ใส่หมวกกันน็อค!! แบบไหนไม่ถูกจับ เสียเงินค่าปรับโดยใช่เหตุ

เคยเป็นข่าวทำให้ประชาชนงุนงงกันมาแล้วครั้งหนึ่งเกี่ยวกับ”หมวกกันน็อค” ทั้งที่มี มอก. กรณีหนุ่มคนหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อคแบบเต็มใบ แต่ถูกตำรวจจับเพราะกระบังลม มีสีดำ เลยถูกเปรียบเทียบปรับ จำนวน 500 บาท ไปแล้วนั้น
เพื่อความกระจ่างเกี่ยวกับ “หมวกนิรภัย” หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า “หมวกกันน็อค” ตามพระราชบัญญัติจราจร
ทางบก พ.ศ.2522 มีรายละเอียดดังนี้ ม.122 ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และคนโดยสารรถจักรยานยนต์ ต้อง
สวมหมวกที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่ และโดยสารรถจักรยานยนต์ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามวรรคหนึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ในขณะที่คนโดยสารรถจักรยานยนต์มิให้สวมหมวกที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตรายลักษณะและวิธีการใช้หมวกกันน็อกเพื่อป้องกันอันตรายตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวงโทษ ม.148 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ม.122 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
*เพิ่มเติม ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีผู้โดยสารนั่งซ้อนท้าย หากผู้โดยสารไม่ได้สวมหมวกกันน็อค (มาตรา 122 วรรค 2) ระวางโทษปรับเป็น 2 เท่า (ไม่เกิน 500×2) กรณีรถจักรยานยนต์รับจ้างก็เข้าข่าย
ความผิดนี้ หากฝ่าฝืนปรับผู้ขับขี่ไม่เกิน 1,000 บาท ***กฎกระทรวงฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2535) ออกตามความใน พ.รบ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522

ข้อ 1 ในกฎกระทรวงนี้”หมวกนิรภัย” หมายความว่า หมวกที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์ “หมวกนิรภัยแบบปิดเต็มหน้า” หมายความว่า หมวกนิรภัยที่เปลือกหมวกเป็นรูปทรงปิดด้านข้าง ด้านหลังขากรรไกร และคาง ใน “กรณีที่มีบังลมต้องทำจากวัสดุโปร่งใสและไม่มีสี” “หมวกนิรภัยแบบครึ่งใบ” หมายความว่า หมวกนิรภัยที่เปลือกหมวกเป็นรูปครึ่งวงกลมปิดด้านข้างและด้านหลังเสมอระดับหู ใน “กรณีที่มีบังลม บังลมต้องทำจากวัสดุโปร่งใสและไม่มีสี”

ข้อ 2 หมวกนิรภัยให้ใช้ได้ทั้งสามแบบ คือ “หมวกนิรภัยแบบปิดเต็มหน้า หมวกนิรภัยแบบเต็มใบ และ
หมวกนิรภัยแบบครึ่งใบ” ในกรณีที่ได้มีการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแล้ว หมวกนิรภัยแบบใดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแล้ว หมวกนิรภัยที่จะใช้ต้องเป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม

ข้อ 3 ในขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ ผู้ขับขี่และคนโดยสารต้องสวมหมวกนิรภัยโดยจะต้องรัดคางด้วยสายรัดคางหรือเข็มขัดรัดคางให้แน่นพอที่จะป้องกันมิให้หมวกนิรภัยหลุดจากศีรษะได้หากเกิดอุบัติเหตุ
พรบ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(ฉบับที่ 5) พ.ศ.2535 โดยมีพระราชกฤษฏีกา กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหมวกนิรภัยสำหรับผู้ใช้ยานพาหนะต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ.2539
ม.20 ผู้ผลิตต้องแสดงหลักฐานให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ ฝ่าผืน ต้องระวางโทษไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ม.48 ม.35 ผู้รับใบอนุญาตแสดงเครื่องหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน สองปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ม.54(2) ม.36 ผู้โฆษณา จำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยรู้ว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ฝ่าผืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือ ปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สรุปแล้ว ตามหลักกฎหมายข้างต้นก็คือ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัย (หมวกกันน็อค) และหมวกนิรภัยต้องได้รับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) และสามารถใส่หมวกได้ 3 แบบนั่นคือหมวกนิรภัยแบบปิดเต็มหน้า,หมวกนิรภัยแบบเต็มใบ,หมวกนิรภัยแบบครึ่งใบ แต่! กระจกบังลมที่ปิดหน้าต้องเป็นวัสดุชนิด “โปร่งใส และ ไม่มีสี”

ร่วมแสดงความคิดเห็น