ว่อนโซเชียล ปลุกกระแสน้ำมันแพง1-7 มิ.ย.นี้ บอยคอต!! ปั๊มปตท. ฮึ่มแจ้งเอาผิดคนปล่อยข่าว

สืบเนื่องจากมีการปรับราคาน้ำมันในประเทศ พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายในสังคม โดยเฉพาะในโลกโซเชียล และมีการวิเคราะห์ว่าการปรับราคาในครั้งนี้จะส่งผล กระทบโดยตรงต่อประชาชนชาวกลุ่มรากหญ้า ที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มมากขึ้น จนนำไปสู่การรวมตัวรณรงค์บอยคอต การเติมน้ำมันจากสถานีให้บริการน้ำมันของ ปตท. ถึงแม้ว่าเมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 26 พ.ค.61 ที่ผ่านมาทาง ปตท.และบางจาก ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดลง 50 สต./ลิตร ยกเว้น E85 ลดลง 30 สตางค์/ลิตร ก็ตาม มีการโจมตี ปตท.รวมถึงการเขียนโจมตีใส่ร้าย นายกรัฐมนตรี อย่างต่อเนื่อง และได้มีการปลุกกระแสบอยคอต สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ระหว่างวันที่ 1-7 มิ.ย. 61 นี้ ว่อนโซเชียลกันอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
โดยเมื่อเช้าวันที่ 25 พ.ค.61 ที่ผ่านมา ทางนายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ที่รู้จักกันในฉายา “นกฮูก” ที่ จ.แม่ ฮ่องสอน ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังมา และได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งปลัด อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เข้าแจ้งความต่อ พงส.สภ.แม่ริม หาตัวผู้กระทำผิดแพร่ภาพในโลกโซเซียลให้ร้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถือเป็นความผิดอาญาที่ลงข้อความ ส่งผลต่อความเชื่อถือ มีการกระจายภาพในโลกโซเซียล ตามที่ปรากฏภาพทางสื่อสังคมออนไลน์ เป็นรูปภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ มีป้ายแสดงราคาน้ำมัน
โดยมีข้อความว่า” แพงก็เติม น้ำเปล่า หรือ บิ๊กตู่ ฟิวส์ขาด ด่ากราด ปปช. ไล่ให้เติมน้ำเปล่า แทนดีเซลอย่าโง่ วอนประชาชนอย่าเรื่องมาก” ซึ่งเมื่อบุคคลโดยทั่วไปเห็นภาพดังกล่าว ย่อมเข้าใจว่า พล.อ.ประ ยุทธ์ เป็นผู้พูดข้อความดังกล่าว และ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเนื้อข่าวได้ระบุถึงข้อความดังกล่าวข้างต้น ซึ่งได้เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ เป็นข้อมูลเท็จ และเป็น การสร้างเรื่องขึ้นเพื่อให้ร้ายนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่านายกรัฐมนตรีไม่เคยพูดเช่นนั้น

ปลัด อ.แม่ริม กล่าวต่อว่า ตนซึ่งถือเป็นพนักงานฝ่ายปกครอง ตามประมวลกฎหมายอาญาตามมาตรา 2 (16 ) มีอำนาจหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงขอร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อ พงส.เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดและเอาตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งได้นำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จ หลอกลวง บิดเบือน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ที่หลงเชื่อ มาฟ้องลงโทษ ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14  (1) (2) รวมถึงให้สอบ สวนผู้กระทำผิดดังกล่าว ว่ามีเจตนาอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2) (3) ด้วยหรือไม่

ภายหลังรับเรื่องแจ้งความ ทาง จนท.ตำรวจ จะทำการตรวจหาข้อมูลและข้อความที่ลงกระจายทางโซเซียล ว่าใครเป็นจุดเริ่มต้นในการทำเรื่องราวดังกล่าว เพื่อหาตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมาย
ส่วนทางด้าน นายสุชาติ ระมาศ ผช.ผจก.ใหญ่การตลาดขายปลีก บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า จากราคาน้ำมันในตลาดโลก ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันเบนซินปรับขึ้นกว่า 8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จาก 84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 92 เหรียญต่อบาร์เรล และน้ำมันดีเซลปรับขึ้นกว่า 6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จาก 86 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 92 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ยืนยันว่ารา คาขายปลีกได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างสอดคล้องกัน ซึ่งผู้บริโภคสามารถตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้อง ได้จากเว็บไซด์ของ สนพ. และ ปตท. ไม่มีนโยบายจำหน่ายน้ำมันในราคาที่แพงกว่าผู้ค้าน้ำมันรายอื่นในท้องตลาด

และนอกจากนี้สถานีบริการของ ปตท.กว่า 1,500 แห่ง นั้นเป็นของ ปตท.ประมาณ 150 แห่ง หรือเพียง 10% โดยสถานีบริการส่วน ใหญ่เป็นของ SME ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ ปตท. ที่ต้องการช่วยสร้าง SME ให้เข้มแข็งเพื่อร่วมเติบโตและดูแลสังคมชุมชนไปด้วยกัน
“สำหรับกรณีที่มีกลุ่มคนที่มีการแชร์ข้อมูลเท็จ ตามที่ปรากฎอยู่ในสื่อต่างๆในปัจจุบันนั้น ปตท.จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป”

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น