รถไฟรางคู่ เด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ ขยับกำหนดแล้วเสร็จเร็วขึ้น เปิดใช้ได้ภายในปี 2566 จากเดิม 2568

รมว.กระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ขับเคลื่อนรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ขานรับมติ ครม.ผลักดันระบบรางเชื่อมเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว ท้องถิ่นมีเฮ สิ้นสุดการรอคอยกว่า 50 ปี
วันนี้ (9 สิงหาคม 2561) เวลา 09.00 น. ณ ห้องยูโทเปีย โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท จ. เชียงราย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.กระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานสัมมนาสร้างการรับรู้และความเข้าในโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ เพื่อนำข้อมูลวัตถุประ สงค์การก่อสร้างโครงการฯ ประโยชน์ของโครงการฯ และการเตรียมความพร้อมในทุกภาคส่วน เพื่อรอง รับการพัฒนาโครงการฯ พร้อมทั้งรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมสัมมนา โดยมี นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการถไฟแห่งประเทศไทย นายสมบูรณ์ ศิริเวช รอง ผวจ.เชียงราย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ประชา ชนทั่วไป และสื่อมวลชน เข้าร่วมงานกว่า 200 คน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ“กระทรวงคมนาคม กับการขับเคลื่อน จ.เชียงราย มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ” โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับแนวนโยบาย ในการพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ในภาคเหนือของประเทศไทย ทุกโหมดการเดินทาง โดยเฉพาะระบบรางที่จะเข้ามา มีบทบาทในการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเหนือ จากนั้นจึงเป็นการเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองจากภาคส่วนต่างๆ ใน จ.เชียงราย หัวข้อ“ภาคเหนือเร่งเครื่อง เดินหน้า คว้าโอกาส…รถไฟสายใหม่ เด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ” โดย นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์ สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการถไฟแห่งประเทศไทย ที่มาพูดถึงข้อมูลเบื้องต้นของโครงการประโยชน์ของประเทศไทย และที่สำคัญประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับคนเชียงราย บทบาทของ รฟท. ในการเร่งรัด ผลักดันให้โครงการนี้เดินหน้าต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น นายสมบูรณ์ ศิริเวช รอง ผวจ.เชียงราย ที่มาพูดถึงรถไฟสายประวัติศาสตร์ ที่ชาวเชียงรายรอคอยมากว่า 50 ปี ตลอดจนการเตรียมความพร้อมของ จ.เชียงราย หากมีการกระตุ้นเศรษฐกิจจากหลากหลายช่องทาง และวิท ยากรอีก 3 ท่าน คือ นายพรเทพ อินทะชัย ประธานหอการค้า จ.เชียงราย นายฉัตรชัย พัฒนานุภาพ ประ ธานสภาอุตสาหกรรม จ.เชียงราย และ นายกิตติ ทิศสกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยง จ. เชียง ราย ที่จะมาพูดถึงทิศทางการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของ จ.เชียงราย และความต้องการ ตลอดจนเงื่อนไขการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างให้ จ.เชียงรายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค
รมว.กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า สำหรับโครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นหนึ่งในแผนงานของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 และล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงเร่งรัดโครงการให้แล้วเสร็จได้ ในปี 2566 ด้วยมูลค่าโครง การ 85,345 ล้านบาท
โดยโครงการฯ มีจุดเริ่มต้นที่สถานีเด่นชัย จ.แพร่ มุ่งไปทางทิศเหนือผ่านพื้นที่ 59 ตำบล 17 อำเภอ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.แพร่ ลำปาง พะเยา และสิ้นสุดที่ด่านพรมแดนเชียงของ จ.เชียงราย รวมระยะทาง 323.10 กม. มีสถานีทั้งสิ้น 26 สถานี ประกอบด้วย สถานีขนาดใหญ่ 4 สถานี สถานีขนาดเล็ก 9 สถานี และป้ายหยุดรถ 13 แห่ง โดยมีลานขนถ่ายสินค้าจำนวน 4 แห่ง และย่านกองเก็บและบรรทุกตู้สินค้า 1 แห่ง ที่สถานีเชียงของ บนพื้นที่ 150 ไร่ พร้อมแนวถนนเชื่อมต่อด่านชายแดนเชียงของ
โครงการนี้ มีจุดเด่นที่สำคัญคือเป็นโครงการที่ก่อสร้าง โดยไม่มีจุดตัดทางแยกรถไฟเพื่อเพิ่มความปลอดภัย โดยมีการออกแบบรั้วกั้นเขตแนวสายทางของการรถไฟฯ และออกแบบสะพานรถไฟ สะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ ทางรถยนต์ลอดรถไฟ ทางเชื่อมรวมและกระจายจราจร ตลอดจนสะพานลอย ทางเท้า และทางรถจักรยานยนต์ข้ามและลอดทางรถไฟ รวมประมาณ 254 จุด ตลอดแนวเส้นทาง และยังมีอุโมงค์คู่ตามแนวเส้นทางที่พาดผ่านพื้นที่ภูเขา รวมระยะทางประมาณ 13.9 กม. เพื่อให้สามารถเพิ่มระดับความเร็วในการเดินทางขนส่งได้อย่างปลอดภัยด้วย ทั้งนี้ เมื่อโครงการนี้ ดำเนินการแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2566 จะรองรับผู้โดยสารได้ถึง 5,600 คน/วัน และรองรับได้ถึง 9,800 คน/วัน
ในปี 2559 สร้างอัตราการเติบโตของผู้โดยสารได้ถึงร้อยละ 1.95 ต่อปี และอัตรา การเติบโตของสินค้าประมาณร้อยละ 4.65 ต่อปี นอกจากนี้ ยังสามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าได้ถึง 413,417 ทีอียูต่อปี ในปี 2566 และเพิ่มเป็น 951,955 อีทียูต่อปี ในปี 2559 ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตของมูลค่าการนำเข้า-ส่งออก ผ่านด่านเป็นร้อยละ 30-40 ต่อปี โครงการนี้จึงเป็นเส้นทางสำคัญ เพื่อเชื่อมเศรษฐกิจแนวเหนือ-ใต้ เชื่อมอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง เชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟของ สปป.ลาว ที่จะมุ่งตรงสู่เมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน และยังสามารถขนถ่ายสินค้าออกสู่ทะเลทางท่าเรือแหลมฉบังได้ด้วย รองรับนโยบายจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชียงราย (SEZ) เป็นการเติมเต็มประสิทธิภาพโครงข่ายการคมนาคมของไทยให้สมบูรณ์ และเป็นการพลิกโฉม จ.เชียงราย ให้เป็น Logistics City ของภูมิภาคในอนาคตอีกด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น