ปัญหาภายในมหาวิทยาลัย ชั้นนำ 2 แห่งในเชียงใหม่

เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายว่า เหล่าบัณฑิตจาก 2 มหาวิทยาลัยชั้นนำในไทย ในเชียงใหม่ มีความเป็นเลิศด้านวิทยาการ มาตรฐานสากล หนึ่งคือความเป็นปราชญ์ ราชบัณฑิตด้านการ เกษตร อีกหนึ่งคือความเป็นผู้นำในการจัดการศึกษา บนพื้นฐานรู้จริง ทำงานเยี่ยม ทั้ง 2 สถา บันมีหลักการเดียวกันคือ ผลิตบัณฑิตผู้มีความรู้คู่คุณธรรม ออกมารับใช้ชาติบ้านเมือง
กรณีปัญหาภายในที่ลือกระฉ่อน ปรากฎเป็นข่าวในสื่อออนไลน์ สื่อกระแสหลัก ครบถ้วนทุกมิติทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ คงไม่ใช่การจินตนาการ ปั้นแต่งข้อมูลข่าวสาร นำเสนอสู่สาธารณะแต่อย่างใด
การโต้แย้ง ชี้แจ้งข้อเท็จจริง หรืออุทธรณ์คำสั่ง ร้องขอความเป็นธรรมจากตัวแทนกองทัพ เกิดขึ้นด้วยความหวาดหวั่น หากสำนักงานการอุดมศึกษา(สกอ.) เสนอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว. ศธ.) ใช้คำสั่งคสช. ที่ 39/2559 เรื่อง การจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาล ในสถาบันอุดมศึกษา
ทั้งนี้ ผู้บริหาร สถานศึกษา โดยเฉพาะ “อธิการบดี” และสภามหาวิทยาลัย ทั้ง 2 แห่ง ต้องทำความเข้าใจในบริบท ความถูกต้อง ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย ตลอดจนบทบัญญัติข้อบังคับ ควรมีหลักธรรมาภิบาล ความรู้จักพอประกอบการพิจารณา เพื่อยุติปัญหาหรือไม่ เปรียบดุจ ไม่มีไฟ ย่อมไม่มีควัน และหลักการบริหารจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์สถาบันการศึกษาอันทรงเกียรติ กรณีความขัดแย้ง ปัญหายังดำรงอยู่ ยิ่งบานปลายเพราะเหตุใด
แห่งหนึ่ง เริ่มต้นกล่าวหา เมื่อปี 2559 กรณีนำรถยนต์ส่วนกลางของมหาวิทยาลัย ไปใช้ทั้งที่ได้รับค่าตอบแทนเหมาจ่ายการ จัดหารถประจำตำแหน่งอธิการบดีแล้ว และใช้รถยนต์ส่วนกลาง พนักงาน น้ำมันเชื้อเพลิง เบี้ยเลี้ยงพนักงานขับรถ ไปใช้ทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี บานปลายไปจนถึงการดำรงวาระยาว นานเกือบ 20 ปี ของบางกลุ่ม อีกแห่งเริ่มเมื่อปี 2552 มูลเหตุอาจเข้าข่ายกระทำความผิดวินัยร้ายแรง มีเจตนาจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  ทั้ง 2 มหาวิทยาลัย มีกระบวนการไต่สวน ตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผลสอบสวนสกอ. ไม่มีมูล แต่ผลสอบ ปปช.อยู่ระหว่างดำเนินการไต่สวนทั้ง 2 แห่ง
จากกรณีที่เกิดขึ้น ใน 2 มหาวิทยาลัยนั้น นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่าความจำเป็นต้องใช้อำนาจ คสช. ตาม ม.44 ของรธน. พ.ศ.2557 (ฉบับชั่วคราว) คณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ต้องเสนอความเห็นขึ้นมา การที่ กกอ.ยืนยันในข้อเสนอต้องขอใช้ ม.44 ย้อนแย้งผล สกอ.น่าขบ คิดว่าต้องมีข้อมูลเด็ดๆ จากภายใน 2 มหาวิทยาลัย และ รมว.ศธ.แถลงต่อสื่อเมื่อ 31 พค.ที่ผ่านมา หากมหาวิทยาลัยมีข้อสงสัยในเนื้อหาต้องทวงถาม ต้องเข้าพบ ขอรับคำชี้แจงจาก รมว.ศธ.ในฐานะผู้บังคับบัญชา คงไม่ใช่การเปิดแถลงข่าว ชี้แจงข้อเท็จจริง เพียงด้านเดียว และนำองค์กรนักศึกษา และองค์กรศิษย์เก่าเข้ามายุ่งเกี่ยว ภายในปมปัญหา ที่่ฟันธงว่า เป็นปมขัดแย้งภายใน
งานหนักไม่เคยฆ่าคน ฉันใด แต่ปัญหาบานปลายหนักขึ้นจะฆ่าสถาบันอันทรงเกียรตินี้ ผู้นำการเรียนรู้ มุ่งสู่การปฏิบัติ แต่ผู้บริหารบางคน บางกลุ่มเสพย์ติดอำนาจ แล้วใช้อำนาจในทางมิชอบ ผู้ปกครองฝากถาม ” สังคมอุดมปัญหา ใน 2 มหาวิทยาลัย จะพบหนทางสว่าง สงบ สันติ เมื่อไหร่ ” ยิ่งดิ้น ยิ่งทำให้การขอใช้ ม.44 มีเหตุ มีผลยิ่งขึ้น”

ร่วมแสดงความคิดเห็น