บัณฑิตวิทยาลัย ม.แม่โจ้ จัดประชุมวิชาการ และประกวดนวัตกรรม ระดับชาติและนานาชาติ

วันที่ 17 พ.ค.61 เวลา 9.30 น. ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติดิเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียง ใหม่  ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีเปิด และบรรยายพิเศษ ในการประชุมวิชาการและการประกวดนวัตกรรมบัณฑิตศึกษา ระดับชาติและนานาชาติ
รศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เม่งอำพัน คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย ม.แม่โจ้ กล่าวว่า บัณฑิตวิทยาลัย ม.แม่โจ้ จัดประชุมวิชาการและการประกวดนวัตกรรมบัณฑิตศึกษา ระดับชาติและนานาชาติ ระหว่างวันที่ 17-18 พ.ค.61 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติดิเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส เชียงใหม่ ทั้งนี้ 1.เพื่อเป็นเวทีเผยแพร่และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ผลงานวิจัย และผลงานนวัตกรรม อันจะนำไปสู่การต่อยอดองค์ความรู้ทางวิชาการ และการนำไปใช้ประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และประเทศต่อไป
2. เพื่อเป็นเวทีเผยแพร่ผลงานจากดุษฎีนิพนธ์ วิทยานิพนธ์ ภาคนิพนธ์ ปัญหาพิเศษ และการค้นคว้าอิสระของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา 3. เพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานดุษฎีนิพนธ์ วิทยานิพนธ์ ภาคนิพนธ์ ปัญหาพิเศษ และการค้นคว้าอิสระ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และประเทศ และ 4. เพื่อพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา อาจารย์ และนักวิจัย จากสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนภายในประเทศและต่างประเทศ
การประชุมวิชาการ และประกวดนวัตกรรมบัณฑิตศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 2  ภายใต้หัวข้อ “งานวิจัยและนวัตกรรมบัณฑิตศึกษา เพื่อความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและสังคม” เป็นความร่วมมือระหว่าง ม.แม่โจ้ และผู้ให้การสนับสนุน ได้แก่ 1. คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ม.ราชภัฏสวนสุนันทา 2. บริษัท เอส เเอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) 3.สวทช. ภาคเหนือ 4. บริษัท เจพี นอร์ทเทิร์นฟาร์ม จำกัด (นราห์) 5. สมาคมส่งเสริมนวัตกรรมและการประดิษฐ์ไทย (ATIP) 6. บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) 7. สถาบันบ่มเพาะวิสาหกิจ ม.แม่โจ้ (UBI) 8. สถาบันบริการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ (IQS) 9. ธนาคารออมสิน และ 10.หจก.ไบโอ พอยท์ มาร์เก็ตติ้ง
โดยมีบัณฑิตวิทยาลัย ม.แม่โจ้ เป็นเจ้าภาพ โดยมุ่งเน้นความสำคัญของงานวิจัย ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศ และการขับเคลื่อนสู่ประเทศไทย 4.0 ตามนโย บายของรัฐบาล อีกทั้งเป็นเวทีในการนำเสนอผลงานวิจัย ทางวิชาการ และ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ใหม่ ๆ ระหว่างผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์ นักวิจัย นักศึกษา ชุมชน ผู้ประกอบการ และผู้สนใจทั่ว ไป
การประชุมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติอย่างยิ่งจาก ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร  จิตต์มิตรภาพ ที่ปรึกษา รมว.กระ ทรวงศึกษาธิการ มาเป็นประธานพิธีเปิด และบรรยายพิเศษในหัวข้อเรื่อง “Graduate Research and Innovation for Economic and Social Sustainability”  และได้รับเกียรติจาก พล.อ.อ.ดร.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงยุติธรรม  บรรยายพิเศษ “นโยบายการวิจัยและนวัตกรรมระดับบัณฑิตศึกษา เพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย อย่างเป็นรูปประธรรม” พร้อมทั้งเป็นประธานมอบรางวัลการประกวดนวัตกรรม ในพิธีปิดการประชุม วันที่ 18 พ.ค.61 และการบรรยายจากวิทยากรรับเชิญจากคณาจารย์ นักวิจัยและนักศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา
ภายในงานมีการนำเสนอผลงานวิจัยในรูปของภาคบรรยาย ภาคโปสเตอร์ ทั้งในระดับชาติและระดับนานา ชาติ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ วิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ โดยมีผู้เข้าลงทะเบียนส่งผลงาน จำนวน 325 บทความ ประกอบด้วย ระดับชาติ 236 บทความ ระดับนานาชาติ 69 บทความ และการประกวดผลงานนวัตกรรม 22 ผลงาน
โดยมีผลงานที่น่าสนใจ อาทิ เช่น หนังสือ 3 มิติที่สัมผัสได้ ชุดตรวจเชื่อพยาธิในเม็ดเลือดสุนัข และสมุนไพรนั่งถ่านคุณแม่หลังคลอด เป็นต้น โดยรางวัลการประกวดนวัตกรรม 13 รางวัล ประกอบด้วย Platinum Award จำนวน 1 รางวัล 20,000 บาท Gold Award จำนวน 3 รางวัลๆ ละ 15,000 บาท Silver Award จำนวน 3 รางวัลๆ ละ 10,000 บาท Bronze Award จำนวน 3 รางวัลๆ ละ 6,000 บาท และรางวัลชมเชย จำนวน 3 รางวัลๆ ละ 4,000 บาท รวมทั้งมีการแสดงผลงานนวัตกรรม และของคณาจารย์ และนักศึกษา ระดับบัณฑิตศึกษา ที่ได้รับรางวัลในระดับนานาชาติ

ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง จากท่านผู้บริหารระดับสูง คณาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งบุคลากรจากสถาบันเครือข่ายและหน่วยงานภาคธุรกิจ ตลอดจนคณะกรรมการจัดงานฯ ที่ให้การสนับสนุนให้งานประชุมครั้งนี้ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีตรงตามวัตถุประสงค์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประชุมในครั้งนี้ จะเกิดผลในเชิงบวกในบรรยากาศที่อบอุ่นและมิตรภาพ ต่อการขับเคลื่อนงานวิชาการ สู่การพัฒนาประเทศบนพื้นฐานงานวิจัยและนวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรมและมีคุณค่าในเชิงวิชาการต่อ สังคม เศรษฐกิจ ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมของประเทศ ได้อย่างยั่งยืนต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น