัพท์ของ นางสาววาทิตา พร้อมกับตรวจสอบ จนแน่ชัดว่าวันเกิดเหตุ นางสาววาทิตา ได้โทรศัพท์หาผู้ตาย จากนั้นคนร้ายก็ได้ลงมือ หลังลงมือเสร็จก็โทรศัพท์หา นางสาววาทิตา ตำรวจจึงได้รวบรวมเป็นหลักฐาน รวมทั้งคำให้การของพยานที่ไปส่งคนร้ายและหลักฐานการโอนเงินของ นางสาววาทิตา กับคนร้าย นอกจากนี้ยังมีการให้การซัดทอดของคนร้าย จนเป็นที่มาขออนุมัติศาลออกหมายจับ นางสาววาทิตา ดังกล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น