กรมปศุสัตว์ย้ำเนื้อไก่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล มีมาตรการเฝ้าระวัง-ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง

รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เตือนผู้บริโภคอย่าตื่นตระหนกกรณีการสุ่มตรวจเนื้อไก่ ระบุเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ออกตรวจสอบมาตรฐานทั้งที่จุดจําหน่ายและย้อนกลับถึงฟาร์มเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยในอาหาร แนะ เลือกซื้อเนื้อสัตว์จากฟาร์มมาตรฐาน

นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ และโฆษกกรมปศุสัตว์ ในฐานะ “มิสเตอร์ไก่เนื้อ” เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยมีการพัฒนาทั้งด้านอาหารสัตว์ การเลี้ยง-การจัดการฟาร์ม และการ ป้องกันโรคมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน กรมปศุสัตว์ยังมีระบบการรับรองและกํากับดูแล ให้สถาน ประกอบการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยอาหารทั้งห่วงโซ่การผลิต โดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของ กรมปศุสัตว์ดําเนินการตรวจสอบและติดตาม ทั้งที่โรงงานอาหารสัตว์ที่มีการควบคุมการใช้อาหารสัตว์ผสมยา โดยสัตวแพทย์ การเลี้ยงที่ฟาร์มมาตรฐาน การเชื่อดชําแหละที่โรงฆ่าที่ถูกสุขอนามัยและถูกกฎหมาย จนถึง การจัดจําหน่าย ทั้งที่ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาเก็ต และร้านจําหน่ายเนื้อสัตว์ ที่สําคัญยังมีการเฝ้า ระวังยาปฏิชีวนะและสารตกค้างอย่างเข้มงวดทั้งวงจร

“จากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ที่มีการสุ่มเก็บตัวอย่างครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมกว่า 30,683 ตัวอย่างต่อปี และส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการของกรมปศุสัตว์ ที่ได้รับรองตามมาตรฐานสากล ISO17025 เป็นที่ ยอมรับในระดับโลก พบว่า สินค้าปศุสัตว์ของประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยสอดคล้องตาม มาตรฐานสากลที่นานาชาติยอมรับ ซึ่งเป็นผลมาจากการเฝ้าระวังมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน” รองอธิบดีกรม ปศุสัตว์กล่าว

ขอให้ผู้บริโภคอย่าตื่นตระหนกกับข้อมูลข่าวสารต่างๆ เนื่องจากกระบวนการผลิตไก่เนื้อในอุตสาหกรรมอยู่ ภายใต้การกํากับดูแลอย่างเข้มงวดของกรมปศุสัตว์ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการบริโภคเนื้อสัตว์อย่าง ปลอดภัยกรมปศุสัตว์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจซ้ําอีกครั้ง และขอแนะนําให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าปศุ สัตว์จากผู้ผลิตที่มีมาตรฐาน สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์จะมีการเก็บตัวอย่างสินค้า และตรวจสอบเป็นประจํา ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการเฝ้าระวังสารตกค้างต่างๆ ในสินค้าปศุสัตว์ ดังเช่น สัญลักษณ์ Q หรือสัญลักษณ์ปศุสัตว์ OK ที่กรมปศุสัตว์มอบให้กับร้านจําหน่ายเนื้อสัตว์ที่มีมาตรฐาน เป็นต้น

นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทําแผนปฏิบัติการ “การ จัดการการดื้อยาต้านจุลชีพของประเทศไทย พ.ศ.2560-2564” เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยา และ กํากับดูแลการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างเหมาะสมในภาคอุตสาหกรรมปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง อีกทั้งยังจัดทําโครงการ ร่วมกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งประชาชาติ (FAO) ในการวิเคราะห์และจัดการความเสี่ยงของเชื้อดื้อ ยาในกระบวนการผลิตสินค้าปศุสัตว์ ขณะเดียวกันได้ร่วมมือกับสมาคมผู้เลี้ยงสัตว์ ภาคเอกชน และเกษตรกร ในการส่งเสริม สนับสนุนแนะนําให้จัดทําระบบการเลี้ยงที่สามารถป้องกันโรคได้ เพื่อให้เกษตรกรเกิดความ มันใจและลดการใช้ยาปฏิชีวนะ

ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันเป็น “สายตรวจปศุสัตว์” หากพบการกระทําผิดเกี่ยวกับภาคปศุ สัตว์ สามารถแจ้งเบาะแสผ่าน แอพพลิเคชั่น “DLD 4.0” เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าดําเนินการตรวจสอบได้ อย่างทันท่วงที่./

ข้อมูลโดย : กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สํานักงานเลขานุการ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ร่วมแสดงความคิดเห็น