หน้ากากอนามัย ใช้อย่างไรจึงจะปลอดภัย

ปัจจุบันจังหวัดเชียงใหม่นั้นมีมลภาวะทางอากาศมาขึ้น เนื่องจากในอากาศมีฝุ่นควันทำให้ชาวเชียงใหม่ต้องหันมาดูแลสุขภาพของตัวเองกันมากยิ่งขึ้น โดยการใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่น โดยค่าปริมาณฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน (PM10) ไม่เกิน 120 ไมโครกรัม/ลบม.

ขอแนะนำให้ประชาชนดูแลสุขภาพโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
1. เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
2. หญิงตั้งครรภ์
3. ผู้สูงอายุ และ
4. ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง

ด้วย 5 มาตรการ “หลีก ปิด ใช้ เลี่ยง งด” ได้แก่
1.) หลีก การสัมผัสฝุ่นละออง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้สูงอายุ , หญิงตั้งครรภ์ , เด็กเล็ก และผู้ป่วยโรคเรื้อนรัง เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือดฯลฯ
2.) ปิด ประตู หน้าต่างให้มิดชิด ป้องกันฝุ่นละอองเข้าบ้าน (Clean Room)
3.) ใช้ หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น

หน้ากากอนามัย คือหน้ากากที่ช่วยป้องกันมลภาวะทางอากาศหรือ การป้องกันเชื้อโรคจากตนเองสู้ผู้อื่นหรือป้องกันเชื้อโรคทางเดินอากาศ แพทย์แนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากเป็นวิธีการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสจากคนสู่คนได้

ประเภทของหน้ากากอนามัย
-หน้ากากอนามัยแบบทั่วไป หน้ากากอนามัยประเภทนี้จะค่อนข้างกระชับกับใบหน้า โดยแนบไปกับใบหน้า ซึ่งในวงการแพทย์เป็นส่วนใหญ่ และมักใช้เพื่อป้องกันการแพร่ กระจายของเชื้อโรคผ่านทางการไอ หรือจามได้ ทว่าข้อเสียของหน้ากากอนามัยชนิดนี้คือ บริเวณด้านล่างของหน้ากากอนามัยจะไม่สามารถป้องกันการได้รับสารปนเปื้อนจาการสูด ดมได้

-หน้ากากอนามัยแบบ N95 เป็นหน้ากากอนามัยชนิดที่ช่วยป้องกันการเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมากๆ ได้โดยประสิทธิภาพในการป้องกันจะสูงกว่าหน้ากากอนามัยแบบทั่วไป เนื่องจากลักษณะของหน้ากากอนามัยชนิดนี้จะมีลักษณะครอบลงไปที่บริเวณหน้าปากและจมูกอย่างมิดชิดทำให้เชื้อไวรัสหรือสารปนเปื้อนไม่สามารถลอดผ่านได้
ประโยชน์ของหน้ากากอนามัย

ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดของหน้ากากอนามัยคือ หน้ากากอนามัยช่วยป้องกันมลพิษและเชื้อโรคจากสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเชื้อโรคจากผู้อื่น และป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคไปยังผู้อื่นได้เป็นอย่างดี โดยมีการศึกษาพบว่าหน้ากากอนามัยนั้นช่วยกรองเชื้อโรคออกได้ถึง 80% ทว่าก็ยังคงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น

ข้อเสียของหน้ากากอนามัย
ไม่สามารถป้องกันได้ 100% หน้ากากอนามัยส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเพียงประมาณ 80% ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุ หากเป็นหน้ากากอนามัยชนิด N95 ป้องกันได้ 95% ดังนั้น ผู้ใช้จึงยังอาจมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้
ไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ทุกชนิด แม้จะช่วยป้องกันเชื้อโรคได้ในระดับหนึ่งแต่ยังไม่มีการทดสอบว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคชนิดใดชนิดหนึ่งได้อย่างเจาะจง ดังนั้น หน้ากากอนามัยจึงไม่สามารถใช้เพื่อป้องกันโรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะได้

ใช้ได้ครั้งเดียว หน้ากากอนามัยเกือบทุกชนิดจะเป็นชนิดใช้แล้วทิ้ง และไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ หรือทำความสะอาดได้ เนื่องจากเมื่อใช้แล้วเชื้อโรคจะติดอยู่บนหน้ากากอนามัย หากใช้ซ้ำก็อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
ไม่มีผลวิจัยชัดเจนว่าช่วยป้องกันได้ แม้วงการแพทย์จะแนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยป้องกันมลพิษหรือการติดเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจ แต่ยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนว่าหน้ากากอนามัยมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจหรือมลพิษมากเพียงใด
ขอบคุณข้อมูลจากเว็ป POBPAD

ร่วมแสดงความคิดเห็น