เรือนกระจก

น้อยคนที่จะมีโอกาสได้รู้จักและเคยเห็นเรือนกระจก เพราะประเทศไทยเราไม่ค่อยมีปัญหา การปลูกต้นไม้ ปลุกดอกไม้และพืชผลต่างๆ ปัจจุบันเริ่มจะต้องใช้เรือนกระจก ตัวอย่างภาคเหนือบ้านเรา ก็สามารถไปชมดูเรือนกระจกได้ที่สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ไปเส้นทางน้ำตกแม่สา เส้นทางไป อ.สะเมิง แต่อยู่เขต อ.แม่ริมนี่เอง
ซึ่งที่นี่เรือนกระจก เป็นอาคารที่มีผนังและหลังคาเป็นกระจกทั้งหมด เพื่อต้องการให้แสงผ่านเข้าได้ จึงสามารถปลูกต้นไม้ต่างๆได้ผลงอกงามตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในต่างประเทศเขตหนาวจะนิยมใช้เรือนกระจก ในฤดูหนาวจะทำให้ภายในอบอุ่นและในฤดูร้อนก็มีการถ่ายเทอากาศ โดยการเปิดหน้าต่างด้านข้าง ส่วนภายในเรือนกระจกจะมีท่อน้ำ ท่อทำความร้อนเดินรอบและไฟฟ้าช่วยเพิ่มแสงถ้าต้องการ สามารถบังคับความชื้น ความร้อนและแสงให้พอเหมาะ ในประเทศแถบหนาวจึงสามารถปลูกต้นไม้ของเขตร้อนได้อย่างสบาย และเมื่อแสงแดดส่องเข้าไปในเรือนกระจก พืชก็จะใช้แสงนั้นบางส่วนเพื่อทำการสังเคราะห์ ส่วนแสง ที่เหลือก็กลายเป็นความร้อนแต่ความร้อนนั้นจะทะลุหลังคากระจกออกไปได้ช้ามาก ความร้อนจึงถูกกักเก็บไว้ทำให้เรือนกระจกอบอุ่นขึ้น
โลกของเราก็เหมือนเรือนกระจกขนาดใหญ่ รอบๆโลกจะมีบรรยากาศห่อหุ้มซึ่งยอมให้แสงอาทิตย์ผ่านเข้าได้และความร้อนบางส่วนก็จะกลับออกไปสู่อวกาศนอกโลก แต่โลกเราในบรรยากาศจะมีแก๊สบางส่วนเก็บความร้อนไว้ จึงทำให้โลกเราอบอุ่น ผลที่เกิดขึ้นนี้คือปรากฏการณ์ของเรือนกระจก แต่แก็สเรือนกระจกต้องมาเจอ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นแก๊สที่เกิดการเผาไหม้เช่น เชื้อเพลิง เผาป่า ถ่านหิน น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องจักกลต่างๆและรถที่ใช้เครื่องยนต์และยังมีแก๊สอื่นๆอีกที่มาจากอุตสาหกรรมเช่น คลอโรฟลูออโรคาร์บอน ที่เป็นสารทำความเย็น เช่นสารที่ใช้ในกระป๋องสเปรย์และใช้เป็นวัตถุดิบในการทำโฟมพลาสติก และทำให้ โลกเกษตรกรรมกลายเป็นโลกอุสาหกรรมจึงทำให้แก๊สหลายชนิดอยู่ในอวกาศ
ซึ่งหลายฝ่ายคาดกันว่า ภายใน50 ปีข้างหน้าอุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้น แต่ถ้าโลกร้อนขึ้นช้าๆก็คงไม่มีปัญหาธรรมชาติก็จะปรับตัวให้สมดุลของสิ่งมีชีวิต แต่..ถ้าโลกร้อนขึ้นเร็วก็จะทำให้เกิดผลเสียอย่างรุ่นแรงได้หลายประการ เช่น น้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เกิดน้ำทะเลทั่วไปท่วม ลมฟ้าอากาศทั่วๆไปของโลกเปลี่ยนไป ถึงฤดูต่างๆก็เปลี่ยนไป ดินแดนที่เคยอุดมสมบูรณ์ อาจจะมีฝนตกหนักน้ำท่วม หรือแห้งแล้งขาดฝน แถบที่เคยแล้งกลับมีฝนแถบที่มีฝนกลับแห้งแล้ง
ทุกๆสิ่งเหล่านี้มนุษย์เราเองที่เป็นตัวการทำลายความสมดุลของระบบนิเวศวิทยา ความกระทบกระเทียนเกิดขึ้นไปทั่วโลก เพราะฉะนั้นเพื่อความอยู่รอดของสัตว์โลกโดยเฉพาะมนุษยชาติ ทุกๆคนต้องช่วยกันแก้ปัญหาที่ตนเองก่อขึ้นครับ

ร่วมแสดงความคิดเห็น